จดหมายที่ไม่ถูกส่งออกมาของ “เก็ท” โสภณ: ทุกการต่อสู้มีความหมาย ที่มาไกลกันได้ขนาดนี้ก็เพราะทุกคนช่วยกัน
17/12/2566
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา “เก็ท” โสภณ ได้พยายามเขียนจดหมายหลายฉบับ แต่จดหมายของเขามักไม่ได้รับการอนุญาตให้ส่งออกมา โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าเนื้อหาของจดหมายมีลักษณะที่ “กระทบความมั่นคงของรัฐ สร้างความปั่นป่วนในเรือนจำ ขัดศีลธรรมอันดี”
เก็ทจึงฝากข้อความในจดหมาย 2 ฉบับ ที่ไม่ได้ถูกส่งออกมาของเขาผ่านมาทางทนายความ
ปัจจุบัน (จนถึงวันที่ 16 ธ.ค. 2566) เก็ทถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 115 วัน ภายหลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวในคดีที่พิพากษาจำคุก 3 ปี ในข้อหาตามมาตรา 112 และจำคุก 6 เดือน ในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งที่กฎหมายกำหนดให้ปรับเท่านั้น จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565
00000000
ไม่อยากให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เขียนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2566
ได้ข่าวว่าคืนวันที่ 29 พ.ย. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ จากการรัฐประหาร ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรีโดยไม่มีใครรับสนองพระบรมราชโองการ เป็นดังคำปราศรัยที่ผมเคยพูดเอาไว้เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่สกายวอล์ค สี่แยกปทุมวันว่า “ยิ่งต่อสู้ประชาชนจะยิ่งรู้ว่าใครคือปัจจัยหรือศัตรูที่มีผลต่อความเบ่งบานของประชาธิปไตย”
ระหว่างที่เราเดินไปข้างหน้า ก็จะมีพวกที่คอยฉุดรั้งให้เราล้าหลังอยู่เสมอ แต่การที่ประชาชนต้านแรงเสียดทานมาได้ไกลขนาดนี้ไม่ได้เกิดจากแค่แกนนำหรือคนแนวหน้าที่ออกสื่อสื่อสาร แต่เกิดจากการร่วมแรง ร่วมใจกันของคนหน้าบ้าน หลังบ้าน และประชาชนที่มีสามัญสำนึกและสู้เพื่อความเท่าเทียม บนเส้นทางที่เราร่วมเดินกันไปมันไม่สวยงามหรอก
ระหว่างการเดินทางไกลมีความคืบหน้า ผิดหวัง หรือมีคนตื่นรู้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีคนล้มหายตายจาก มีคนสิ้นหวัง แต่ยังไงผมก็หวัง หวังอย่างมาก ๆ หวังอย่างสุดใจว่า จะพาทุกคนไปถึงเส้นชัย จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ตั้งแต่การเคลื่อนไหวในช่วงปี 2563 ประชาชนตื่นรู้กันมากอย่างทวีคูณ สามัญสำนึกของประชาชนถูกปลุกให้ตื่นขึ้น คนเรือนเเสนต่างที่มา เดินทางมารวมกันเพื่อเรียกร้องให้องคาพยพของรัฐประหารออกไป ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นของประชาชน และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อันเป็นหมุดหมายสำคัญแรก ๆ และ ต่อมาขบวนการประชาชนก็ขจรขจายเป็นการเรียกร้องเพื่อสังคมที่เท่าเทียม มีประชาธิปไตย จากคนไม่รู้จักก็กลายเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ กลายเป็นครอบครัว
