ช่วงนี้ ได้เห็นเพื่อนๆ หลายคน ได้โพสต์เรื่องราว
เกี่ยวกับ "ตูน - ธเนตร อนันตวงษ์" ผู้ต้องหารายล่าสุด
ที่โดน คสช. แจ้งข้อหา ม.112, 116 และถูกจับกุม
ในขณะที่กำลังป่วย และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
...................
เราเลยขอแชร์เรื่องราวของเขาบ้าง ในฐานะที่เคย
ใช้ชีวิตร่วมชะตากรรมเดียวกันมาในระยะหนึ่ง
ณ ดินแดนที่เรียกว่า "เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ"
...................
"ตูน" และเพื่อนๆ อีกหลายร้อยชีวิตในขณะนั้น
ถูกจับเข้าไปที่พิเศษกรุงเทพฯ หลังสลายการชุมนุม
ที่ รปส. ปี 2553 ได้ไม่นาน เล่ากันว่า
พวกเสื้อแดง ที่ถูกจับ จะถูกตัดสินในทันที
แบบ "ยกเป็นคันรถ" เลย บางคนโดน 1 ปี 2 ปี
...................
โชคร้าย ที่ตูนมารถคันที่เขาตัดสินมา 2 ปีครึ่ง
ก็เลยต้องยอมรับโทษ 2 ปี 6 เดือน ทั้งๆ ที่คดีเขา
เป็นเพียงแค่ พรก. ฉุกเฉินเหมือนกัน
แต่โทษที่ได้รับ.. ไม่เท่ากัน
...................
"ตูน" เลือกรับสารภาพ เพราะเวลานั้น
ความพร้อมของคนข้างนอก ยังไม่ดีเท่าไหร่
พวกเราไม่มีทนาย ไม่มีญาติ ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ
(เสื้อแดงส่วนใหญ่ตอนนั้นล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกันแบบนี้)
...................
เรา ที่ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ต่างต้องดิ้นรน
ช่วยเหลือตัวเอง เพื่อเอาตัวให้รอด
ภายใต้แรงกดดันต่างๆ ภายในเรือนจำ
ที่มองพวกเราว่า เป็นพวก "เผาบ้านเผาเมือง"
...................
ไม่ใช่เราคนเดียวที่โชคดี ที่โดนรับน้องที่แดน 8
(โดนกระทืบ 3 รอบ โดนแรงกดดันต่างๆ นานา)
แต่ยังมีเพื่อนๆ เราอีกหลายคน ที่โชคดีเช่นกัน
หนึ่งในนั้น ก็คือเพื่อนๆ เราที่ถูกจำแนกไปอยู่แดน 2
ซึ่งเป็นแดนผู้ต้องขัง "วัยหนุ่ม" ที่มีแต่ผู้ต้องขัง
อายุน้อยๆ ห้าว เหี้ยม และ "ตูน" อายุตอนนั้น
ก็เข้าเกณฑ์ที่จะไปอยู่แดนนั้น
...................
ข่าวว่า.. ตูน และเพื่อนๆ ที่ไปที่แดนนั้น
โดน "รุมกระทืบ" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะเวลานั้น รัฐบาลสั่งหยุดยาว
ทำให้ที่เรือนจำ ไม่สามารถให้การเยี่ยมญาติได้
และ ไม่มีการออกศาล
ผู้ต้องขังอยู่กันด้วยความกดดัน และท้ายสุด
ก็ไปลงกับคนที่สังคมเวลานั้นเรียกเขาว่า
"พวกเผาบ้านเผาเมือง"
...................
ถ้าใครเคยติดตามเรา หลังจากที่เราออกจากเรือนจำแล้ว
เราเคยถูกรับเชิญให้ไปพูดในงานๆ หนึ่ง ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์
คราวนั้น เราได้พูดถึงเหตุการณ์ๆ หนึ่ง
ที่เกี่ยวกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตในเรือนจำ
ของผู้ต้องขังคดีการเมือง ในเวลานั้น
...................
