วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 22, 2563

ทูตห้าประเทศใหญ่ ร่วมกันออกแถลงการณ์ ให้ทางการไทยปฏิรูปศักยภาพ ระเบียบขั้นตอนการทำธุรกิจและการลงทุน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันมีนัยยะอะไร

https://www.thairath.co.th/news/business/1976281
.....
ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador
November 17 at 1:11 PM ·

ทูตมหาอำนาจ 5 ประเทศนอกแถว?
——
มีคนอยากให้เขียนเรื่องทูตห้าประเทศใหญ่ได้แก่ สหรัฐฯ เยอรมัน ญี่ปุ่น อังกฤษ และออสเตรเลีย ร่วมกันออกแถลงการณ์ ให้ทางการไทยปฏิรูปศักยภาพ ระเบียบขั้นตอนการทำธุรกิจและการลงทุน โดยมีข้อเสนอ 10 ประการ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ว่ามันมีความหมายเช่นไร เป็นเรื่องปกติหรือไม่แค่ไหน อะไรอย่างไร
——
ก็ขอเรียนว่าเรื่องนี้จะว่าไป ก็ทั้งปกติและไม่ปกติ คือถือว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ในทางการทูต แต่จะอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยหรือว่าเป็นเรื่องปกตินัก
——
โดยปกติเมื่อเกิดปัญหาหรือมีข้อเสนอแนะใด ทูตแต่ละประเทศก็จะไปพบกระทรวงการต่างประเทศ หรือบุคคลในรัฐบาลเพื่อให้ช่วยประสานงานดำเนินการในเรื่องนั้นๆ แต่จะไม่มาตั้งโต๊ะร่วมกันแถลงการณ์ออกสื่อแบบนี้ ซึ่งแม้จะอยู่ในวิสัยที่ทำได้แต่ถ้าไม่จำเป็นพวกทูตเขาก็มักจะไม่ทำกัน เพราะโดยทั่วไปประเทศเจ้าบ้านมักไม่ปลื้ม เหมือนกับว่ามาสอนกันซึ่งหน้าผ่านสื่อ ถือเป็นการฉีกหน้าหน่อยๆว่างั้น
———
แต่สิ่งที่อยากอธิบายเพิ่มเติมเพราะหลายคนไม่เข้าใจ คือทำไมหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศตะวันตกถึงชอบเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยกัน (และอย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย แม้แต่หลายคนในกระทรวงต่างประเทศไทยสมัยนี้ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ ซึ่งมันสะท้อนความอ่อนของพวกเราในยุคหลัง)
———
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่าทุกประเทศในโลกมีผลประโยชน์แห่งชาติ มากน้อยแตกต่างกันออกไป และมันมีหลายด้าน เช่นผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ด้านการเมือง ความมั่นคง อะไรก็ว่าไป แต่สำหรับประเทศตะวันตกและอีกหลายประเทศ อุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งก็คืออุดมการณ์ประชาธิปไตยนั้น เขาถือว่าเป็นผลประโยชน์แห่งชาติอย่างหนึ่งของเขา
———
แม้ว่าหลังยุคสงครามเย็น เรื่องผลประโยชน์ด้านอุดมการณ์ทางการเมืองจะลดความสำคัญลง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันหดหายไปจนหมด หลายประเทศยังคงถือว่าเรื่องประชาธิปไตยเป็นหนึ่งในผลประโยชน์ของเขา
——-
เพราะอะไร? ทำไมประชาธิปไตยจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายประเทศในโลก โดยเฉพาะที่เจริญแล้ว? คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ มันก็เป็นธรรมดาของคนเรา ที่อยากให้คนที่เราติดต่อคบค้าด้วย มีแนวคิดคล้ายกัน มีพื้นฐาน มาตรฐานที่เป็นสากล รวมทั้งเป็นผู้ที่มีความชอบธรรม มีหลักการ มีความมั่นคง ไว้เนื้อเชื่อใจได้
———
พูดกันตามตรง ประเทศตะวันตกเขาไม่ถึงกับแคร์มากนักหนาในเรื่องประชาธิปไตยของประชาชนในอีกประเทศหนึ่งนักหรอก เพราะเขามีผลประโยชน์ด้านอื่นๆที่เขาต้องคอยรักษาและส่งเสริมเช่นกันกัน
———
แต่ที่เขาออกมาเรียกร้องเรื่องนี้เพราะเขาเห็นว่าการมีประชาธิปไตยมันเอื้ออำนวยต่อผลประโยชน์ด้านอื่นๆของเขาด้วย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ที่มันต้องเชื่อมโยงกับเรื่องของความโปร่งใส การตรวจสอบได้ มีระบบของการรับผิดชอบ (accountability) ซึ่งโดยทั่วไป มันจะมาพร้อมกับระบอบที่มีความเป็นประชาธิปไตย
———
ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่หลายประเทศเขาอยากเห็นเราเป็น เพราะมันจะอำนวยประโยชน์ให้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย มันจะช่วยเพิ่มพูลผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน รวมทั้งทำให้ผลประโยชน์ในด้านอุดมการณ์ทางการเมือง ที่เขาต้องตอบสังคมของเขาเองได้ มีความสอดคล้องกันด้วย
———
แน่นอนว่าท้ายที่สุด ทุกประเทศย่อมคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติตนเป็นหลัก ซึ่งมันก็อยู่ที่วิธีเล่นของแต่ละประเทศ ว่าทำอย่างไรถึงจะส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติของตนได้มากที่สุด
———-
หันมามองประเทศเราเอง ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เราได้ทำอะไรบ้างเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติ หรือทำไปเพื่อตนเอง เพียงเพื่อกลุ่มคนไม่กี่คนที่ได้ประโยชน์ ในขณะที่ส่วนคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องกระเสือกดิ้นรนกันไปตามมีตามเกิด
———-
จนบางทีทูตทั้งห้าประเทศเขามองแล้ว อาจเกิดทั้งความสงสาร และสมเพช ประเทศไทย จึงต้องออกมาแนะนำ ทำในเรื่องที่ไม่ปกตินัก แม้ว่ายังคงเปี่ยมด้วยความสุภาพเช่นที่นักการทูตฝีมือดีพึงกระทำ
———-
แต่ถึงจะสุภาพนิ่มนวลแค่ไหน บรรทัดสุด (bottom line) มันก็ยังอ่านได้อยู่ดีว่านี่คือวิธีพูดแบบนิ่มๆ ว่าที่เราเป็นอยู่นี้ มันไม่ใช่นะ ต้องปรับปรุงนะ
———-
จริงๆก็คือทั้งสอนและตำหนิกลายๆ ภาษาชาวบ้านคือตบหน้าเบาะๆ
———
ส่วนจะมีใครหน้าชา รู้สึกรู้สาอะไรบ้างไหมในฝ่ายเรานั้น อันนี้ผมไม่แน่ใจ
———-
เท่าที่เห็นเท่าที่ผ่านมา ผมว่าประเทศเราลืมไปแล้วว่า คำว่า อาย สะกดอย่างไร
...
ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador
November 18 at 9:48 AM ·