เราผ่านเรื่องราวมากมาย หวังว่าจะได้ฉลองชัยชนะด้วยกัน แต่หลายคนก็ไม่ได้ไปด้วยกันต่อ ทั้งวัฒน์ วรรลยางกูร, วาฤทธิ์ สมน้อย, พี่บอยย่ามแดง, เต้ (มวลชนอิสระ), สุเทพ วงโฮป, อาจารย์ถนอม ชาภักดี, อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ และล่าสุดก็พี่จี๊ด อุทัย ที่คอยดูแลเครื่องเสียงให้พวกเรา และยังมีอีกหลายคนที่เห็นกันอยู่หลัด ๆ บทจะไปก็ไปกันเลย บางคนก็เสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่รัฐ บางคนก็ถูกบีบให้หนีภัยแล้วไปอยู่ต่างประเทศ บางคนสู้มาอย่างหนักแล้วเสียชีวิตไปพร้อมกับอุดมการณ์ตามธรรมชาติ ถ้านับย้อนไปก่อนปี 63 ประชาชนก็ล้มหายตายจากกันไปมากโข จนถึงปัจจุบันผู้ลี้ภัยทางการเมืองมีมากขึ้น บางคนก็สิ้นหวัง สงสัยว่าเมื่อไหร่จะชนะกันสักที
ไม่ว่ามิตรสหายที่ร่วมสู้กันมาจะจากเป็นหรือจากตาย แต่ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าทุกการต่อสู้มีความหมาย ที่มาไกลกันได้ขนาดนี้ก็เพราะทุกคนช่วยกัน ในวันที่ผมท้อ ผมเหนื่อย ก็จะนึกถึงเพื่อน ๆ ที่ยังอยู่และจากไป วันใดที่ประชาชนชนะเราได้ประชาธิปไตย ข้อเรียกร้องของเราสำเร็จ ผมสัญญาว่าจะพาทุกคนไปฉลองกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใครที่ไม่อยู่แล้วก็จะเอารูปไปเรียงไว้ ใครที่ลี้ภัยไปก็จะพากลับมา ถ้าไม่สะดวกกลับมาก็จะวีดีโอคอลไปหา เพื่อน ๆ ในเรือนจำทุกคนก็ต้องได้ออกมา ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ก็ขอเชิญทุกคนไปฉลองด้วยกันนะครับ
00000000
วันพ่อ
เขียนเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2566
“การสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคนและใช้เวลามหาศาล ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มคนในราชวงศ์ แต่ต้องรวมผู้คนทั้งแผ่นดิน คนปลูกข้าวสาลี ทหารที่ต้องตายไปไร้ค่าจากการตัดสินใจโง่ ๆ ของนายพลตาขาว รวมถึงเด็กที่ต้องเสียสละด้วยการขาดสารอาหาร มันจะไม่โอ้อวดไปหน่อยหรือที่จะป่าวประกาศว่า บทบาทในการสร้างชาติของผู้หนึ่งผู้ใดควรได้รับการเทิดทูนอยู่เหนือศีรษะประชาชนทั้งปวง”
ข้อความจากหนังสือ “น้ำตาเหือดแล้วเลือดตก” โดยอาจารย์ไชยันต์ รัชชกูล
สวัสดีวันชาติที่ถูกย้ายมาจาก 24 มิถุนายน ทำไมต้องย้ายวันชาติมารวมกับวันพ่อ ผู้ย้ายคงอยากให้ “พ่อ“ ที่เขามองเป็นศูนย์รวมใจเทียบเท่ากับชาติละมั้ง
ในแง่วันชาติก็ขอให้ประชาชนรู้ว่า กว่าชาติจะมาได้ขนาดนี้ ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมมามากขนาดไหน ไม่ได้เกิดจากผลงานเพียงพระผู้เมตตาเพียงหยิบมือเท่านั้น
