หาก "ยิ่งลักษณ์" ต้องจ่ายเงินชดเชยจำนำข้าว
หรือต้องติดคุก
ประยุทธ์ ใช้อำนาจ ม.44 ปิดเหมืองอัครา
ก็ต้องจ่ายเงินชดใช้เอง และต้องติดคุกด้วย
หากไม่สามารถตกลงกันได้
บริษัทอาจฟ้องร้องรัฐบาลไทย
ภายใต้กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
ตามกรอบความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)
ไทย-ออสเตรเลีย ในด้านการคุ้มครองการลงทุน
ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนของประเทศหนึ่ง
สามารถฟ้องร้อง
และเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลอีกประเทศหนึ่งได้
หากดำเนินนโยบายให้เกิดความเสียหายต่อการลงทุน
เช่น ยึดทรัพย์สิน ยึดการลงทุน หรือเวนคืนที่ดิน
ซึ่งการฟ้องร้องภายใต้เอฟทีเอนี้
มาตรา 44 ไม่มีอำนาจครอบคลุมไปถึง
และในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้
มีการจะเสนอให้เห็นชอบแนวทาง
ชดเชยความเสียหายให้บริษัทอัคราด้วย
การที่รัฐคิดจะ ชดเชยความเสียหายให้บริษัทอัครา
ก็เพื่ออะไร ?
ก็เพื่อไม่ให้ บริษัทอัครา
ไปฟ้อง อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ
แล้วถ้าเขาไปฟ้อง ความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่ใคร
อันนี้สำคัญมาก !
เพราะ ความรับผิดชอบที่จะต้องจ่ายเงิน
จะตกอยู่ที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดียว
ความจริง
เงินภาษีของประชาชนไม่ต้องควักสักบาทเดียว
เพราะว่า การใช้อำนาจตาม ม.44 ของ คสช.
เป็นของประยุทธ์ คนเดียว
และใช้อำนาจนี้ได้แค่ในราชอาณาจักรไทย
แต่ไม่เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในระดับนานาชาติ
หรือในเวทีโลก
ศาลระหว่างประเทศ จะพิจารณา
ให้ประยุทธ์ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
โดยใช้เงินส่วนบุคคล
เพราะเป็นผู้ออกคำสั่งด้วยตนเองแต่เพียงผู้เดียว !
แต่หากรัฐยอมชดเชยความเสียหายให้บริษัทอัครา
โดยเอาเงินภาษีประชาชนไปจ่าย
ทั้งๆที่เป็นความผิดพลาดของ ประยุทธ์ คนเดียว
ที่ใช้อำนาจ ม.44
เท่ากับว่าไม่ต่างจากคดี นายกฯยิ่งลักษณ์
ในกรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการ
รับจำนำ ข้าว กระทั่งทำให้รัฐเสียหาย
ส่วน ประยุทธ์ ทำรัฐเสียหาย
ในการใช้อำนาจตาม ม.44 ปิดเหมืองอัครา
และเงินที่รัฐต้องจ่าย
จะถือเป็นความผิดพลาดของ ประยุทธ์ คนเดียว
เพราะฉะนั้น
ประยุทธ์ ต้องจ่ายเงินชดใช้เงินทั้งหมด
และต้องติดคุกด้วย !
ในส่วนคดี "ยิ่งลักษณ์-ประยุทธ์" นั้นต่างกัน
เพราะว่า การจำนำข้าวชาวนาได้ประโยชน์
ส่วนการปิดเหมืองอัครา
บอกว่าต้องดูแลประชาชน
แต่ไม่ได้ทำตามความต้องการของประชาชน
เพราะประชาชนส่วนใหญ่ "เห็นด้วย"
กับการมีอยู่ของเหมือง
เป็นการตัดสิน และใช้อำนาจที่ผิดพลาด
ของ ประยุทธ์ คนเดียวแท้ๆ
บรรจบ ขุมทอง
.....
ภาพจากอินเตอร์เน็ต