วันอังคาร, พฤศจิกายน 24, 2563

"ผมยาวบังเพื่อนด้านหลัง" รองปลัดศึกษาฯ เห็น 'เลดี้กาก้า' แต่ 'ปารีณา' เห็นศักราชใหม่ ใช้ ม.๑๑๒ ทำลายทางการเมือง


รองปลัดศึกษาธิการคนนี้เค้าจินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปโน่น เลดี้กาก้าด็อกเต้อ วีระ แข็งกสิการ ไปโต้วาทีรายการ จอมขวัญกับเด็กสองคน ลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ นักเรียนเลว กับ เพกา เลิศปริสัญญู เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ

อายุเพิ่ง ๕๒ ไหงเป็นข้าราชการยุคดึกดำบรรพ์ไปได้ พูดถึงการไว้ผมยาวของนักเรียนว่าเป็นผลกระทบไปทั้งสังคม ทั้ง “เพื่อน ก. เพื่อน ข. แล้วพ่อแม่” ขนาดว่าต้อง จัดระเบียบ ด้วยการทำประชาพิจารณ์ว่าจะเอายาวขนาดไหน

อ้างไปถึงเด็กชนบทว่า ถ้า “ยาวเป็นคืบเป็นศอก ที่เขาไม่มีเงินไปสระผม ไดรย์ผม เขาก็จะมีเหา มีเห็บ แล้วมันก็ติดเพื่อน กลายเป็นการระบาดของโรค ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน” โถ ก็ถ้าไม่มีเงินไปทำให้ผมสลวยอย่างนั้น เขาก็คงไม่มีเงินไปตัดสั้นด้วยละ

ที่หนักหนาจนประชากรไซเบอร์ฮือฮาตาตั้ง ตรงที่แกบอกว่า “ถ้าน้องจะทำผมยาวสักศอก คนที่เดือดร้อนคือ พ่อแม่ ที่ต้องซื้อยาสระผม มาสระให้นักเรียน เวลาเรามานั่งในห้องเรียน ผมที่ยาวเป็นศอก มันก็บังเพื่อนอยู่ด้านหลัง”

นี่ไง ถึงได้ว่าแกคงเห็นรูปเลดี้กาก้าบ่อย หรือไม่ก็เห็นภาพครูบางคนวัยป้าๆ ที่ไว้ผมทรง กระบังลมขนาดนั้นทำให้ห่วงตอนพายุมา เลยนึกถึงว่าถ้ายาวเป็นศอกจะเป็นกังวลกันขนาดไหน แทนที่จะใส่ใจเรื่องที่เด็กๆ ร่ำร้องกันมาตลอด

ไหนจะเรื่องเผด็จการในโรงเรียน บังคับโน่นนี่ให้สะใจครู ยืนตากแดดหน้าเสาธง ต้องหมอบกราบ ผอ. กำกับไปหมดทุกอย่าง เสื้อผ้าหน้าผม ไปถึงถุงเท้าสูงได้แค่สามนิ้ว แล้วยังจำกัดสัมพันธ์ฉันเพื่อนหญิงชายห้ามนั่งใกล้กัน แต่ถูกครูลวนลามโรงเรียนทำเฉย

โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศของครูชายต่อนักเรียนหญิง ส่วนใหญ่เป็นน้ำซัดทรายเหือดหายไปกับตาเสมอ เด็กที่ถูกกระทำมีแต่ความกลัวถูกตราหน้า ถูกประณามทั้งที่เป็นเหยื่อ บางคนเมื่อโตถึงได้กล้าเปิดโปง กลับถูกนักการเมืองตอแหลใส่ความ


วันนี้ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไปแจ้งความที่ สภ.โพธาราม กล่าวหา น้องหมวยสาวนักแสดงวัย ๒๑ ปี แต่งชุดนักเรียนไปร่วมม็อบ นักเรียนเลวใช้เทปดำปิดปาก นั่งชูป้าย “หนูถูกครูทำอนาจาร” ประท้วงว่าโรงเรียนไม่ปลอดภัย

ปารีณากลับหาว่าเธอแต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่มีสิทธิ ผิด พรบ.เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๗ “ทำให้สถาบันครูและสถาบันโรงเรียนไทยเสียหายไปทั่วโลก” อีกทั้งขอให้ตำรวจตรวจสอบว่าข้ออ้างถูกทำอนาจารจริงไหมด้วย ไม่จริงจัดการลงโทษ

ปะเหมาะเคราะห์ไม่ค่อยดี มีเด็กโค่งศิษย์เก่าสวนกุหลาบรุ่นที่จบมาแล้ว ๕๐ ปี พากันแต่งชุดนักเรียนยกโขยงกันไปโบกธงชมพูฟ้า ร่วมงานรับน้อง ม.๑ ผลัดกันขึ้นปฐมนิเทศสอนเด็กใหม่ให้รู้จัก ตอบแทนคุณแผ่นดิน และ “อย่าให้เขาล้างสมอง” ได้


เลยโดน สุชาติ สวัสดิศรี ศิลปินแห่งชาติโพสต์แซว ยุให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ “ฟ้องเลยครับ ไม่ได้เป็นนักเรียนแล้ว แต่เอาชุดนักเรียนมาใส่” ปารีณาว่าไง พลิกตัวไม่ทันก็แบ่งไปให้ ส.ส.สิระ เจนจาคะ บ้างก็ได้ พื้นฐานความคิดความอ่านหรอบเดียวกัน

ปารีณาเพิ่งฟ้องไปแล้ว ๒ คดี นอกจากฟ้องหมวยอย่างหาสาระไม่ค่อยได้ แล้วยังเดินตาม ดี้นิติพงษ์ ห่อนาค เปิดศักราชใหม่ห้ำหั่นฝ่ายตรงข้ามการเมืองด้วยการฟ้องมาตรา ๑๑๒ (ที่เปิดอ้าซ่าให้ใครฟ้องใครก็ได้) คราวนี้กล่าวหา ครูใหญ่ขอนแก่น

อรรถพล บัวพัฒน์ เป็นหนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่ม ราษฎรที่ปราศรัยถึงใจมวลชนเรียกร้องประชาธิปไตย ปารีณาจับเอาคำพูดประโยคหนึ่งของเขาเกี่ยวกับข่าวลือรัฐประหารซ้ำ ที่ว่า “ไม่รัฐประหารแต่อาจจะฆ่าพระมหากษัตริย์” เอาไปใส่ไคล้

“ข้อหายั่วยุ ปลุกปั่น และอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์” นี้เคยใช้เป็นเครื่องมือทำร้าย และทำลายกันทางการเมืองเหมือนในยุค ร.๙ ซึ่งตำรวจและอัยการมักต้องรับแจ้งความ/ทำสำนวนส่งฟ้อง มิฉะนั้นจะถูกเพ่งเล็งว่าเห็นดีเห็นชอบกับคนถูกฟ้อง

การฟ้องร้องโดยไม่คำนึงถึงสาระข้อหาหมิ่นสถาบันฯ นี้ ต้องดูกันต่อไปว่าศาลจะบ้าจี้ไปกับวิชามารทางการเมืองที่กลับมาใหม่ ด้วยแรงส่งของประดาลิ่วล้อรัฐบาลแค่ไหน ในเมื่อเนื้อหาข้อเท็จจริงอันเป็นฐานอ้างเอาผิด สมัยนี้กับสมัยโน้นต่างกัน

(https://www.innnews.co.th/crime/news_826346/, https://www.matichon.co.th/politics/news_2454358, https://www.matichon.co.th/education/news_2454299 และ https://www.bbc.com/thai/55052230)