ในแง่วันพ่อผมเสียดายนะที่ปีนี้ไม่ได้อยู่กับพ่อ ถ้าสถานการณ์การเมืองไม่ดีขึ้น แม้แต่วันแม่ปีหน้าผมก็คงไม่ได้ออกไปหาแม่ อยู่เรือนจำผมเจอหน้าพ่อแม่มากสุดก็แค่วันละ 20 นาที การเอาลูกคนอื่นมาขังคุกเพราะความเห็นต่าง พวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อแม่คน เขารู้สึกอะไรบ้างมั้ย แต่ถ้าเขารู้สึกเขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก
วันพ่อวันแม่ที่เป็นเหมือนเช็คพอยท์ในการให้เราได้รำลึกดูแลพ่อแม่ แต่ผมก็อยากรณรงค์ให้สมาชิกครอบครัวดูแลใส่ใจกันทุกวัน ใครจะรู้ว่าคนที่เรารักจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ใช้เวลาและโอกาสที่ดูแลกันให้คุ้มที่สุดดีกว่ารอมาแสดงความรักในวันสำคัญ หรือวันครบรอบ
จริง ๆ วันที่ 5 ธันวาคม ก็เป็นวันเสียชีวิตของ เนลสัน แมนเดล่า เนลสันเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งสันติ ไม่สันติ และติดคุกมา 27 ปี แล้วจึงได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้ เรื่องนี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ผมนะ คนเราต่อให้ลำบากหรือตกต่ำแค่ไหนถ้าใจยังสู้ วันหนึ่งก็คงประสบความสำเร็จได้ แต่การต่อสู้ของเนลสัน ก็เกิดจากการสู้ร่วมกันกับประชาชนจำนวนมาก สู้คนเดียวก็ไม่ชนะหรอก
เขียนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2566
ได้ข่าวว่าคืนวันที่ 29 พ.ย. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ จากการรัฐประหาร ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรีโดยไม่มีใครรับสนองพระบรมราชโองการ เป็นดังคำปราศรัยที่ผมเคยพูดเอาไว้เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่สกายวอล์ค สี่แยกปทุมวันว่า “ยิ่งต่อสู้ประชาชนจะยิ่งรู้ว่าใครคือปัจจัยหรือศัตรูที่มีผลต่อความเบ่งบานของประชาธิปไตย”
ระหว่างที่เราเดินไปข้างหน้า ก็จะมีพวกที่คอยฉุดรั้งให้เราล้าหลังอยู่เสมอ แต่การที่ประชาชนต้านแรงเสียดทานมาได้ไกลขนาดนี้ไม่ได้เกิดจากแค่แกนนำหรือคนแนวหน้าที่ออกสื่อสื่อสาร แต่เกิดจากการร่วมแรง ร่วมใจกันของคนหน้าบ้าน หลังบ้าน และประชาชนที่มีสามัญสำนึกและสู้เพื่อความเท่าเทียม บนเส้นทางที่เราร่วมเดินกันไปมันไม่สวยงามหรอก
ระหว่างการเดินทางไกลมีความคืบหน้า ผิดหวัง หรือมีคนตื่นรู้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีคนล้มหายตายจาก มีคนสิ้นหวัง แต่ยังไงผมก็หวัง หวังอย่างมาก ๆ หวังอย่างสุดใจว่า จะพาทุกคนไปถึงเส้นชัย จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ตั้งแต่การเคลื่อนไหวในช่วงปี 2563 ประชาชนตื่นรู้กันมากอย่างทวีคูณ สามัญสำนึกของประชาชนถูกปลุกให้ตื่นขึ้น คนเรือนเเสนต่างที่มา เดินทางมารวมกันเพื่อเรียกร้องให้องคาพยพของรัฐประหารออกไป ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นของประชาชน และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อันเป็นหมุดหมายสำคัญแรก ๆ และ ต่อมาขบวนการประชาชนก็ขจรขจายเป็นการเรียกร้องเพื่อสังคมที่เท่าเทียม มีประชาธิปไตย จากคนไม่รู้จักก็กลายเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ กลายเป็นครอบครัว
