ข้อมูลนี้ได้มาจากการคุ้ยค้นของ Sirikanya Tansakun @SirikanyaTansa1 “พบว่ามีการเพิ่มงบกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมาเพียง ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท และเพิ่มงบกองทุน SME อีก ๕,๐๐๐ ล้านบาท” รวมแล้ว ๒ หมื่นล้าน
ขณะที่โครงการเงินดิจิทัลจะต้องใช้ ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท กับรายจ่ายปกติ เช่นเงินเดือนข้าราชการ (กระทรวงกลาโหมมากที่สุด) งบฯ บำนาญ งบฯ รักษาพยาบาล และงบฯ ใช้คืนหนี้กระทรวงการคลังที่ปี ๖๗ สูงมากถึง ๑.๑๘ แสนล้านบาท
จัดอันดับกระทรวงที่ได้งบฯ มาก ๕ อันดับแรก คราวนี้แช้มป์ตลอดกาล กระทรวงศึกษาฯ ตกกระป๋องไปอยู่อันดับสอง โดนมหาดไทยแซงปาดหน้าดังลั่นเอี๊ยด ครั้งนี้ มท.ได้เพิ่มอีก ๘.๕% เป็นทั้งสิ้น ๓.๕๓ แสนล้าน เพราะต้องจ่ายกำนันผู้ใหญ่บ้านและ อบต.เพิ่ม
คุณไหมข้อสังเกตุเรื่องงบประมาณท้องถิ่น (นโยบายหลักอย่างหนึ่งของพรรคก้าวไกล) ว่ารัฐบาลเศรษฐาไม่ใส่ใจผลักดันนัก “จัดสรรรายได้ให้ท้องถิ่น ๒๙% ของรายได้รัฐสุทธิเท่านั้น ต่ำกว่าปีที่แล้ว ที่สำคัญยังคงไม่มีการชดเชยภาษีที่ดินให้กับ อปท.”
มาถึงกระทรวงศึกษา (ของ เพิ่มพูน ชิดชอบ ประมาณว่าระดับน้องๆ ของมหาดไทย ที่พี่ ‘หนู’ ว่าการ) ได้ ๓.๒๘ แสนล้าน เพิ่มจากปีที่แล้วนิดหน่อย แต่ถ้าเศรษฐาเอาตามงบฯ ที่ประยุทธ์ตั้งไว้ จะได้มากกว่านี้อีก ๒ พันล้าน
ศิริกัญญาตั้งท่าลุ้นว่างบฯ แท้ปเล็ต ที่เปลี่ยนชื่อเป็นโน้ตบุ๊คนั้นจะได้เท่าไหร่ จะเป็นการซื้อใหม่หรือเช่าใช้ เลยไปถึงกระทรวงการคลัง ซึ่งได้งบประมาณเป้นอันดับสาม ๓.๒๗ แสนล้าน หายใจรดต้นคอศึกษาธิการ แต่ก็เพิ่มจากปีก่อนถึง ๑๕%
มีข้อสังเกตุอีกว่างบ ก.คลังที่เพิ่มน่าจะเอาไปให้กรมสรรพสามิต “ภายใต้แผนบูรณาการอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต ๓,๐๐๐ ล้านบาท” คาดว่าเอาไปใช้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า นอกนั้นกลาโหมซึ่งได้เพิ่มจากเดิมเล็กน้อย กว่าครึ่งเอาไปใช้จ่ายเงินเดือน
สำหรับโครงการขึ้นเงินเดือนข้าราชการที่เพิ่งประกาศ อาจจะใช้งบประมาณจาก ‘งบกลาง’ ที่ตั้งไว้สูงกว่าปี ๖๖ ถึง ๖ พันล้าน และโครงการซ้อฟพาวเวอร์นั้น “สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลหรือ Depa ได้งบเพิ่ม ๒ เท่า” กับ สนง.เศรษฐกิจสร้างสรรค์ก็ได้เพิ่ม ๕๐%
ส่วน กกต.ได้งบเพิ่มพันกว่าล้าน ศิริกัญญาตั้งข้อสงสัยว่า “จะเป็นงบประชามติรึเปล่า” น้า
(https://twitter.com/SirikanyaTansa1/status/1730104163047182507 และ https://www.thairath.co.th/money/economics/analysis/2732281)
