วันศุกร์, ธันวาคม 25, 2558

116 The Stories: เรื่องเล่าจากคน "ปลุกปั่น" ธเนตร คน "ตัวเล็กๆ" ที่ไม่อาจข้ามไป !




ที่มา ILAW

116 The Stories: เรื่องเล่าจากคน "ปลุกปั่น"

ธเนตร คน "ตัวเล็กๆ" ที่ไม่อาจข้ามไป !

"ถูกปิดตา และเปลี่ยนรถ 4 ครั้ง เลยไม่รู้ว่าตอนนั้นถูกพาตัวไปที่ไหน "
ธเนตรเปิดเผยกับเราเมื่อแรกบทสนทนาถามถึงสถานที่ และสภาพความเป็นอยู่ขณะถูกควบคุมตัว ตลอด 5 วัน ..

21 ธันวาคม 2558 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไอลอว์ มีโอกาส พูดคุยกับธเนตร หรือตูน นักกิจกรรม วัย 25 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดี ยุยงปลุกปั่น ให้เกิดความกระด้างกระเดื่องฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และถูกจับกุมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2558 ขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และควบคุมตัวในสถานที่ปิดลับ กระทั่งถูกพาตัวมาแจ้งข้อหาก่อนที่สุดท้ายจะได้ประกันตัว

[ดูข้อมูลคดีของ ธเนตร ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th/case/698]

วันนี้ธเนตรมาพบกับทนายความ เพื่อทำเรื่องขอเลื่อนการไปรับทราบข้อกล่าวหา ในคดีที่สอง ที่เขาถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานชุมนุมทางการเมืองเกินห้าคน เขาและนักกิจกรรมรวม 11 คน ถูกตั้งข้อหา จากกิจกรรมนั่งรถไฟไปส่องทุจริตอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2558

หลังเสร็จธุระ เขาเริ่มจากเล่าถึงบรรยากาศระหว่างถูกควบคุมว่า ตอนถูกพาตัวไปเขาถูกปิดตา และเปลี่ยนรถ 4 ครั้ง เลยไม่รู้ว่าตอนนั้นถูกพาตัวไปที่ไหน จากนั้นพาไปในห้องสี่เหลี่ยม ที่แทบพอจะเห็นแสงสว่างแค่ตอนถูกซักถาม เจ้าหน้าที่ พยายามแจ้งกับเขาขณะสอบสวน ว่า เขาเป็นคนทำภาพแผนผังเครือข่ายทุจริตอุทยานราชภักดิ์ ให้คนนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ รวมถึงเอารูปภาพไปแชร์เพื่อกล่าวหาว่าร้ายกองทัพบก

ธเนตรสาธยายถึงสภาพในห้องควบคุมตัวว่า มีทีวีและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อื่นๆ ที่ใช้การไม่ได้ แม้เจ้าหน้าที่ที่มาคุยจะใช้คำพูดที่ไม่สุภาพบ้าง แต่เรื่องอาหารการกินและยาที่เขาต้องรับประทานระหว่างนั้น ถือว่าเจ้าหน้าที่ก็ดูแลดี แต่ก็ยังรู้สึกถึงบรรยากาศคุกคาม ไม่มีความปลอดภัยอยู่ทุกขณะ เมื่อจะเปลี่ยนสถานที่ควบคุมตัว เขาจะถูกปิดตาเสมอขณะพาขึ้นรถ และได้ยินเสียง คนเฝ้าเวรยามอยู่เป็นระยะๆอย่างน้อย 2 คน เขาต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้จนกระทั่งครบกำหนดเวลาควบคุมตัว 7 วัน ตามประกาศหัวหน้าคสช. 3/2558

ธเนตร ย้ำถึง เหตุการณ์ตอนถูกจับตัว ว่า ตอนนั้นกำลังจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสิรินทร ไม่มีเจตนาหลบหนี และรู้อยู่เเล้วว่าถูกออกหมายจับ และรู้ด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่คอยดักอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ตั้งแต่เข้ารักษาตัว เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558 และพร้อมจะมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ หลังรักษาตัวเสร็จสิ้น

เมื่อถามถึง ฐนกร ผู้ถูกดำเนินคดีตาม 112 และ 116 ที่พฤติการณ์มีลักษณะคล้ายกันเพราะถูกจับจากเรื่องภาพแผนผังเครือข่ายทุจริตอุทยานราชภักดิ์เหมือนกัน ธเนตรบอกว่า ไม่รู้จักกับฐนกรเป็นการส่วนตัวเลย และเขาเองไม่มีส่วนรู้เห็นกับการทำผังทุจริตอุทยานราชภักดิ์ เขาเป็นเพียงคนเล็กๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเวลา มีจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง

ย้อนไปก่อนหน้านี้ ธเนตร หนุ่มจากจังหวัดอุทัยธานี มีบ้านอยู่อ.หนองขาหย่าง เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนพุทธมงคลวิทยา อ.เมือง วิชาประวัติศาสตร์ คือ สิ่งที่เขาสนใจ แม้จะไม่มีบุคคลไหนเป็นแรงบันดาลใจขณะทำกิจกรรมเคลื่อนไหว แต่เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 ก็เป็นสิ่งที่เขาพอซึมซับบรรยากาศมาบ้าง หลังเรียนจบ ธเนตรเข้ากรุงเทพฯ ทำงานรับจ้างทั่วไป เช่น งานก่อสร้าง คืองานที่เขาถนัดที่สุด

ช่วงเวลาที่เขาอยู่กรุงเทพเราจะพบเจอเขาได้ตามงานกิจกรรมทางการเมืองเสมอๆ ธเนตร เป็นคนตัวเล็ก สูงประมาณ 150 เซ็นติเมตร รูปร่างผอม ผิวสีดำแดง แต่บุคลิกแข็งแรงและคล่องแคล่ว เขาจะอยู่แถวหน้าในการเดินขบวน คอยทำหน้าที่โบกรถ ยกข้าวของ คอยตะโกนสื่อสารเรื่องต่างๆ กับคนที่มาร่วมกิจกรรม ธเนตรเป็นคนเข้าร่วมที่กระตือรือร้นพยายามเข้ามีส่วนร่วมเท่าที่สามารถช่วยได้ ทั้งที่จริงๆ เขาไม่ได้เป็นแกนนำหรือคนที่จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นเอง

ว่าด้วยแนวคิดทางการเมือง ธเนตรบอกว่า กลุ่มไหนเป็นประชาธิปไตยเขาเอาด้วยหมด เขาเคยร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช.และถูกจับกุมจาก พรก.ฉุกเฉินเมื่อปี 2553

เหตุผลที่มาเคลื่อนไหวกับนักศึกษาและ กลุ่มประชาธิปไตยใหม่นั้น เพราะเห็นด้วยกับแนวทางการต่อสู้ และอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย เขายังกล่าวด้วยว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและเผด็จการแบบ คสช.

"เมื่อได้เลือกเส้นทางนี้แล้ว ก็ไม่ได้หวังจะดัง หรือเป็นแกนนำใหญ่อะไร แค่อยากรู้ว่าประชาธิปไตยในไทยจะเกิดขึ้นได้หรือไม่" ธเนตรกล่าว

ธเนตร เล่าว่า ในการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองก็มีการถูกคุกคามบ้าง เหตุการณ์ช่วงก่อนถูกจับขณะอยู่โรงพยาบาลจะรุนแรงที่สุด เขายังไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเจ้าหน้าที่ไปตามหาเขาที่บ้านที่จังหวัดอุทัยธานีบ้างหรือเปล่า และถึงแม้พ่อเขาจะรู้สึกเป็นห่วง แต่ก็มาห้ามเขาไม่ให้ทำกิจกรรมไม่ได้ ถึงตอนนี้เขาและกลุ่มเพื่อนนักกิจกรรมเห็นตรงกันว่า ช่วงระหว่างปีใหม่นี้คงเพลากิจกรรมลงบ้าง เพื่อพักผ่อนร่างกาย

สำหรับคดีความผิดฐาน ยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ที่ต้องขึ้นศาลทหารนั้น ธเนตร กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดต่อว่าจะเอาอย่างไรดี แต่การมีคดีติดตัวก็จะทำให้ชีวิตเขาลำบากขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะข้อหานี้ที่ทำให้ถูกมองว่าเป็นเสมือนผู้ก่อการร้าย ทั้งที่ไม่ใช่ เขารู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ให้เกียรติเขาสูงเกินไป ที่ผลักให้เขาเป็นแกนนำกิจกรรมเคลื่อนไหว ทั้งที่จริงๆ เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้เป็นระดับแกนนำหรือเลขาธิการกลุ่มประชาธิปไตยใหม่อย่างที่ถูกกล่าวหา

ก่อนลาจาก ธเนตร กล่าวทิ้งท้ายฝากไปถึง หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลงานด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศว่า ควรให้ความเป็นธรรมกับคนกลุ่มเล็กๆ ที่ออกมาแสดงสิทธิเสรีภาพและเคลื่อนไหวด้วย และควรจะแสดงจุดยืนอะไรบางอย่างในทันที เมื่อประชาชนถูกละเมิด

ดูรายชื่อบุคคลที่ถูกตั้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 >>> http://freedom.ilaw.or.th/politically-charged

ดูบทวิเคราะห์เรื่องการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ในการดำเนินคดีกับบุคคลที่แสดงออกทางการเมืองด้วยวิธีต่างๆ >>> http://freedom.ilaw.or.th/blog/116NCPO