Jom Petchpradab
19h·
อาลัย"พี่ดา" (ดารณี กฤตบุญญาลัย )
ใจหาย และเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง กับการจากไปของ”พี่ดา”สะท้อนใจและย้อนถามตัวเองขี้นมาด้วยเหมือนกันว่า วันสุดท้ายของเราที่ต้องตายอยู่ในแผ่นดินประเทศอื่น จะมาถึงวันไหน....?
“พี่ดา”..เดินทางเข้ามาขอลี้ภัยในอเมริการาว ๆ ปลายปี 2557 หลังจากหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านมาระยะหนึ่งโดยมาสมทบกับ กลุ่มผู้ลี้ภัยคนอื่นๆที่เดินทางมาแล้วก่อนหน้า และได้ตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า “ขบวนการเสรีไทย” ที่คุณทักษิณ ชินวัตร ให้การสนับสนุน
ในตอนนั้นเกือบ 10 ชีวิตต้องกินอยู่หลับนอนกันในบ้านเช่าที่ค่อนข้างแออัด ชานเมือง ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บ้านที่ต้องแย่งกันเข้าห้องน้ำ ต้องหาที่ซุกหัวนอนกันเอาเองในแต่ละมุมห้อง
ทีแรกผมไม่คิดว่า สาวไฮโซสายเลือดเวียตนามแท้ๆ อย่าง”พี่ดา”จะทนอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้. แต่พี่ดาปรับตัวให้เข้ากับความอัตะคัดคับแคบและความแออัดของผู้คนได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการลี้ภัยการเมืองของ"พี่ดา"
แต่เราทุกคนรู้ว่า ลึก ๆในใจพี่ดา มีทั้งความเจ็บปวด ความกดดันและต้องอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดกับการต้องอยู่เหมือนคนสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องลดทอนตัวตนที่เคยเป็น ตัดใจในสิ่งที่ตัวเองเคยมี. แต่ "พี่ดา"ก็ไม่เคยแสดงความสิ้นหวัง ท้อแท้ น้อยเนื้อต่ำใจ และไม่เคยแสดงออกถึงความรู้สึกด้านลบในการมาเป็นผู้ลี้ภัยให้ใคร ๆ ได้เห็น
ตรงกันข้ามกลับมองชีวิตและดำเนินชีวิตด้วยแว่นตา วิกผมที่หลากหลายสีสัน เครื่องแต่งกายที่มีความเย้ายวนไม่ซ้ำกัน เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความ สดใส ร่าเริง เบิกบานอยู่เสมอในทุกๆวัน
พี่ดา..จึงเป็นพี่ใหญ่ที่คอยให้กำลังใจในการที่ได้ร่วมกันต่อสู้มาด้วยกัน“พวกเราต้องหนุนใจให้กันและกันอยู่เสมอ” เป็นคำที่ติดหู ที่พี่ดามักจะคอยปลอบขวัญ ให้กำลังใจกับเพื่อน ๆ พี่น้องๆ น้อง ๆ ผู้ลี้ภัย
ช่วงปี 57 – 60 พวกเราแต่ละคน ต่างทะยอยทำคลิปผ่านเฟสบุ๊ค ยูทูป
กันเป็นประจำเกือบทุกวัน วิพากษ์วิจารณ์ความเลวร้ายของเผด็จการทหาร และชนชั้นปกครองไทยกันอย่างรุนแรงและตรงไปตรงมา. นอกจากนั้นยังตระเวณ เดินทางไปจัดเวทีพูดคุยกับชุมชนไทยในเมืองต่าง ๆ ในหลายรัฐ เกือบทุกภาคของอเมริกา เพื่อจะกระตุก กระตุ้นให้คนไทยในอเมริกาได้ตั้งคำถามและร่วมกันทำลายเผด็จการในประเทศไทย. โดยมี "พี่ดา"เป็นผู้สร้างสีสันบันเทิงให้กับทุกเวที
แม้พวกเรามีเป้าหมายเดียวกันคือโค่นล้มเผด็จการและปักธงประชาธิปไตยที่แท้จริงลงในแผ่นดินไทย. แต่ผู้ลี้ภัยแต่ละคนก็อาจจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน. สำหรับ “พี่ดา”นอกจากจะวิเคราะห์การเมืองและวิจารณ์กองทัพ เผด็จการทหารในประเทศไทยอย่างเผ็ดร้อนแล้ว “พี่ดา” ยังประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าจะเป็นองคลักษณ์พิทักษ์ “ทักษิณ” และอดทนรอคอยเวลาที่จะให้เพื่อไทยกลับมามีอำนาจเป็นรัฐบาลอีกครั้ง และหวังจะให้คุณทักษิณ ชินวัตร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง.
