พอดีสองคนนี่ขำพร้อมกันเมื่อวันวาน (๒๙ สิงหา) คนแรก อธึกกิต
แสวงสุข ขำเรื่อง “ยงยุทธ์ติดคุกฐานเอื้อผลประโยชน์อัลไพน์
แต่ป๋าเหนาะตัวต้นเรื่องกลับรอด”
เรื่องก็คือ นายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ
อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยถูกศาลอาญากลางตัดสินจำคุก ๒ ปี จากคดีการซื้อขายที่ดินธรณีสงฆ์แก่สนามกอล์ฟอัลไพน์
ปทุมธานี ที่ ปปช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องว่าจำเลยในขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตาม ‘คำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน’ ให้ยกเลิกโฉนดที่ดินนั้นของสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่ง ปปช.มีมติ ๖ ต่อ ๓
ชี้มูลความผิด
อันคดีอัลไพน์นี้เบื้องต้นเป็นคดีที่นายเสนาะ เทียนทอง
ครั้งเป็น รมว.มหาดไทย
ไม่ยอมให้มีการโอนที่ดินบริจาคของนางเนื่อมแก่วัดธรรมิการามฯ คลองหลวง
แล้วให้แบ่งขายที่ดินนำเงินไปให้กับวัดแทน แต่ ปปช.
ไม่เห็นด้วยทำการฟ้องร้องนายเสนาะแยกจากคดีนายยงยุทธ์
ทว่าคดีนายเสนาะศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองยกฟ้อง
อ้างว่าเนื่องจากโจทก์ “ไม่ได้ตัวจำเลยมาศาลในกำหนดอายุความ (https://www.matichon.co.th/news/645842) “ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๕ วรรคหนึ่ง
ดังนั้นสิทธิ์การฟ้องคดีอาญาย่อมถูกระงับไป”
อาการขำจึงเกิด “ตอนนั้นไม่ยักมีใครฟ้อง ปปช.
ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ละเว้น ส่วนใหญ่ก็เป็นอดีตผู้พิพากษาเป็นนักกฎหมาย
ไม่รู้ได้ไงวะ ว่าไม่เอาตัวป๋าเหนาะมาส่งศาล ขาดอายุความ
คดีนี้ถ้าสาวกันไปทั้งหมดก็จะไปพัวพันมูลนิธิมหามกุฎฯ
ที่เป็นผู้ขาย แต่เรื่องจริงๆ ก็คือวัดไม่อยากได้ที่ดิน วัดอยากได้เงิน
ก็มาให้ป๋าเหนาะออกคำสั่งไม่อนุญาตให้วัดรับมอบที่ดิน แล้วให้มูลนิธิฯ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก
ขายที่ดินเอาเงินให้วัดแทน” อธึกกิตเล่า (https://www.thairath.co.th/content/128282)
“แต่ร้อยไม่ควรพันไม่ควรคือ
บริษัทของเมียกับน้องป๋าเหนาะดันซื้อที่ดินไว้เอง หมื่นไม่ควรแสนไม่ควรคือ
ดันมาขายต่อให้ (ลูกเมีย) ทักษิณ สุดท้ายคนซวยคือ คนที่ซื้อบ้านไป”
ด้าน ธนาพล อิ๋วสกุล บอก “อย่าขำเรื่องสองผัว-เมียเชื่อร่างทรง
ทุบบ้านหาไม้ตะเคียน” เพราะคนไทยจำนวนมากเชื่อที่สนธิ ลิ้มทองกุลและสุเทพ
เทือกสุบรรณ เชื่อในสิ่งที่สองคนนี้กล่อมปัญญาให้ “เผาบ้านไล่แมลงสาบที่ชื่อ ‘ระบอบทักษิณ’ มาสิบปีแล้ว” ละ
ที่มาของเรื่องนี้ที่ “ผัวเมียรื้อบ้านขุดหาต้นตะเคียน
ตามคำแนะนำร่างทรงหลังลูกหายป่วย http://news.sanook.com/3261506/ แต่ครั้นรื้อเตียนแล้ว “ร่างทรงหนีหาย
ผัว-เมียร่ำไห้โฮ ยุติขุดหาไม้ตะเคียน เผยความเชื่อทำพิษจนหมดตัว http://deksocial.com/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%…/”
ธนาพลเขาเอาไปเปรียบกับพวกที่หลงใหลคำปราศรัยของสุเทพ
เทือกสุบรรณ และสนธิ ลิ้มทองกุล ให้ช่วยกันโค่นระบอบทักษิณ ด้วยการปิดกรุงเทพฯ เป่านกหวีดคัดค้านเลือกตั้ง
ต้องปฏิรูปก่อน ช่วยกันกวักมือเรียกทหารเข้ามายึดอำนาจ ก็เลยหวานคอแร้ง คสช.