เราผ่านเรื่องราวมากมาย หวังว่าจะได้ฉลองชัยชนะด้วยกัน แต่หลายคนก็ไม่ได้ไปด้วยกันต่อ ทั้งวัฒน์ วรรลยางกูร, วาฤทธิ์ สมน้อย, พี่บอยย่ามแดง, เต้ (มวลชนอิสระ), สุเทพ วงโฮป, อาจารย์ถนอม ชาภักดี, อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ และล่าสุดก็พี่จี๊ด อุทัย ที่คอยดูแลเครื่องเสียงให้พวกเรา และยังมีอีกหลายคนที่เห็นกันอยู่หลัด ๆ บทจะไปก็ไปกันเลย บางคนก็เสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่รัฐ บางคนก็ถูกบีบให้หนีภัยแล้วไปอยู่ต่างประเทศ บางคนสู้มาอย่างหนักแล้วเสียชีวิตไปพร้อมกับอุดมการณ์ตามธรรมชาติ ถ้านับย้อนไปก่อนปี 63 ประชาชนก็ล้มหายตายจากกันไปมากโข จนถึงปัจจุบันผู้ลี้ภัยทางการเมืองมีมากขึ้น บางคนก็สิ้นหวัง สงสัยว่าเมื่อไหร่จะชนะกันสักที
ไม่ว่ามิตรสหายที่ร่วมสู้กันมาจะจากเป็นหรือจากตาย แต่ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าทุกการต่อสู้มีความหมาย ที่มาไกลกันได้ขนาดนี้ก็เพราะทุกคนช่วยกัน ในวันที่ผมท้อ ผมเหนื่อย ก็จะนึกถึงเพื่อน ๆ ที่ยังอยู่และจากไป วันใดที่ประชาชนชนะเราได้ประชาธิปไตย ข้อเรียกร้องของเราสำเร็จ ผมสัญญาว่าจะพาทุกคนไปฉลองกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใครที่ไม่อยู่แล้วก็จะเอารูปไปเรียงไว้ ใครที่ลี้ภัยไปก็จะพากลับมา ถ้าไม่สะดวกกลับมาก็จะวีดีโอคอลไปหา เพื่อน ๆ ในเรือนจำทุกคนก็ต้องได้ออกมา ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ก็ขอเชิญทุกคนไปฉลองด้วยกันนะครับ
00000000
วันพ่อ
เขียนเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2566
“การสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคนและใช้เวลามหาศาล ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มคนในราชวงศ์ แต่ต้องรวมผู้คนทั้งแผ่นดิน คนปลูกข้าวสาลี ทหารที่ต้องตายไปไร้ค่าจากการตัดสินใจโง่ ๆ ของนายพลตาขาว รวมถึงเด็กที่ต้องเสียสละด้วยการขาดสารอาหาร มันจะไม่โอ้อวดไปหน่อยหรือที่จะป่าวประกาศว่า บทบาทในการสร้างชาติของผู้หนึ่งผู้ใดควรได้รับการเทิดทูนอยู่เหนือศีรษะประชาชนทั้งปวง”
ข้อความจากหนังสือ “น้ำตาเหือดแล้วเลือดตก” โดยอาจารย์ไชยันต์ รัชชกูล
สวัสดีวันชาติที่ถูกย้ายมาจาก 24 มิถุนายน ทำไมต้องย้ายวันชาติมารวมกับวันพ่อ ผู้ย้ายคงอยากให้ “พ่อ“ ที่เขามองเป็นศูนย์รวมใจเทียบเท่ากับชาติละมั้ง
ในแง่วันชาติก็ขอให้ประชาชนรู้ว่า กว่าชาติจะมาได้ขนาดนี้ ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาและพัฒนาสังคมมามากขนาดไหน ไม่ได้เกิดจากผลงานเพียงพระผู้เมตตาเพียงหยิบมือเท่านั้น
