วันอังคาร, สิงหาคม 01, 2560

ไม่รอดแน่ เศรษฐกิจประเทศไทย ดิเอคอนอมิสต์ฟันธง

ดิเอคอนอมิสต์ฟันธงเศรษฐกิจไทยไปไม่รอดแน่ อ้างผลวิจัยวันที่ ๓๑ ก.ค.๖๐ เนื่องจากที่มีรายงานว่ากระแสกิจการอุตสาหกรรมของไทยถดถอยลงไปอีก

นิตยสารวิจัยวิจารณ์เศรษฐกิจการเมืองของทั่วโลกระบุไว้ในรายงานฉบับกระชับที่เรียกว่า เอสเปรสโซ่สำหรับผู้อ่านบนเครื่องโทรศัพท์อัจฉริยะว่า ประเทศที่เคยเป็นเสาหลักทางการเติบโตเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้นักวิจัยงงงัน หลังจากที่เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมเลื่อนไหลออกไปจากเส้นทางความเจริญหลายปีติดต่อกัน

รายงานบอกว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยเริ่มย่อยสลายอย่างต่อเรื่องตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ ซึ่งขณะนั้นอัตราส่วนของการผลิตอุตสาหกรรมต่อการเติบโตของผลิตผลในประเทศ หรือจีดีพีอยู่ที่ ๓๑ เปอร์เซ็นต์ ครั้นมาถึงปี ๒๕๕๙ ลดลงไปเหลือ ๒๗ เปอร์เซ็นต์

“พวกนายพลที่ครองประเทศอยู่กำลังวางแผนฟื้นฟูการผลิต manufacturing (ที่เรียกว่าไทยแลนด์ ๔.๐) แต่มันก็เป็นไอเดียเหลวไหล

สำหรับธุรกิจในไทยมันง่ายกว่าที่จะทำเงินจากกิจการอสังหาริมทรัพย์หรือว่าเรื่องอาหาร เนื่องจากมีการแข่งขันน้อย การใช้ความคิดริเริ่มไม่สำคัญเท่าไรนัก ขณะที่ผลประกอบการสูง”


“ในการที่ต้องแข่งขันกับระบบผลิตด้วยเครื่องจักรกลมากขึ้น ประเทศไทยจำต้องรักษาราคาต่ำเอาไว้ และเพิ่มพูนแรงงานฝีมือให้มากขึ้น ทั้งสองอย่างได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปไม่ได้” รายงานเอสเปรสโซ่ชี้

“ค่าเงินบาทแข็ง การปกครองโดยทหาร และต่างชาติไม่สนใจไปลงทุน ทำให้ความพยายาม (ของพวกนายพล) ไม่ได้ผล”

รายงานด่วนของนิตยสารอังกฤษแจ้งด้วยว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปี ๒๕๕๙ ตกฮวบไปอยู่ที่ ๑.๖ พันล้านดอลลาร์ เทียบไม่ได้เลยกับเวียตนามที่มูลค่าเอพดีไออยู่ที่ ๑๒.๖ พันล้านดอลลาร์

ดิเอคอนอมิสต์ทำนายไว้ด้วยว่าในอนาคตประเทศไทยจะมีแต่เศรษฐกิจภาคบริการเท่านั้นที่โตได้ รวมไปถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

ก็ยังดีที่ “เมื่อปีที่แล้ว กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดบนโลกนี้”