วันพุธ, สิงหาคม 09, 2560

"สมชัยท้ามีชัยแล้วเว้ยเฮ้ย” กรธ. กับ กกต. ฟัดกันฝุ่นคลุ้ง เลือกตั้งแยกเบอร์

แหม เรื่องเลือกตั้ง ส.ส. ไปเป็นสภารองบ่อน ไม้ประดับ ๒๕๐ สว. จับตั้งเนี่ย กรธ. ทำเรื่องไม่ยากให้เป็นเรื่องยุ่งไปเสียนี่ วุ่นกันใหญ่ระหว่าง กรธ. กับ กกต. ฟัดกันฝุ่นคลุ้งระหว่างสอง ชัยคนหนึ่ง มี อีกคน สม

ผมขอท้าพนันตัดหัวกับ กรธ. สมชัยท้ามีชัยแล้วเว้ยเฮ้ย” Atukkit Sawangsuk เปิดประเด็น

ว่าไปแล้วการที่ กกต. ชุดนี้ที่มี สมชัย ศรีสุทธิยากร เป็นปากเอก ถูกเซ็ทซีโร่โละทิ้งก็ดีไปอย่าง ไม่ใช่เพราะหวังจะได้ชุดใหม่ที่ดีกว่า (หากสงสัยว่าจะห่วยไปใหญ๋) เพราะชุดเก่าแค่เข้าข้างพรรคที่ไม่เคยชนะ ชุดใหม่น่าจะคอยรับใช้พรรคทหารที่ไม่ชอบเลือกตั้งจ้องแย่งเอาท่าเดียว ละมากกว่า

มันทำให้สมชัยกล้าพูดความจริง ไม่ต้องโบ้ยบ้ายอย่างแต่ก่อน (คงจะสร้างผลงานไว้กลับไปเป็น พี-เน็ต มั้ง) โดยเฉพาะความจริงที่พรรคเพื่อไทยและอดีต กกต. สดศรี สัตยธรรม เขาพูดกันลั่นอยู่แล้ว

ในประเด็นที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญยกเลิกระบบพรรคเดียวเบอร์เดียว เปลี่ยนไปเป็น แยกเบอร์คือผู้สมัครของพรรคการเมืองเดียวกันในรายเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ต้องแยกกันไปจับสลาก

กกต. สมชัยให้ความเห็นต่อการที่ กรธ. จัดทำ พรป. การเลือกตั้งโดยกำหนดให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองจับเบอร์แยกเป็นรายเขตว่า “ไม่ได้ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”

แม้นว่านายชูศักดิ์ ศิรินิล ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตุไว้ก่อนหน้านี้ว่า “จะขัดต่อเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญที่ให้มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหรือไม่

สมชัยบอกว่า “ถ้าใช้บังคับ กกต. ก็สามารถปฏิบัติได้ แต่จะปฏิบัติได้ยาก” เพราะ “จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน” เหตุผลของเขาก็คือ

หนึ่ง การจับสลากเลือกเบอร์ในหลายท้องที่ “หากเกิดกรณีการปิดล้อมจับสลากไม่ได้ ก็จะเกิดปัญหาไม่สามารถจัดเลือกตั้งภายในวันเดียวได้ เพราะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย”

ข้อสอง การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่สามารถทำในส่วนกลางแห่งเดียวเหมือนก่อน จึงไม่สามารถรักษามาตรฐานป้องกันการปลอมแปลงได้ เพราะศักยภาพในท้องถิ่นยังไม่ดีเท่า

“สิ่งที่ กกต. เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดการรั่วไหลในการพิมพ์แล้วเกิดการโกงกันทั้งประเทศ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น ยกเว้นว่าอยากทำให้โกงกันทั้งบ้านทั้งเมืองก็ทำกระบวนการนี้” แน่ะมีเหน็บ

ประการสุดท้าย แม้ว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ยืนยันว่าการตรวจนับคะแนนและคำนวณจำนวนผู้ได้รับเลือกตั้ง แยกแยะตามบัญชีรายชื่อจากบัตรใบเดียว ระบบคอมพิวเตอร์ทำได้ไม่ยาก นายสมชัยเห็นว่า

รูปแบบที่ กรธ. คิดยังสามารถเขียนโปรแกรมประมวลผลได้ แต่ปัญหาคือตรวจสอบของภาคประชาชน หรือองค์กรที่ร่วมตรวจสอบการเลือกตั้งจะทำให้ได้ยาก...

ไม่ใช่ กกต. ต้องการโกง แต่ต้องการให้ภาคประชาชนตรวจสอบได้ง่าย และรูปแบบใหม่ก็จะทำให้ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น” (ตรงนี้อาจแซวได้ว่าแกจัดที่จัดทางไว้เป็นพี-เน็ต ผู้ตรวจสอบเลือกตั้ง)

สมชัยยังตีกันไว้อีกว่า “ที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ ตนเองไมได้อยู่ในจุดที่จะได้ประโยชน์อะไร เพราะการจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นหน้าที่ของ กกต. ชุดใหม่”

ประเด็นที่ กกต.สมชัย บังเอิญพูดตรงกับพรรคเพื่อไทย (บังอรก็แซวได้อีกแหละว่า ทักษิณซื้อตัวไปแล้ว ห้าฮ่า) เป็นเรื่องทื่มีชัยอ้างว่าการจัดทำระเบียบเลือกตั้งใหม่ “จะทำให้การซื้อเสียงยากขึ้นอีกหน่อย” นั้น

สมชัยชี้ว่า “ที่ให้แต่ละเขตเลือกตั้งได้เบอร์ไม่เหมือนกัน ก็ไม่ช่วยเรื่องลดปัญหาการทุจริตเลือกตั้ง เพราะการทุจริตเกิดในพื้นที่ไม่ได้เกี่ยวกับหมายเลข...

ผมขอท้าพนันตัดหัวกับ กรธ. ว่า หากมีความมั่นใจว่าระบบใหม่นี้จะช่วยแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ให้ประกาศว่าถ้ามีการซื้อเสียงเกิดขึ้น กรธ. ขอรับผิดชอบ” เอามั้ย


พวกเพื่อไทย ไม่ว่าจะ สามารถ แก้วมีชัย อดีตรองประธานสภาฯ ชูศักดิ์ สิรินิล หัวหน้าทีมกฎหมาย และอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรค ล้วนออกมาแย้งในทำนองเดียวกันว่า

ระบบเดิม “มีกระบวนการที่ลงตัวอยู่แล้ว” ระบบใหม่ที่ กรธ. คิดขึ้นมา “สร้างความสับสนวุ่นวาย อธิบายยาก” และ กรธ.ควรเปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นให้ครบถ้วนรอบด้าน”

นายอนุสรณ์จี้จุดตรงแสกหน้าว่า รัฐธรรมนูญปราบโกงที่นายมีชัยออกแบบเอง กรธ. ต้องมั่นใจสิ ในกลไกการตรวจสอบและบทลงโทษที่การซื้อเสียงที่มีโทษสูงถึงขั้นยุบพรรค”


อย่าเอาแต่ปักปรำว่าพวกพรรคและนักการเมือง ต้อง โกง กันหมดทุกคน