จังหวะพอดีกับตอนนี้มิตรร่วมรบของ ‘สนธิ’
ออกมามุสาดราม่า “โอ้สวรรค์ โปรดประทานพรแก่สนธิด้วยเถิด” ไพศาล พืชมงคล
โอด “ตอนนี้สนธิมีอายุย่าง
๗๑ ปี ทำหน้าที่สอนเพื่อนนักโทษในคุก” และป่วยหนักมาก ตาซ้ายกำลังบอดสนิท
ปวดศีรษะอย่างแรง
“เสือกับหมาต่างกัน...สะเทือนใจนัก...เพราะสนธิยอมรับการลงทัณฑ์
อภัยและอโหสิกรรมให้กับทุกคนที่เคยสร้างเวรกรรมกันมา...
จึงต้องเอาเรื่องนี้มาบอกกล่าวให้ทราบกันว่า
ในขณะที่เกิดความสว่าง เทียนแห่งธรรมกำลังละลายตัวเอง...พวกเราอาจต้องคิดอ่านช่วยเหลือคุณสนธิกัน”
จะบังเอิญหรือบังอรก็แล้วแต่
ทางราชทัณฑ์ดันรู้ทัน “อธิบดีราชทัณฑ์แจง
‘สนธิ ลิ้ม’ ไม่ได้สอนหนังสือในคุก ประเด็นชรา-ตาซ้ายกำลังบอด ไม่เข้าเกณฑ์พักโทษ” https://www.matichon.co.th/news/646128
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวถึงเรื่องที่เป็นข่าวว่า นายไพศาล พืชมงคล แกนนำ กปปส. อดีต
สว. เดี๋ยวนี้ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ออกมาประโคมเรื่องนายสนธินั้น
“อาการตาซ้ายมองไม่เห็นของนายสนธินั้นเป็นมานานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่อาการป่วย”
เมื่อนายสนธิมีอาการกำเริบก็จะส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลตำรวจ
ซึ่งมีแพทย์ประจำตัวของนายสนธิคอยดูแลเป็นประจำอยู่แล้ว (ตามข่าวมติชน https://www.matichon.co.th/news/646128) กับ “สนธิไม่ได้บอดสนิท”
(จากบางกอกโพสต์ http://www.bangkokpost.com/news/politics/1315439/sondhi-vision-woes-predated-jail-term)
นั่นเท่ากับว่าที่นายไพศาลออกมาประโคม เพียงแค่ดราม่า
หาความจริงไม่ได้
“นายกอบเกียรติบอกด้วยว่าทางเรือนจำไม่ได้บังคับให้สนธิทำการสอนพวกนักโทษ”
(บางกอกโพสต์) แท้จริงนายสนธิอยากจะสอนหนังสือพวกนักโทษเอง จึงขออนุญาตทางเรือนจำ
แต่ราชทัณฑ์ไม่ยินยอม
“เกรงว่าจะเกิดปัญหา
เพราะในเรือนจำมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบนายสนธิ จึงไม่ได้อนุญาตให้นายสนธิเป็นครูพิเศษในเรือนจำ”
(เวอร์ชั่น มติชน)