ในแง่วันพ่อผมเสียดายนะที่ปีนี้ไม่ได้อยู่กับพ่อ ถ้าสถานการณ์การเมืองไม่ดีขึ้น แม้แต่วันแม่ปีหน้าผมก็คงไม่ได้ออกไปหาแม่ อยู่เรือนจำผมเจอหน้าพ่อแม่มากสุดก็แค่วันละ 20 นาที การเอาลูกคนอื่นมาขังคุกเพราะความเห็นต่าง พวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นพ่อแม่คน เขารู้สึกอะไรบ้างมั้ย แต่ถ้าเขารู้สึกเขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก
วันพ่อวันแม่ที่เป็นเหมือนเช็คพอยท์ในการให้เราได้รำลึกดูแลพ่อแม่ แต่ผมก็อยากรณรงค์ให้สมาชิกครอบครัวดูแลใส่ใจกันทุกวัน ใครจะรู้ว่าคนที่เรารักจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ใช้เวลาและโอกาสที่ดูแลกันให้คุ้มที่สุดดีกว่ารอมาแสดงความรักในวันสำคัญ หรือวันครบรอบ
จริง ๆ วันที่ 5 ธันวาคม ก็เป็นวันเสียชีวิตของ เนลสัน แมนเดล่า เนลสันเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งสันติ ไม่สันติ และติดคุกมา 27 ปี แล้วจึงได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้ เรื่องนี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ผมนะ คนเราต่อให้ลำบากหรือตกต่ำแค่ไหนถ้าใจยังสู้ วันหนึ่งก็คงประสบความสำเร็จได้ แต่การต่อสู้ของเนลสัน ก็เกิดจากการสู้ร่วมกันกับประชาชนจำนวนมาก สู้คนเดียวก็ไม่ชนะหรอก
โมกหลวงริมน้ำ
Yesterday ·
Domimail จากเก็ทที่ทางเรือนจำกักกันไว้ เพิ่งได้รับเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ซึ่งโดยปกติถ้าคนในเรือนจำตอบ Domimail มา ทางเราจะได้รับภายใน 1-2 วัน เนื้อหาที่เก็ทเขียน มีอะไรให้ต้องกลัวหรือ
.
“บอกแล้วว่าพายุกำลังมา ยังไม่ทันธันวาก็เริ่มกันแล้ว 555
Big boss เขาคงเหลิงน่าดู ถึงขั้นกล้าเปิดตัวว่าใครเป็นลูกน้องเขา โดยไม่แคร์คำวิจารณ์จากสังคม พวกเราก็ต้องเตรียมรับมือ สวนกลับ และรุกเขาให้ดี พวกเขาเตรียมไพ่ไว้อีกหลายใบ รอเวลาที่เหมาะสมจะเปิด รอบนี้เขาจริงจังกับการต่อสู้นี้มาก ถ้ามองเชิงปัจเจกบางคนอาจดูว่าบ้าบอจนถึงขั้นตัวตลกในสายตาพวกเรา แต่เขาทำงานกันเป็นทีม การเดินเกมเลยยิ่งมีประสิทธิภาพ อีกแง่หนึ่งก็คงมองด้วยจากความคิดแบบคนปกติอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเขาถูกหล่อหลอมและเติบโตมาในสภาวะที่ต่างกับพวกเราคนละขั้ว กระบวนการคิดเขาจะต่างจากเราไม่แปลก
พวกเราแดน 4 กำลังใจดีอยู่ แน็ก (ทัตพงษ์ เขียวขาว) กับทีมห้อง 3 กับธี (ธีรนัย เป๋าอยู่) กับทีมห้อง 16 แข่งฟุตซอลปีใหม่กัน ผลคือห้อง 16 ชนะคะแนน 5-1 ช่วงบ่ายหลังกินข้าว แน็ก จะเอากีตาร์โปร่งมาเล่น พวกเราร้องเพลงกัน บางทีก็ร้องเพลงของวงสามัญชน เพลงของพี่แอมมี่ ฯลฯ บางเพลงก็พากันร้องเพราะ บางทีก็ร้องนำ (นำจังหวะ 55) บางเพลงเช่นหัวใจเสรี บทเพลงของสามัญชน หรือเพลงฝั่งประชาธิปไตย พอไม่รู้คอร์ด มือกีตาร์ก็ดำน้ำไป
เรายังเข้มแข็ง อดทน และดูแลกันอยู่เสมอ เราจะสู้ไปด้วยกันนะ แล้ววันหนึ่งเราจะกลับมาพบกัน หวังว่าวันที่ท้องฟ้าผ่องอำไพจะมาถึงโดยเร็ว คิดถึงทุกคนเสมอ”
โสภณ
4 ธันวาคม 2566