วันอาทิตย์, สิงหาคม 13, 2560
วิสัยทัศน์กับยุทธศาสตร์ชาติสิงคโปร์ "น่าอิจฉามากก"
#วิสัยทัศน์กับยุทธศาสตร์ชาติ
ที่มา FB
Bow Nuttaa Mahattana
เมื่อห้าวันก่อนเป็นวันชาติสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนสื่อสารถึงการโฟกัสกับการพัฒนา 3 สิ่ง คือ
1. การศึกษาระดับอนุบาล
2. สงครามกับโรคเบาหวาน
3. การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา Smart Nation
โดยอธิบายความว่าจะลงทุนกับการสร้างโรงเรียนและบุคลากรครูปฐมวัยเพื่อเป็นรากฐานที่ดีในหลายด้านให้กับประชาชน อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนพ่อแม่ ให้สามารถทำงานอย่างวางใจว่าลูกๆจะได้รับการดูแลที่ดี สำหรับการต่อสู้กับโรคเบาหวาน ที่กลายมาเป็นวาระระดับชาติก็เพราะประชากรในประเทศต้องใช้เวลาเฉลี่ยถึง 8 ปีในช่วงบั้นปลายชีวิต เพื่อต่อสู้กับโรคร้ายโดยเฉพาะโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นทั้งความทรมานและภาระต่อครอบครัว การป้องกันจะเน้นที่การสร้างสุขนิสัยใหม่ เช่นการสร้างนิสัยดื่มน้ำเปล่ามากกว่าน้ำอัดลม และให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของความรับผิดชอบต่อการดูแลสุขภาพของตน ส่วนการสร้าง smart nation อันเป็นยุทธศาสตร์ต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสำหรับประเทศที่มี Smartphone มากกว่าจำนวนประชากรอยู่แล้วนั้น นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เน้นการเรียนรู้จากประเทศที่ทำได้ดีกว่า ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลระดับชาติเพื่อการพัฒนาบริการสาธารณะและสร้างงาน ใช้เงินอิเล็กทรอนิคส์ ใช้ระบบเทคโนโลยีเครือข่ายเพื่อความปลอดภัย และการส่งเสริมการสร้างแอพลิเคชั่นต่างๆเพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิต
น่าสังเกตว่า ยุทธศาสตร์ระดับชาติที่ใช้สื่อสารกับประชาชน ไม่จำเป็นต้องยืดยาวเยิ่นเย้อ แต่ต้องมีความเป็นรูปธรรมจับต้องได้ในระยะเวลาที่เอื้อมถึง ซึ่งจะสามารถนำพาคนให้มองเห็นภาพที่เป็นเป้าหมายเดียวกัน (วิสัยทัศน์)
ช่วงท้ายของสุนทรพจน์มีการอ้างอิงถึงคำกล่าวของลีกวนยู ที่เคยตั้งคำถามว่ารัฐบาลมีภาระหน้าที่ผูกพันต่อใคร คำตอบคือต่ออนาคต ไม่ใช่เพียงปัจจุบัน และแน่นอนว่าไม่ใช่ต่ออดีต
คลิปนี้ถ่ายทำที่ Bay East Garden เป็นสถานที่สำคัญของสิงคโปร์เพราะเป็นจุดที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูงจากความว่างเปล่านับจากวันที่สิงค์โปร์ได้รับเอกราช เป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ที่ได้กลายเป็นความจริง และเป็นสถานที่ที่ชาวสิงคโปร์ได้โหวตให้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์รำลึกถึงผู้สร้างชาติสิงคโปร์
เนื่องจากภาพในคลิปชัดเจนแจ่มใสมาก หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการถ่ายกับฉากเขียวแล้วมาตัดต่อแบคกราวน์ทีหลังรึเปล่า ลี เซียนลุง ได้ออกมาตอบหลังจากนั้นสองสามวันว่าเป็นคำถามเดียวกับที่ลูกถามเขาเลย จริงๆคือเขายืนพูดที่สถานที่จริง แล้วทีมงานใช้แสงไฟช่วยส่องด้านหน้าให้สว่างเท่าฉากหลัง
คงไม่ต้องเปรียบเทียบกับประเทศไทยในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสื่อสารวิสัยทัศน์ผู้นำ ยุทธศาสตร์ชาติ หรือฉากหลังบนหน้าจอ.
https://youtu.be/1Dkyy6CpLGg