ฉะนี้ เห็นชัดอีกว่านายไพศาล พืชมงคล ‘มุสา’ อีกคำ นอกจากนั้นว่ากันตามจริงแล้วการที่สนธิต้องติดคุก ก็ไม่ใช่ “เป็นแบบอย่างว่าผู้เสียสละที่ยอมพลีทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง แล้วต้องมีชะตากรรมไร้คนเหลียวแล”
แต่อย่างใด
“สนธิติดคุกคดีฉ้อโกง
ทำเอกสารรายงานการประชุมเท็จ ค้ำประกันเงินกู้ธนาคารกรุงไทยกว่าพันล้าน
ไม่ได้ติดคุกคดีการเมือง” (จากโพสต์ของ ‘ชัยวุฒิ สุวรรณโณ’ ทางหน้าเฟชบุ๊ค)
ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อ
๗ สิงหา ๕๗ ว่านายสนธิและพวกมีความผิดจริงตามคำตัดสินศาลชั้นต้นให้ต้องโทษจำคุก ๒๐
ปี ต่อมาในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
นายสนธิจึงต้องติดคุกตั้งแต่นั้นมา
การที่ไพศาลออกมาโอดครวญแทนสนธิ มุ่งหมายจะให้มีการ ‘พักโทษ’
นายสนธิบ้าง ขณะที่ช่วงนี้ “เทียนกำลังละลาย” พวกพันธมิตรฯ และ
กปปส. ต่างพ้นบ่วงกันเป็นทิวแถวแล้ว
ในฐานที่ตนเอง “ไม่ใช่คนของสำนักบ้านพระอาทิตย์” น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง เนื่องแต่คนที่เป็นหัวหอกในสำนักบ้านพระอาทิตย์เวลานี้ออกจะเป็นไม่เบื่อไม้เมากับ
คสช.อยู่พอควร
เมื่อนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือผู้จัดการ เพิ่งพูดในรายการ ‘คนเคาะข่าว’
ทางโทรทัศน์ดาวเทียม ‘นิวส์วัน’ ถึงการหายตัวไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ไว้หนักหน่วงทีเดียว
“มันปาหี่ชัดๆ...คนวินคือ คสช. คนที่เสียหายไม่เยอะ คือระบอบทักษิณ
ปูหมดสภาพไปก็ยังมีตัวตายตัวแทนคนใหม่” จิตตนาถอ้กล่าวหาด้วยว่า
“ดีลนี้นำไปสู่ทิศทางการเมืองใหม่ นี่คือการปรองดองระหว่าง
คสช. และ ทักษิณ”
เขายังพูดข้ามช็อตไปถึงเรื่องเลือกตั้งว่า
“ตัวเล่นมีแค่ คสช.
กับเพื่อไทยเท่านั้น ประชาธิปัตย์เป็นแค่น้ำจิ้ม
และเพื่อความมั่นใจไม่ให้ทักษิณซ่า ก็เลยเก็บคดีโอ๊คฟอกเงินกรุงไทยเอาไว้...
คสช. ชนะเด็ดขาด...เมืองไทยเข้าสู่ระบอบใหม่อย่างเต็มตัว คสช.
ทรงอำนาจที่สุดยิ่งกว่าระบอบทักษิณ...โดยที่ทักษิณไม่สู้ด้วย ขอเป็นแนวร่วมโดยไม่ต้องเปิดเผย...
นี่คือกระบวนการปาหี่แหกตาคนทั้งประเทศ
ซึ่งสุเทพก็อยู่ในกระบวนการนี้ด้วย” อุต๊ะ บร๊ะเจ้าจ่าง แค่ ‘ปูหนี’ (ไม่ได้ผวน) ไหงโอละพ่อกันไปได้เพียงนี้ล่ะ