ทัศนคติล้าหลังของเผด็จการทหาร เหมือนน้ำยาที่ไร้น้ำยา #ป #ม116 #เสรีภาพ #ความคิด #สื่อ https://t.co/4p8HIFkSmB— twitbhop (@twitbhop) August 14, 2017
'ประวิตร โรจนพฤกษ์' สื่อมวลชนผู้ที่ 'ทัศนคติ' ปรับไม่ได้
ที่มา Voice TV
by พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ
8 สิงหาคม 2560
8 สิงหาคม ประวิตร โรจนพฤกษ์ สื่อมวลชนอาวุโสต้องเข้ารายงานตัวกับ ปอท.หลังจากมีผู้แจ้งความเรื่องข้อความใน Facebook เขาคือหนึ่งคนที่ตั้งคำถามกับคสช.มาตลอดเวลา
เป็นอีกครั้งที่สื่อมวลชนที่มีหน้าที่รายงานข่าว ต้องตกเป็นข่าวเสียเอง เมื่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เรียกตัวนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสของ Khaosod English รับทราบข้อกล่าวหากรณีโพสต์ Facebook ที่มีข้อความกระทบกฎหมายอาญามาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จำนวน 5 โพสต์ซึ่งความผิดโทษสูงสุดรวมจำคุก 20 ปี
วอยซ์ทีวี เคยได้สัมภาษณ์กับประวิตรโดยเขากล่าวว่าทาง ปอท.ไม่ได้แจ้งว่าเป็นข้อความใด แต่จะให้ดูต่อเมื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา และจะให้เวลาชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรในระยะเวลา 30 วัน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประวิตรถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเรียกพบตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
ประวิตร โรจนพฤกษ์ คือบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ที่ตัดสินใจเข้ามาทำงานในวงการสื่อสารมวลชนโดยเริ่มงานกับสำนักข่าวระดับโลกอย่างรอยเตอร์ส และเมื่อย้ายกลับมาประเทศไทยเริ่มต้นกับหนังสือพิมพ์ The Nation ในเครือเนชั่น เมื่อครั้งปี 2554 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการเผยแพร่บทความ 8 ชิ้นลงในเว็บไซต์ประชาไท แต่ท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ถูกถอนฟ้อง
สไตล์การนำเสนอของประวิตรเป็นไปในรูปแบบตรงไปตรงมา มีมุมมองวิพากษ์วิจารณ์ การสัมภาษณ์ประเด็นที่ค่อนข้างเจาะลึก ทำให้คอการเมืองหลายคนติดตามผลงานของเขามาอย่างต่อเนื่อง โดยประวิตรเลือกที่จะวิจารณ์ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
หลังการทำรัฐประหารภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งที่ 6/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่ม โดยให้นายประวิตร ไปรายงานตัวที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 ซึ่งนายประวิตรก็เข้ารายงานตัวโดยใช้เทปกาวสีดำปิดปากก่อนเข้ารายงานตัวเพื่อเป็นการประท้วงเชิงสัญลักษณ์
แต่หลังจากรายงานตัวและปรับทัศนคติแล้วประวิตรก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คสช.ด้วยความคิดเห็นที่ดุเดือดต่อไปทำให้ถูกเรียกเข้าไปปรับทัศนคติอีกครั้งเมื่อ 13 กันยายน 2558โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อนายประวิตร เพื่อขอเชิญไปพบที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนิน ก่อนจะถูกนำตัวออกจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยไม่ทราบว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ใด ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 15 กันยายน 2558แต่ในครั้งส่งผลให้ประวิตรต้องออกจากบริษัทที่ร่วมงานมาถึง 23 ปีอย่างเครือเนชั่น
จนประวิตรย้ายมาเริ่มงานที่เว็บไซต์ Khaosod English ก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องทั้งผ่านบทความและ Facebookส่วนตัว และล่าสุดคือกรณีที่ปอท.เรียกไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหากรณีข้อความใน Facebook ที่เข้าข่ายความผิดม.116
