วันอังคาร, พฤศจิกายน 10, 2563

"สุขุม สมหวัง ยังวัน" ออกความเห็น สรุปสิ่งน่าสนใจ #ม็อบ8พฤศจิกา และหัวเกรียนเสื้อเหลือง



สุขุม สมหวัง ยังวัน
18h ·
เมื่อวานเย็นถึงค่ำ แม้ผมจะเข้าร่วมในม็อบ แต่ก็เข้าไปอยู่กลางขบวน เพราะสังขารและอายุไม่เอื้ออำนวย จึงไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางหัวขบวน และระบบเสียงแม้ผู้จัด จะพยายามแก้ไขแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถระจายเสียงได้อย่างทั่วถึง ต้องติดตามทางออนไลน์ ซึ่งค่อนข้างกระท่อนกระแท่น เพราะสัญญาณเน็ตมีปัญหา
เมื่อเลิกม็อบ กลับออกมา แล้วทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด พอสรุปสิ่งน่าสนใจได้ดังนี้
1. การฉีดน้ำด้วยเหตุที่ตำรวจอ้างว่า "มือลั่น"โดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ แท้จริงคือแผนที่เขาเตรียมมาอย่างดี เพื่อยั่วยุให้ม็อบโกรธขาดสติ ให้ม็อบฝ่าแนวกั้นเข้าไปเผชิญหน้ากับตำรวจที่วางแนวไว้ เพื่อให้เกิดภาพของความรุนแรง นำไปขยายผลทางการเมืองต่อไป
พื้นที่เปิดโล่งกว้างขวางเช่นนั้น ถ้าม็อบต้องการจะบุกฝ่าเข้าไปจริงๆ ย่อมทำได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะพื้นที่ในบริเวณท้องสนามหลวง ที่มีเพียงรั้วเหล็กกับตำรวจวางแนวถือโล่อยู่เพียงแถวเดียว ต่อให้มีรถฉีดน้ำหลายคันก็เถอะ ถ้าม็อบอยากเจาะแนวจากจุดนี้จริงๆ ทำได้สบายมาก เผลอๆเจาะทะลุแล้ว กรูกันเข้าไปยึดรถฉีดน้ำ ตำรวจไม่มีทางต้านทานได้แน่ แต่นั่นย่อมสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายเขา
หลายคนบ่นเรื่องนี้ จึงอยากฝากเตือนสติไว้ด้วยว่า เราขับเคลื่อนม็อบเพื่อผลทางการเมือง ไม่ใช่การทหาร
2. เจ้าหน้าที่หัวเกรียนเสื้อเหลือง ที่สแตนด์บายอยู่หลังแนวตำรวจหลายร้อยคน คือกุญแจสำคัญของแผนของเขา
ถ้าม็อบที่กำลังโกรธเกรี้ยว ปะทะและฝ่าแนวตำรวจและรถน้ำเข้าไปได้ แน่นอนว่าต้องไปเผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อเหลืองเหล่านี้
ไม่ปรากฏว่า เสื้อเหลืองชุดนี้มีอาวุธอะไร หรือมีเพียงมือเปล่า หากมีการปะทะจริง ภาพที่จะปรากฏทางสื่อ คือภาพการ์ดม็อบเสื้อดำ ตีกับม็อบเสื้อเหลือง ผลทางการเมืองอาจจะพลิกกลับในทันที
ผมจึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่แกนนำ ไม่สั่งให้การ์ดเดินหน้าเจาะแนวป้องกันอย่างรุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ แผนยั่วยุของพวกเขาจึงพังอย่างไม่เป็นท่า แถมตำรวจยังต้องออกมาขอโทษม็อบ ที่ฉีดน้ำโดยไม่มีการแจ้งเตือน ด้วยข้ออ้างปัญญาอ่อนว่า "มือลั่น" จนนักข่าวทั้งไทยทั้งเทศ รายงานไปทั่วประเทศทั่วโลก ทำลายความชอบธรรมของเผด็จการหนักเข้าไปอีก วัยรุ่นฺฮาร์ดคอร์ พึงจดจำบทเรียนครั้งนี้ให้ดี
3. นอกจากน้องมายด์แล้ว แกนนำหลักๆที่ได้รับการปล่อยจากคุก แทบไม่ปรากฏตัวขึ้นนำขบวนม็อบเลย ทั้งที่หลายคนที่ไปม็อบครั้งนี้ อยากเห็นหน้าแกนนำเหล่านั้นใจแทบขาด
เป็นยุทธวิธีที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง เป็นการส่งสาสน์ไปยังเผด็จการว่า การจับแกนนำ ไม่ได้มีผลต่อปริมาณและคุณภาพของม็อบเลยแม้แต่น้อย มาตรการยัดคดีไว้ก่อน ไม่อาจบั่นทอนพลังการต่อสู้ได้ ถ้าเผด็จการยังใช้มาตรการนี้ต่อไป มีแต่จะเป็นการสะสมความพ่ายแพ้ทางการเมืองเพิ่มมากยิ่งขึ้น
4. ตอนเริ่มเคลื่อนขบวนจากอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ผมและเพื่อนๆ กังวลไม่น้อยว่า ครั้งนี้คนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่พอเริ่มเคลื่อน ปรากฏว่าน้องๆเยาวชนกลับหนุนเนื่องเข้ามามากจนน่าตกใจแต่ก็อุ่นใจ ทราบภายหลังว่า พวกเขาส่วนหนึ่ง มาถึงแล้วแต่หลบมุมอยู่ในร้านรวงโดยรอบ อีกส่วนเพิ่งเดินตบเท้ามาจากสถานีรถไฟฟ้า เข้าใจว่า พวกเขากะประมาณเวลาของการเคลื่อนขบวนได้อย่างเหมาะเหม็ง เพราะติดตามทางออนไลน์
ภาพนี้สะท้อนให้เห็นคุณภาพของม็อบของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี พวกเขารู้และเข้าใจจุดมุ่งหมายของม็อบได้อย่างแจ่มแจ้ง โดยแทบไม่ต้องให้แกนนำบอกกล่าวเลย เรียกว่าทุกคนต่างรู้งาน และรับผิดชอบงานส่วนของตนอย่างซื่อสัตย์
คร่าวๆ คงมีประมาณนี้ อยากให้เพื่อนๆ ช่วนกันเสริมประเด็นอื่นที่ผมไม่เห็น หรือขาดตกไปด้วยครับ 

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10217531443746690&set=a.1904046089588