(ขอต่อจากเมื่อวานอีกนิด)
———
ได้พูดไปแล้วเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ ซึ่งมันมีหลายด้าน และอุดมการณ์ทางการเมือง อุดมการณ์ประชาธิปไตย มันเป็นผลประโยชน์แห่งชาติอย่างหนึ่งของหลายประเทศ โดยเฉพาะสำหรับประเทศที่เจริญแล้ว
———-
ก็พอดีมีคำถามมาเยอะเรื่องความยากลำบาก ความแตกต่างในการทำงานของนักการทูตในช่วงที่มีรัฐบาลเป็นประชาธิปไตยกับเผด็จการ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับเรื่องเมื่อวาน เลยขอพูดต่ออีกหน่อยนะครับ
———
จริงๆแล้ว การต่างประเทศที่ดีเราจะต้องสามารถมีตัวเลือก ตัวเล่น ที่หลากหลาย เพื่อใช้ในการต่อรองและคานอำนาจ ยิ่งเรามีทางเลือกน้อย เพื่อนน้อย ต้นทุนต่ำ เท่าไหร่ เราก็ยิ่งทำงานยาก คนก็ยิ่งฟังยิ่งให้ความสนใจเรา น้อยลงเท่านั้น
———
เราคงได้ยินคนพูดบ่อยๆว่าเราไม่จำเป็นต้องไปสนใจประเทศอื่น ไม่ต้องไปง้อสหรัฐฯ อียู ญี่ปุ่น ฯลฯ พวกประเทศทั้งหลายที่อยากเห็นเราเป็นประชาธิปไตยแท้จริง โดยเราหันไปค้าขายประเทศที่เขาไม่สนใจเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน อะไรก็ได้
———
ผมคิดว่าถ้าทำอย่างนั้น แม้จะทำได้แต่มันเป็นการรักษาและส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศเราจริงล่ะหรือ?
———
คิดกันง่ายๆว่าถ้าปริมาณตลาดของเราลดลง คนที่คนจะคบหาทำค้าขายด้วยมีจำนวนน้อยลง มันใช่ผลประโยชน์ของเราหรือ?
———-
ถ้าเรามีเพื่อนน้อย มีคนคบค้าด้วยได้ไม่กี่คน เวลาเราจะแบกข้าวส่งของไปขายใคร ถ้าเขารู้ว่าเรามีทางเลือกจำกัด คิดว่าเขาจะให้ราคาเราดีไหม หรือเขาจะกดราคาเรา? และประเทศที่เขาไม่สนใจประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน นี่เขาก็เขี้ยวนะครับ เขี้ยวมากด้วย
———
และเราก็คงต้องกลายเป็นเบี้ยล่างเขาเรื่อยไป กลายเป็นแค่ลูกกระจ๊อก เพราะเราไม่มีอำนาจต่อรอง (leverages) อะไรเลย
———-
การทูตในช่วงเวลาที่รัฐบาลเราเป็นเผด็จการย่อมยากกว่า โกหกมากกว่า รักษาและส่งเสริมผลประโยชน์ของเราได้น้อยกว่า และมันเหนื่อยกว่ากันมาก เพราะท้ายที่สุดตอบไม่ได้ว่าทำเพื่อใคร เพราะมันไม่ใช่ทำเพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ
———
มันก็ไม่แปลกที่ทุกวันนี้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเรามีแต่ลดลงจนต่ำเตี้ยติดดินมาโดยตลอด และมันยากที่จะมีอะไรดีขึ้น ตราบที่บ้านเมืองเรายังเป็นเช่นนี้
———
เหนื่อยครับ
———
ไม่รู้จะเห็นแก่ตัวกันไปถึงไหนหนอ?
...
ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador
November 19 at 8:51 AM ·

