ดราม่าประเทศไทยไม่จบสิ้น สองสามวันก่อนดาราซัดนักร้อง พอมาวานนี้อาจารย์ขย้ำนิสิต
ล้วนแล้วแต่เพราะคลั่งไคล้ความเป็น ‘ไทยๆ’ ยิ่งใหญ่ในครอบกะลา
เห็นฟ้าเฉพาะที่ผ่านรู ไม่รับรู้ว่าโลกภายนอกรอบๆ เป็นอย่างไร
เหตุเกิดที่จุฬาฯ ๓ ก.ค. วันพิธี ‘ถวายสัตย์’ ของนิสิตใหม่ ตอนท้ายเกิดดราม่าเมื่อนายเรืองวิทย์ บรรจงรัตน์
ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำแผนกพฤกษ์ศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ปราดเข้าล็อคคอนายศุภลักษณ์
บำรุงกิจ รองประธานสภานิสิตคนที่ ๑ พร้อมด้วยคำผรุสวาส ‘ไอ้เด็กเหี้ย’
เนื่องจากนายศุภลักษณ์และเพื่อนนิสิตนักกิจกรรมคนดัง
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิต พากันเดินไปแสดงการคำนับพระรูปสองรัชกาล โดยอาจารย์หญิงอีกคนเดินแยกมาขอยึดเอาโทรศัพท์จากนักศึกษาที่กำลังถ่ายคลิปไป
จากนั้นนายเนติวิทย์ได้โพสต์เฟชบุ๊คเล่าการกระทำของกลุ่มตนว่าเนื่องจากทางมหาวิทยาลัยผิดสัญญา
ในเมื่อตกลงกันแล้วว่า “ถ้าฝนตกจะให้เด้กโค้งคำนับแล้วจบ เพราะเด็กจะเปียก จะเป็นไข้ได้...
ผมทนไม่ได้ ผมกับเพื่อนหลายคน
ซึ่งมีหลายเหตุผลด้วยกันจึงเดินออกมา นอกจากนี้ยังมีอาจารย์มาทำร้ายร่างกาย
ล็อคคอ กระชากดึงเพื่อนผม ด่าอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาจารย์”
ดราม่าหนักเข้าไปอีกเมื่อทางมหาวิทยาลัย โดย รศ. ดร.บัญชา
ชลาภิรมย์ รองอธิการบดีด้านกิจการนิสิตฯ ต่อความยาว “ชี้แจงข้อเท็จจริง” บ้างว่า
ทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมให้กลุ่มนิสิตที่ประสงค์จะแสดงความเคารพด้วยการคำนับเมื่อการถวายบังคมเสร็จสิ้นแล้ว
“แต่กลุ่มของสภานิสิตไม่ได้เคารพข้อตกลงนั้น
และพยายามจะจัดฉากให้ปรากฏภาพที่ขัดแย้ง” ทำให้อาจารย์คนที่ปรี่เข้าไปล็อคคอรองประธานสภานิสิต
“โกรธถึงขีดสุดว่าพูดกันแล้วไม่รู้เรื่อง”
จากนั้นอาจารย์คนนี้ก็ “เกิดภาวะเครียดอย่างรุนแรง
จนต้องเข้ารักษาตัวในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล...แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีอาการ hyperventilation คือหายใจไม่ได้”
ต่อมามีข่าวรองฯ บัญชา ตำหนินายเนติวิทย์และพวก ออกสื่อว่า “ทำเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสม
เพราะถือเป็นรุ่นพี่แล้ว ดังนั้นผมจะเรียกนายเนติวิทย์มาพูดคุย
ส่วนจะมีการลงโทษหรือไม่นั้นคงไม่สามารถบอกได้”
เป็นเหตุให้นายเนติวิทย์เขียนโต้ตอบอีกครั้ง “อ้างว่าพวกผมป่วนได้อย่างไร”
ในเมื่อตอนที่อาจารย์คนหนึ่งเข้าไปล็อคคอรองประธานสภานิสิตฯ นั้นพิธีถวายสัตย์ได้จบลงแล้ว
อีกทั้งเหตุเกิดเมื่อฝนเริ่มลงเม็ดใหญ่แล้ว “ฝนตกไม่ใช่ปรอยๆ
เลย” รวมถึงเรื่องการจัดพื้นที่ถวายสัตย์ด้วยการคำนับ “มหาวิทยาลัยไม่ได้เตรียมก่อนเลย...
มาพูดจริงๆ ก็วันงาน ซึ่งใครก็รู้ว่าไม่ทัน
จะโทษว่าไม่มีใครประสงค์จะทำจริงๆ นั้นได้หรือ”
ว่าที่จริงเรื่อง อจ.จุฬาฯ
กับเนติวิทย์นี่ดราม่ามากกว่าเรื่องของนักร้องและดาราก่อนหน้านี้หลายขุม
กรณีนักร้องเดอะว้อยซ์ ‘อิมเมจ’ หรือ น.ส.สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ รอรถเมล์นานฉุนจัดเลยทวี้ตโวย “ประเทศเฮงซวย
จะ ๕๐ ปี พันปี ก็ไม่มีทางเจริญ” แล้วเกิดมีดารารุ่นเก๋ากว่า ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม
หรือ ‘แทค’ โพสต์ข้อความทำนอง ที่นี่ประเทศไทย
ไม่ชอบก็ออกไปเสียสิ
แต่แล้วเมื่อดราม่าลามไปกว้างจากออนไลน์ไปเมนสตรีม ทั้งคู่ก็เลยแตะเบรคใส่เกียร์ถอยหลัง
อิมเมจบอกขออภัย อารมณ์วู่วามไปหน่อย ส่วนแทคว่าที่เขียนไปเป็นอารมณ์ปกติไม่ได้โต้อิมเมจ
แต่ถูกเอาไปโยงกันเอง
ทว่าเรื่องของกลุ่มสภานิสิตจุฬาฯ
และอาจารย์ที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เป็นดราม่าติดแน่นในกมลสันดาน
ที่ส่งผลให้ประชากรตกอยู่ในภาวะแบ่งแยกฝังลึกยาวนาน
หากมองไปที่ภูมิหลังของอาจารย์สองคนผู้อยู่ในใจกลางของปัญหา
อาจารย์ชายที่เกิดอารมณ์โกรธสุดขีด (บนทวิตเตอร์บางรายบรรยายว่าเขามีอาการโกรธจัดจนมือไม้สั่น
จึงไม่แปลกที่ไปถึงขั้นอัดอั้นหายใจไม่ออก) ก็ด้วยเหตุที่ไม่สามารถทนทานต่อการที่เนติวิทย์ท้าทายสถานะเดิมได้
นายเรืองวิทย์ผู้นี้ยังเป็นหนึ่งในกระบวนหัวหอกเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ
ที่ย่อมมองคนที่ความเห็นไม่เหมือนตนว่าต่ำช้าถึงขั้นเรียก “ไอ้...เหี้ย” ได้
ส่วนอาจารย์หญิงที่ไปยึดโทรศัพท์จากนักศึกษากำลังถ่ายคลิปเหตุการณ์
ก็มีคนโพสต์อ้างถึงว่าเธอเป็นผู้สนับสนุนระบบโซตัสแข็งขันมาก