ผมกับพี่ดาจึงมีความเห็นต่างกันเพียงเรื่องเดียวแค่นี้. เพราะผมไม่เชื่อในลัทธิตัวบุคคล แต่พี่ดาแสดงให้พวกเราเห็นอยู่เสมอว่า พร้อมที่จะตายเพื่อ”ทักษิณ” ได้เสมอ.แม้เวลาจะกล่าวถึงคุณทักษิณ "พี่ดา"ก็มักขอร้องให้พวกเราเรียกคุณทักษิณว่า "ท่านนายกฯทักษิณ"
ย่างเข้าปี 2560 ผมได้แยกตัวออกมาจากลุ่ม เมื่อเห็นว่า ขบวนการเสรีไทย
ไม่ประสบความสำเร็จในการเคลื่อนไหว. จากนั้นเป็นต้นมา ผมกับ"พี่ดา"
จึงไม่มีโอกาสพบปะ พูดคุยวิเคราะห์การเมืองไทยร่วมกันอีกเลย
แต่ก็ทราบว่า "พี่ดา"ได้ย้ายไปอยู่รัฐแคนตั๊กกี้ ด้วยการช่วยเหลือของคุณทักษิณ และทราบต่อมาว่า"พี่ดา"ป่วยด้วยโรคลำไส้ต้องเข้ารับการผ่าตัด และยังได้ทำคลิปแสดงความขอบคุณแพทย์พยาบาล และรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ทำให้ชีวิตพ้นขีดอันตราย
แต่ถึงกระนั้น “พี่ดา” ก็ยังคงทำคลิปตามสไตล์ของพี่ดาให้แฟนคลับได้หายคิดถึงอยู่ไม่ขาด
วันที่ 25 ธันวาคม วันคริสต์มาส ผมทราบข่าวการเสียชีวิตของ”พี่ดา”จากเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง. เพราะ “พี่ดา” อยู่บ้านเพียงคนเดียว ไม่มีเพื่อนคนไทยในละแวกใกล้เคียงเลย ทราบจากคนไทยที่ติดต่อกับ”พี่ดา”อยู่เสมอว่า “พี่ดา”น่าจะเข้าโรงพยาบาลด่วนด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ในวันที 19 ธันวาคม แม้คณะแพทย์จะทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนแต่ด้วยความเสียหายของลำไส้ที่เคยผ่าตัดไปครั้งก่อนลุกลามไปทั่วท้อง ทำให้”พี่ดา”ช็อคหัวใจวายในที่สุด
ผมเชื่ออย่างเหลือเกินว่าหาก”พี่ดา” อยู่ที่เมืองไทย แม้จะเจ็บป่วยด้วยโรคลำไส้ แต่การดูแลรักษาของคณะแพทย์ไทยคงทำให้”พี่ดา”จะยังมีชีวิตยืนยาวอยู่ต่อไปได้อีกนานแน่นอน เช่นเดียวกับการเสียชีวิตของ พ.อ.อภินันท์ วิริยะชัย ที่ลี้ภัยออกมาแล้วต้องไปเสียชีวิตอย่างเดียวดายใน ร.พ.ประเทศฟิลิปินส์
"อเมริกา"แม้จะมีระบบเครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัย มีแพทย์พยาบาลที่มีความสามารถ แต่การจะเข้าถึงการรักษาสำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาพักอาศัยยิ่งเป็นวัยชราที่ไม่มีลูกหลาน ครอบครัวคอยดูแลช่วยเหลือด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่ยากแค้นอย่างยิ่ง เพราะอุปสรรคสำคัญคือการสื่อสาร ที่ต้องอธิบายถึงอาการเจ็บป่วยของตัวเองให้แพทย์พยาบาลได้เข้าใจอย่างชัดแจ้งและตรงกับอาการ และยิ่งต้องใช้ศัพท์แสงในทางการแพทย์ ทางกายภาคเป็นส่วนมากด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่
ดังนั้นแค่การสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างเดียวไม่พอ หากไม่มีใครช่วยก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่งจริง ๆ อันนี้ยังไม่พูดถึงระบบประกันสุขภาพที่ทำงานร่วมกันทั้งรัฐและเอกชนกว่าจะผ่านการอนุมัติแต่ละขั้น แต่ละตอนก็ต้องมีคนคอยวิ่งคอยจี้
จึงรู้สึกได้ว่าการจากไปของ “พี่ดา” คงผ่านความเจ็บปวด ทรมาน และเดียวดายอยู่ไม่น้อย..
“พี่ดา” เคยพูดกับผมว่า “เรามาอยู่อเมริกาเพียงชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่นานเพื่อไทยก็กลับมาเป็นรัฐบาล ท่านนายกฯทักษิณ ก็จะได้กลับไทย พวกเราก็จะได้กลับบ้านอย่างนักสู้ผู้มีเกียรติ”
ถึงวันนี้..หวังว่า “พี่ดา”ได้กลับไทยอย่างมีเกียรติในฐานะนักสู้เพื่อประชาธิปไตยได้เสียที..ครับพี่
เป็นที่รู้กันว่า “พี่ดา” ร้องเพลงเพราะมาก เพลงหนึ่งที่พวกเรามักขอให้ “พี่ดา” ร้องให้ฟังอยู่เสมอคือเพลง “เดือนเพ็ญ” ท่อนหนึ่งของเพลงนี้ที่กินใจพวกเรา และมักทำให้เราหลายคนน้ำตาคลอไปด้วยกันอยู่เสมอเมื่อถึงท่อนที่ร้องว่า “ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้ นำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไปบอกเขานั้นหนา ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้ากับอกแม่เอย”
ถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าวิญญาณของ”พี่ดา” คงได้กลับไปซบอกแผ่นดินแม่อย่างสมใจของพี่ดาแล้ว...หลับให้เปี่ยมสุขนะครับ..”พี่ดา”
ผู้รักประชาธิปไตยทุกคนจะระลึกถึงพี่ตลอดไปครับ
จอม เพชรประดับ
26 ธันวาคม 2566