วันจันทร์, ธันวาคม 28, 2558

ตัดสินประหารสองหม่องคดีเกาะเต่าไม่จบง่าย มีคดีที่เหมือนคดีเกาะเต่าอย่างยิ่ง เพิ่งเกิดหมาดๆ อีกรายที่ระนอง




ตัดสินประหารสองหม่องคดีเกาะเต่าไม่จบง่าย

ชาวพม่าออกมาประท้วงตามด่านชายแดนไทยอีกแห่ง คราวนี้เต็มท่าชีเล็ก แม่สาย แน่นกว่าเก่า

ซ้ำผู้บัญชาการทหารสูงสุดเหมียนหม่าส่งสารถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ขอทบทวนคำพิพากษาคร่าชีวิตผู้ต้องหา





นายพลมินอ่องเหลี่ยงคนนี้ไม่ธรรมดาสำหรับคณะตะหานไทย



คราวเยือนกรุงเทพฯ เมื่อไม่นานมานี้ กอดกระชับกับบิ๊กๆ หลายคนรวมทั้งทั่นตู่

แถมคนสำคัญขั้นป๋าเปรมยังให้การต้อนรับขนานใหญ่ ฐานที่มินอ่องประกาศตัวเป็นลูกบุญธรรม

รวมความว่าข้อกล่าวหาทางการไทยฆ่าแพะเพื่อปกปิดความผิดของกลุ่มอิทธิพลเกาะฟูลมูนชักจะฟังขึ้น

กลายเป็นว่าเรื่องจับแพะอย่างนี้ของธรรมดาในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายไทย

ส่วนที่ลิ่วล้อ คสช. ออกมาปรามกันว่าคดียังไม่ถึงที่สุด มีอุทธรณ์ ฎีกาต่อได้อีกสองขั้นตอน

นั่นเป็นการปัดสวะอย่างพล่อย ไม่มีกระบวนยุติธรรมที่ไหนเขาตัดสินประหารจำเลยไว้ก่อน แล้วถ้ามีข้อกังขาให้ไปอุทธรณ์ทีหลัง

หลักการความศักดิ์สิทธิ์แห่งกฎหมายอยู่ที่ ต้องพิสูจน์ความผิดได้โดยไม่มีข้อฉงนใดๆ ถ้วนทุกกรณีเท่านั้นจึงจะลงทัณฑ์

คดีลักษณะเดียวกันเพิ่งเกิดหมาดๆ อีกรายที่ระนอง ตามรายงานการสัมภาษณ์ผู้ต้องหาในคุกโดยนันท์ชนก วงษ์สมุทร แห่งบางกอกโพสต์




คดีแรงงานพม่าสี่คนให้การสารภาพว่าร่วมกันแทงสาวไทยวัย ๑๗ เมื่อเดือนกันยายนถึงตาย แล้วจำเลยขอกลับคำให้การ บอกว่าที่สารภาพเพราะถูกตำรวจซ้อมบังคับให้ยอมรับความผิด

(http://www.bangkokpost.com/…/migrants-accused-of-ranong-mur…)

“ตำรวจกล่าวหาพวกเราว่าฆ่าเด็กผู้หญิงคนนั้น เมื่อเราปฏิเสธก็ถูกบีบและต่อยที่คอ” เกี่ยวโซวิน หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นแทนจำเลยทั้งหมด

รายงานข่าวกล่าวด้วยว่าจากคำบอกเล่าโดยญาติพี่น้องและทนาย จำเลยทั้งสี่ถูกทำร้ายทรมานในระหว่างถูกจับเมื่อ ๒๐-๒๔ ตุลาคม โดยนอกจากปิดตาและใช้ปืนขู่แล้ว ยังมีการคลุมหัวด้วยถุงพล้าสติกให้หายใจไม่ออก และเตะเข้าตรงบริเวณของลับ

“เกี่ยวโซวินบอกด้วยว่าคำสารภาพที่พวกเขาเซ็นชื่อรับไปนั้นตำรวจเป็นผู้จัดการเขียนทั้งหมด พวกเขายอมเซ็นด้วยความหวาดกลัว”

คุณัญญา ทรงสมุทร ทนายคนหนึ่งของฝ่ายจำเลยให้ความเห็นว่า “ดิฉันเชื่อว่าหลักฐานที่เรามีจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยบริสุทธิ์” เธอเสริมอีกว่าคำกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทรมานผู้ต้องหาสามารถใช้เป็นข้อต่อสู้ในคดีได้

ทีมทนายยังโต้แย้งรายละเอียดในสำนวนฟ้องของทางการด้วยว่าระบุอายุของจำเลยผิดพลาด จำเลยสองในสี่คือ โมซินอ่อง ที่ว่าอายุ ๑๙ แท้จริงอายุเพีง ๑๕ ปี และเกี่ยวโซวินที่รายงานตำรวจว่าอายุ ๑๘ แต่จริงๆ แค่ ๑๔ ปี เท่านั้น

นี่ทำให้ผู้ต้องหาสองคนนี้อยู่ในสถานะผู้เยาว์ ควรจะต้องฟ้องร้องคดีในศาลเยาวชนแทน

พวกทนายที่มักคุ้นกับคดีนี้ชี้ว่า เป็นคดีที่เหมือนคดีเกาะเต่าอย่างยิ่ง ซึ่งตำรวจจับแพะมาให้ศาลพิพากษาประหาร

ครานี้นนทุกน่าจะอยู่ไม่เป็นสุขแล้วละ