วอยซ์ทีวีเคยได้พูดคุยกับประวิตรเขากล่าวว่าท้ายที่สุดสังคมที่ไม่พูดความจริงคือสังคมที่ปฏิเสธการส่องกระจก เพราะกลัวชุดความจริงที่มากกว่าชุดเดียวที่สังคมพยายามจะทำให้เชื่อ หรือว่าเขาจะเป็นนักข่าวที่ "ปรับทัศนคติ"ไม่ได้ ต้องติดตามว่าคดีความนี้จะจบลงเช่นไรต่อไป
8 สิงหาคม ประวิตร โรจนพฤกษ์ สื่อมวลชนอาวุโสต้องเข้ารายงานตัวกับ ปอท.หลังจากมีผู้แจ้งความเรื่องข้อความใน Facebook เขาคือหนึ่งคนที่ตั้งคำถามกับคสช.มาตลอดเวลา
เป็นอีกครั้งที่สื่อมวลชนที่มีหน้าที่รายงานข่าว ต้องตกเป็นข่าวเสียเอง เมื่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เรียกตัวนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสของ Khaosod English รับทราบข้อกล่าวหากรณีโพสต์ Facebook ที่มีข้อความกระทบกฎหมายอาญามาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จำนวน 5 โพสต์ซึ่งความผิดโทษสูงสุดรวมจำคุก 20 ปี
วอยซ์ทีวี เคยได้สัมภาษณ์กับประวิตรโดยเขากล่าวว่าทาง ปอท.ไม่ได้แจ้งว่าเป็นข้อความใด แต่จะให้ดูต่อเมื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา และจะให้เวลาชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรในระยะเวลา 30 วัน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประวิตรถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเรียกพบตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
ประวิตร โรจนพฤกษ์ คือบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ที่ตัดสินใจเข้ามาทำงานในวงการสื่อสารมวลชนโดยเริ่มงานกับสำนักข่าวระดับโลกอย่างรอยเตอร์ส และเมื่อย้ายกลับมาประเทศไทยเริ่มต้นกับหนังสือพิมพ์ The Nation ในเครือเนชั่น เมื่อครั้งปี 2554 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการเผยแพร่บทความ 8 ชิ้นลงในเว็บไซต์ประชาไท แต่ท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ถูกถอนฟ้อง
สไตล์การนำเสนอของประวิตรเป็นไปในรูปแบบตรงไปตรงมา มีมุมมองวิพากษ์วิจารณ์ การสัมภาษณ์ประเด็นที่ค่อนข้างเจาะลึก ทำให้คอการเมืองหลายคนติดตามผลงานของเขามาอย่างต่อเนื่อง โดยประวิตรเลือกที่จะวิจารณ์ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
หลังการทำรัฐประหารภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกคำสั่งที่ 6/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่ม โดยให้นายประวิตร ไปรายงานตัวที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 ซึ่งนายประวิตรก็เข้ารายงานตัวโดยใช้เทปกาวสีดำปิดปากก่อนเข้ารายงานตัวเพื่อเป็นการประท้วงเชิงสัญลักษณ์
แต่หลังจากรายงานตัวและปรับทัศนคติแล้วประวิตรก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คสช.ด้วยความคิดเห็นที่ดุเดือดต่อไปทำให้ถูกเรียกเข้าไปปรับทัศนคติอีกครั้งเมื่อ 13 กันยายน 2558โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อนายประวิตร เพื่อขอเชิญไปพบที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนิน ก่อนจะถูกนำตัวออกจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยไม่ทราบว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ใด ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 15 กันยายน 2558แต่ในครั้งส่งผลให้ประวิตรต้องออกจากบริษัทที่ร่วมงานมาถึง 23 ปีอย่างเครือเนชั่น
จนประวิตรย้ายมาเริ่มงานที่เว็บไซต์ Khaosod English ก็ยังคงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องทั้งผ่านบทความและ Facebookส่วนตัว และล่าสุดคือกรณีที่ปอท.เรียกไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหากรณีข้อความใน Facebook ที่เข้าข่ายความผิดม.116
วอยซ์ทีวีเคยได้พูดคุยกับประวิตรเขากล่าวว่าท้ายที่สุดสังคมที่ไม่พูดความจริงคือสังคมที่ปฏิเสธการส่องกระจก เพราะกลัวชุดความจริงที่มากกว่าชุดเดียวที่สังคมพยายามจะทำให้เชื่อ หรือว่าเขาจะเป็นนักข่าวที่ "ปรับทัศนคติ"ไม่ได้ ต้องติดตามว่าคดีความนี้จะจบลงเช่นไรต่อไป