ภาพที่เราสื่อออกมา คือพวกเราหลายคน
ไม่มีญาติมาเยี่ยม มาม่าสักห่อ นมสักกล่อง ยังไม่มีจะกิน
กางเกง เสื้อก็ขาดๆ เก่าๆ ใส่เข้าไปยังไงก็ใส่อย่างนั้น
หลายคนไม่มีรองเท้าจะใส่เดินไปไหนมาไหนด้วยซ้ำ
...................
เราโชคดี ที่ยังพอมีคนมาเยี่ยมเราบ้าง
หลายครั้ง ระหว่างเดินกลับเข้าแดน เยี่ยมญาติเสร็จ
ที่ริมรั้วแต่ละแดน ก็จะมีผู้ต้องขัง ยืนคอยคนที่เดินไปมา
โดยหวังว่าู จะได้ขอปันสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ
จากเพื่อนที่รู้จัก เพื่อประทังชีวิตได้บ้าง
...................
เราเจอตูนครั้งแรก ก็ตรงริมรั้วนี่แหละ
ในสภาพที่เสื้อผ้าขาดๆ หัวเกรียน และไม่มีรองเท้าจะใส่
"พี่ๆ ผมจำพี่ได้ พี่ออกทีวีตอนโดนจับ ผมก็เสื้อแดงนะ"
พอแนะนำตัวกันคราวนั้น ก็ได้ติดต่อกันตลอดมา
และหลังจากนั้น ข้อมูลจากแดน 2 ก็หลั่งไหลมายังเรา
และเราก็ได้ทำหน้าที่ในการกระจายข้อมูลออกไปภายนอก
เพื่อให้คนข้างนอกรับรู้ถึงความยากลำบากของพวกเรา
โดยผ่านน้องอีกคนที่ชื่อ "เอกชัย มูลเกตุ" ที่เราไม่เคยลืม
...................
ที่บอกว่า "ตูน" เป็นเด็กเร่ร่อนมาก่อน นั่นคือความจริง
และไม่ใช่ตูนคนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่เป็นคดีเสื้อแดง
ก็เร่ร่อนอยู่ตามท้องถนน แล้วต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้
...................
บอกเลยตอนนั้น.. เราไม่ค่อยให้ความสำคัญ
กับเสื้อแดงที่โดน พรก. ฉุกเฉินสักเท่าไหร่
เพราะทราบมาว่า หลายคนเป็นโจร เป็นมิจฉาชีพ
ไม่มีอุดมการณ์ อาศัยความชุลมุนในเหตุการณ์ รปส.
เข้าลักทรัพย์ เข้าหาประโยชน์ส่วนตน อย่างน่าละอาย
...................
เราเอง ที่ทำข้อมูลในคุกเวลานั้น ก็ยากที่จะรับได้
...................
หลังจากนั้นไม่นาน "ตูน" และเพื่อนผู้ต้องขังเสื้อแดง
จำนวนหนึ่ง ที่โทษไม่มาก ตัดสินมา 1-2 ปี
และคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ได้รับการปล่อยตัว จากการ "อภัยโทษ"
...................
เราไม่เคยคิดว่า "ตูน" จะกลับมาสู่วังวนเดิมๆ อีก
เขาน่าจะเข็ด และไม่ควรกลับมาวุ่นวายทางการเมืองอีก
เพราะมันเสี่ยง และถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็คงไม่มีใครดูแลเขา
เหมือนกับช่วงเวลาที่ผ่านมาในเรือนจำนั้น
...................