ไหนๆก็ไหนๆ แถมอีกนิดนึงนะครับ
เรื่องทูต 5 ประเทศที่ออกมาออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อเร็วๆนี้
———
พอดีมีผู้กระซิบมาว่า ก่อนหน้านั้น พวกทูตเหล่านี้ได้พยายามดำเนินการตามช่องทางปกติแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ไม่มีใคร หน่วยงานใดสนใจรับฟังหรือนำไปพิจารณาจริงจัง จนเขาทนไม่ไหว ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงผ่านสื่อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ ถ้าไม่จำเป็นเขาไม่ทำกัน
———
และจริงๆมันก็คือการสะท้อนถึงความล้มเหลวของหน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้อง และว่ากันตามตรง ก็คงยากที่จะพ้นกระทรวงการต่างประเทศ
———
ก่อนหน้านี้หลายเดือน ก็มีเสียงแว่วมาเข้าหูผมว่า “ระดับสูง” ของกระทรวงนี้มักไม่ยอมพบบรรดาทูตประเทศตะวันตก (อาจเป็นเพราะกลัวเขาทวงถามเรื่องพัฒนาการทางประชาธิปไตยแล้วตอบไม่ได้ หรืออะไรก็ตามแต่)
———
แต่การที่ทูตเหล่านั้นจำเป็นต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลง แม้ว่าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ และต่ำสุดคือแสดงว่าช่องทางติดต่อตามปกติมันตีบตัน มันไปต่อไม่ได้
———
สิ่งนึ้ก็คือสิ่งที่บ่งบอกว่า เรากำลังทำให้ตัวเองมีทางเลือกที่น้อยลง แคบลง จำกัดมากขึ้น ซึ่งนั่นย่อมแสดงถึงความล้มเหลวของการต่างประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ทางเลือก สิ่งต่อรอง (leverage) ของเรา กำลงลดน้อยลงไปทุกที
——-
แนวโน้มดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ดี และหากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับประเทศของเรากำลังสูญเสียความสามารถในการรักษาและส่งเสริมผลประโยชน์แห่งชาติไปเรื่อยๆ
————
ในความเห็นส่วนตัวของผม ขอเรียนตามตรงว่าการต่างประเทศของเราตกต่ำลงไปทุกวัน
เพราะอะไร? เพราะใคร?
————-
ได้ยินคนมาเล่าให้ฟัง จริงไม่จริงผมไม่ขอยืนยันเพราะผมไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ว่า ไม่นานมานี้ในที่ประชุมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงแห่งหนึ่ง “ระดับสูง” ได้ตำหนิบรรดาข้าราชการด้วยอารมณ์บูดเบี้ยวว่า ‘ทุกวันนี้พวกคุณทำงานกันอย่างไร ไม่มี directions อะไรกันเลย’ บรรดาข้าราชการผู้ใหญ่ก็หันหน้าเลิ่กลั่กมองกันไปมาแล้วนึกในใจว่า ‘อ้าว ไอ้การกำหนดทิศทาง นโยบาย ให้ direction นี่ มันหน้าที่ตรู หรือของใครฟระ??? “
———-
เชื่อไม่เชื่อ จริงไม่จริง ใครเป็นใคร
พิจารณาไตร่ตรองกันเองตามสะดวกครับ