'วิโรจน์' ชี้บัตรทองไม่เคยเป็นภาระงบประมาณรัฐ
by Anuthee Djthevaporn
26 ธันวาคม 2558
Voice TV
วิโรจน์ ณ ระนอง ชี้โครงการหลักประกันสุขภาพ ไม่เคยเป็นภาระที่เกินตัว สำหรับงบประมาณรัฐ และเป็นเรื่องปกติที่รัฐจะใช้จ่ายเพื่อโครงการด้านสาธารณสุขให้ประชาชน ทั้งนี้ หากไม่ต้องการให้เป็นภาระโรงพยาบาล ก็อาจเพิ่มงบจ่ายต่อหัวคนไข้ เพื่อชดเชยให้โรงพยาบาลได้
ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวถึงกรณีแนวความคิด ให้ประชาชนต้องร่วมจ่าย ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค โดยชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆในโครงการ ควรต้องมาความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ ว่าต้องการให้มีโครงการดังกล่าวต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ ดร.วิโรจน์ ชี้ว่าปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข คิดเป็นเพียงประมาณร้อยละ 4 ของ GDP โดยเป็นส่วนที่รัฐต้องจ่ายในโครงการบัตรทอง เพียงประมาณร้อยละ 2 เท่านั้น ซึ่งนับตั้งแต่มีโครงการนี้ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน สัดส่วนงบประมาณที่รัฐต้องจ่ายด้านสาธารณสุข ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างมีนัยยะสำคัญมากนัก
ทั้งนี้ ดร.วิโรจน์ เห็นว่าข้อวิจารณ์ที่มีต่อโครงการบัตรทอง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการให้โรงพยาบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย โดยรัฐบาลจ่ายชดเชยให้เพียงหัวละ 2,000 บาทเท่านั้น อย่างไรก็ดี ปัญหาดังกล่าว สามารถแก้ได้ด้วยการเพิ่มงบประมาณภาครัฐในโครงการดังกล่าว ให้สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกปี โดยเฉพาะในส่วนของเงินชดเชยต่อหัวคนไข้ให้กับโรงพยาบาล ซึ่งต่อให้มีอัตราการเพิ่มที่มากกว่าอัตราการเติบโตของ GDP ก็ยังไม่ถือเป็นภาระงบประมาณที่หนักเกินไป
http://news.voicetv.co.th/thailand/304680.htmlวิโรจน์ ณ ระนอง ชี้โครงการหลักประกันสุขภาพ ไม่เคยเป็นภาระที่เกินตัว สำหรับงบประมาณรัฐ และเป็นเรื่องปกติที่รัฐจะใช้จ่ายเพื่อโครงการด้านสาธารณสุขให้ประชาชน ทั้งนี้ หากไม่ต้องการให้เป็นภาระโรงพยาบาล ก็อาจเพิ่มงบจ่ายต่อหัวคนไข้ เพื่อชดเชยให้โรงพยาบาลได้
ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวถึงกรณีแนวความคิด ให้ประชาชนต้องร่วมจ่าย ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค โดยชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆในโครงการ ควรต้องมาความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ ว่าต้องการให้มีโครงการดังกล่าวต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ ดร.วิโรจน์ ชี้ว่าปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข คิดเป็นเพียงประมาณร้อยละ 4 ของ GDP โดยเป็นส่วนที่รัฐต้องจ่ายในโครงการบัตรทอง เพียงประมาณร้อยละ 2 เท่านั้น ซึ่งนับตั้งแต่มีโครงการนี้ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน สัดส่วนงบประมาณที่รัฐต้องจ่ายด้านสาธารณสุข ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างมีนัยยะสำคัญมากนัก
ทั้งนี้ ดร.วิโรจน์ เห็นว่าข้อวิจารณ์ที่มีต่อโครงการบัตรทอง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการให้โรงพยาบาลเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย โดยรัฐบาลจ่ายชดเชยให้เพียงหัวละ 2,000 บาทเท่านั้น อย่างไรก็ดี ปัญหาดังกล่าว สามารถแก้ได้ด้วยการเพิ่มงบประมาณภาครัฐในโครงการดังกล่าว ให้สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของทุกปี โดยเฉพาะในส่วนของเงินชดเชยต่อหัวคนไข้ให้กับโรงพยาบาล ซึ่งต่อให้มีอัตราการเพิ่มที่มากกว่าอัตราการเติบโตของ GDP ก็ยังไม่ถือเป็นภาระงบประมาณที่หนักเกินไป
ooo
'ประยุทธ์' ฉุน คนปูดข่าวยกเลิก 30 บาท แจงแค่ปรับวิธี ขู่ใครไม่จบมีเรื่องแน่
by Wiroon Pleejun
28 ธันวาคม 2558
Voice TV
'ประยุทธ์' ฉุน คนปูดข่าวยกเลิก 30 บาท แจงแค่ปรับวิธีป้องรพ.เจ๊ง อย่างน้อยทุกคนต้องได้สิทธิ์เท่าเดิม แต่หาวิธีการให้มันดีขึ้น ขู่ใครไม่จบมีเรื่องแน่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างไปเป็นประธานเปิดอาคารด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลาโดยกล่าวถึงโครงการบัตรทอง 30 บาทว่า ใครพูดว่าจะเลิกโครงการ ใคร พูดมาสิว่าใครพูด จะได้ไปด่าถูก ใครเขาจะเลิก อะไรที่เกี่ยวข้องกับคน ถามว่าเลิกได้หรือไม่ มันจะมีปัญหาอะไรก็ต้องสู้ต่อ ตนเพียงต้องวิธีการว่า ทำอย่างไร ให้มันดีขึ้น 30 บาทรักษาทุกโรค จากเดิมได้รายหัวคนละพันกว่าบาท จากนั้นขึ้นมา 3 พันกว่าบาท แล้วคนไปเข้าโรงพยาบาลทีหนึ่ง ใครเดือดร้อน โรงพยาบาลขาดทุน ต้องปิดโรงพยาบาล แต่ตนให้เลิกโครงการไม่ได้ จึงต้องให้ไปหาวิธีการ อย่างน้อยทุกคนต้องได้สิทธิ์เท่าเดิม แต่หาวิธีการให้มันดีขึ้น
"ผมจะไปเลิกได้ไง อย่ามาหาเรื่องให้ผมทะเลาะกับท่าน อะไรที่อยากให้ผมเลิก อยากได้อะไรอีก จำนงจำนำเอาอีกไหม อันนี้ให้ไม่ได้ อะไรที่ให้ได้ก็จะให้ มันต้องมีกติกา ถ้าท่านคิดจะมีรัฐสวัสดิการดีๆ ประชาชนรักมากๆ ท่านต้องหาเงินให้กับประเทศได้เก่งกว่านี้ อย่าทำโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ประเทศที่เขารวยกว่านี้ยังทำไม่ได้เลย คิดสิว่าเพราะอะไร เขามองปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่ของเราเมื่อทำไปแล้วก็ทำไป แต่ผมจะหาเงินเพื่อให้มันทำได้และดีกว่าเดิม และจะเอาจากไหน ใครช่วยได้ก็ช่วยมา ใครรวยก็ช่วยมา จนก็ไม่ต้องช่วย งบประมาณเราก็ให้ได้เท่าเดิม ประกาศครั้งสุดท้าย ผมไม่พูดอีกแล้ว ใครก็อย่ามาพูดอีก ขอพุดให้กระจ่าง ผมจะไม่ยกเลิกนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเป็นของใครไม่รู้ และอย่าพูดอีก ใครพูดจะโดน มีเรื่องแน่"นายกฯกล่าว