แต่เราคิดผิด.. เพราะตอนเราออกมา เราก็ยังเจอ "ตูน"
ปรากฎตัวอยู่ในงานชุมนุมต่างๆ ของฝ่ายคนเสื้อแดง
ตูนยังเหมือนเดิม คือยังไม่มีงานทำ อาศัยมีรายได้
จากการเดินสายไปกับทีมงานวงดนตรี ต่างๆ
เป็นเด็กยกของ ทำงานสารพัด แต่ที่แน่ๆ
"ตูน ยังไม่ได้จากไปไหน" เขายังอยู่ฝ่ายเดิม
ฝ่ายที่ทำให้เขาเคยต้อง "ติดคุก"
...................
ภาพของ "ตูน" ในเวลานี้ คงไม่ใช่ภาพ "ตูน" ในเวลานั้น
ที่เป็นเด็กเร่ร่อน ไม่มีความคิด ไม่ประสีประสาทางการเมืองใดๆ
เชื่อว่า เขาคงได้เรียนรู้อะไรหลากหลาย มากมาย
จากสิ่งที่เขาได้สัมผัส ตลอดช่วงเวลาหลังออกจากคุกนั้น
...................
"ตูน" คือ "พลังบริสุทธิ์" อีกคนหนึ่ง
ที่พวกเรา จะไม่ทอดทิ้งเขา
และเรา จะเป็นกำลังใจให้เขาตลอดไป
...................
#อดทนนะเพื่อนเราเป็นกำลังใจให้เสมอ
--------------------------------
หมายเหตุ: ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2556 - 72 ปีมุทิตาจิต บัณฑิต อนียา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังจากผมพ้นโทษออกมาได้ไม่ถึงเดือน ตูน พ้นโทษออกมาก่อนผม เกือบ 2 ปี เราได้พบกันครั้งแรกที่นี่
สมบัติ บุญงามอนงค์
ดูคลิป
พันเอก บุรินทร์ ใช้มือปัดห้ามตูนแสดงสัญลักษณ์ปีกนก
https://twitter.com/weera…/status/677687840491315201/video/1
ศาลทหารให้ประกันตัว “ธเนตร” (แก้ไข เพิ่มเติมเนื้อหาเวลา 17.23 น.)
นายอานนท์ นำพา ทนายความและนักกิจกรรมกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ยืนยันกับบีบีซีไทยว่าศาลทหารให้ประกันตัวนาย ธเนตร อนันตวงษ์ ด้วบหลักทรัพย์ 100,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไข และให้มารายงานตัวต่อศาลอีกครั้งในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ดดยนายอานนท์แจ้งว่า ตามคำฟ้องนั้น ระบุว่านายธเนตรโพสต์ข้อความโจมตีรัฐบาลลงในเฟซบุ๊ก แต่ไม่ได้ระบุถึงการแชร์ผังอุทยานราชภักดิ์ รวมถึงไม่มีการระบุความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแถลงที่กองบังคับการกองปราบปราม ระบุเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลว่านายธเนตร อนันตวงษ์โพสต์เฟซบุ๊กเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเจ้าตัวได้รับสารภาพหรือไม่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่าไม่ว่าจะรับหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานอยู่แล้ว
ขณะที่อาการป่วยของนายธเนตร นายแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจที่ร่วมแถลงข่าวด้วยระบุว่า นายธเนตรมีอาการอัณฑะขวาอักเสบซึ่งขณะนี้มีอาการดีขึ้นแล้ว
สำหรับบรรยากาศการแถลงนั้น นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว เพื่อนนักกิจกรรมของนายธเนตรได้ติดตามมาเพื่อรับฟังการแถลงด้วย แต่เจ้าหน้าที่อนุญาตเฉพาะสื่อมวลชน นายสิรวิชญ์จึงต้องนั่งรออยู่ด้านนอก
หลังจากแถลงแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำตัวนายธเนตรไปฝากขังที่ศาลทหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอานนท์ นำพา ทนายความและนักกิจกรรมกลุ่มพลเมืองโต้กลับบอกกกับบีบีซีไทยว่าได้เตรียมระดมเงินและเตรียมการร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในวันนี้
#Section112 #อุทยานราชภักดิ์