ถ้าเชื่อตามโหร สว. แปดริ้วนะ คสช. คงต้องปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีกนิด คือระยะเปลี่ยนผ่าน ๕ ปี คงต้องยืดออกไปเป็น ๗ ปีละมั้ง
หลายคนโล่งอกเมื่อวันที่ ๖ มีนาคมผ่านไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย แถมเมื่อวานนี้มีข่าวดีจากคณะแพทย์ แถลงเรื่องการเสด็จประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับที่ ๒๒ แจ้งว่า
พระโอสถปฏิชีวนะที่ถวายได้ผล พระปรอท (ไข้) ลดลงแล้ว อีกทั้งผลตรวจพระโลหิตชี้วัดว่าการอักเสบลดลงด้วย รวมทั้งที่บริเวณพระข้อ แพทย์จึงลดพระโอสถปฏิชีวนะและถวายกายภาพบำบัดต่อไป
แต่คนละเรื่องเดียวกันเกี่ยวกับ “ดาวมฤตยูย้ายราศีมีนขึ้นราศีเมษ” อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดฉะเชิงเทรา นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ซึ่งมีทักษะพิเศษในทางโหราศาสตร์ เลยได้ฉายาเป็น ‘โหร สว.’ บอกว่าอิทธิพลแห่งดวงดาวเช่นนั้นไม่ใช่วันเดียว
“จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขนานใหญ่ทั่วโลกและเมืองไทยด้วย ในช่วง ๗ ปี...โดยเฉพาะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ ไม่เกินวันที่ ๔ มี.ค. ๒๕๖๑”
‘OMG’ พระคุณเจ้า จริงหรือนี่ ทั่นผู้นัมบ์จะอยู่ต่ออีกอย่างน้อยตั้งสองปี เราคงสปี๊คอิงลิช ฟิส ฟิส กันขรมแน่
แต่ว่าโหร สว. พูดถึงสุริยุปราคาวันนี้ไว้ด้วย “ราหูอมจันทร์ไม่มิดในเมืองไทย แต่ไปมิดที่อินโดนีเซีย” (และที่อื่นๆ หลายแห่งในโลก)
“การทับไม่สนิทไม่เกิดการรุนแรงมากนัก และขณะนี้ดาวพฤหัสบดีให้คุณ อยู่ในราศีสิงห์ ให้คุณแก่ดวงเมืองและดวงโลกอยู่ แต่ถูกราหูคุม...
ก็ค่อนข้างจะอันตราย หากผู้นำขาดความรู้ความสามารถและสติปัญญา โดยเฉพาะคุณธรรมจริยธรรมสำคัญที่สุด”
(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1457445047)
ก็คงโล่งใจไปนิดละเนอะ ทั่นผู้นัมบ์คนนี้ตอนเด็กเคยได้ที่หนึ่งในชั้น สติปัญญาไม่ขาดแคลนแน่ (แต่ที่แกว่งไปแกว่งมา อีกเรื่อง) ยิ่งคุณธรรมไม่ต้องพูดถึง ทั่นมีเยอะ เอามาแจกประชากรตั้ง ๑๒ ประการ
เรื่องข้าวยากหมากแพงเก็บไว้ก่อน โหรไม่ได้พูดถึง แม้นว่ารองประธานสภานายจ้างฯ นายธนิต โสรัตน์ บอก “แนวโน้มอัตราการว่างงานของคนไทยที่ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ ๐.๙๒ – ๑% จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเป็น ๑.๑ – ๑.๒%” และ
“การส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพียง ๑ – ๒% และจะทำให้การลงทุนในภาพรวมยังคงต่ำ”
(http://www.posttoday.com/biz/gov/420388 )
ภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้โพลมาช่วยแก้
ส่วนเรื่องฝนฟ้าไม่พอเพียง ทำท่าจะเกิดภัยแล้ง น้ำไม่พอใช้ทั้งในการเกษตรและบริโภค ก็จัดการได้แระ ชี้ให้เห็นมันเป็นความผิดของรัฐบาลที่แล้ว จบ
“น้ำรองเขื่อนต่ำมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ เพราะปล่อยน้ำมาทำนาจนเหลือเฟือ เพราะมีจำนำข้าว ก็ปลูกให้มาก เอาน้ำไปใช้ให้หมด”
(http://news.voicetv.co.th/thailand/281439.html)
ตรรกะอย่างนี้เข้าใจนะ ถ้าไม่ปลูกมากก็ไม่ต้องใช้น้ำมากไง เหมือนที่ทั่นรองฯ บิ๊กตือบอกไว้ จะไม่ให้ไฟไหม้ป่าก็ต้องอย่าจุดไฟ
ปัญหาตอนนี้มีนิดเดียวเรื่องรัฐธรรมนูญยั่งยืน ยังมีคนร้องยี้ไม่หยุดหย่อน ครม.อุตส่าห์ส่งน้ำจิ้ม เครื่องปรุงไปเพิ่มให้ตั้ง ๑๖ ข้อแล้วยังไม่ได้อย่างใจ จะเอาอย่างโน้นอย่างนี้กันอีก
นี่ก็พรรคฝ่ายค้านดักดาน (เฉพาะช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเท่านั้นนะ) ฝากสื่อไปบอก กรธ. ทีมจารึกเก๋ากึ๊กชุดที่เซียน ‘มีชัย’ กำกับด้วยตนเอง
“ช่วยปรับปรุงกลไกตรวจสอบถ่วงดุลตามโครงสร้างทางบริหาร และนิติบัญญัติให้เข้มข้นมากขึ้น”
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้รัฐธรรมนูญใหม่สร้าง ‘ความโปร่งใส’ ให้เกิดแก่ ‘การทำงานของฝ่ายบริหาร’ จึงได้เสนอแนะไว้สี่ข้อในฐานที่เป็นคนกันเองเคยร่วมตั้งรัฐบาล (ชุดที่เขาเรียกกันว่า ‘ลาบ ๑๑’ นั่นละ)
เรื่องสำคัญที่สุดอยู่ที่ ข้อ ๒ “ควรเพิ่มบทบาทของฝ่ายค้าน ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น”
รองหัวหน้าพรรคแมลงสาบไม่ได้เสนอลอยๆ ทั่นจะจงรายละเอียดไว้ด้วย ไม่ให้ดิ้นได้ “โดยการกำหนดให้ประธานกรรมาธิการที่มีบทบาทตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น และกรรมาธิการที่ตรวจสอบการทำงานของกระทรวง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการขนาดใหญ่
ให้ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน ประธานกรรมาธิการเป็นการทำหน้าที่โดย ส.ส. ที่มาจากฝ่ายค้าน”
(http://www.matichon.co.th/news/61466)
อ่า ชี้ชัดอย่างนี้เหมือนจะตั้งใจเป็น ‘ฝ่ายค้านถาวร’ จวบจนอสงไขยหรือไรครับ ประเดี๋ยวทั่นผู้นัมบ์เกิดความเอ็นดู ก็คงจัดให้เองแหละ
ต้องขอเวลาไปดูเรื่องความประพฤติองค์กรอิสระเสียหน่อย โดยเฉพาะพวกกรรมการเลือกตั้งกำลังพยายามสร้างมูลค่าเพิ่ม ขอตกเบิกทั้งที่ตั้งแต่ช่วยพวกนกหวีดล้มเลือกตั้ง ๒ กุมภา ๕๗ แล้วไม่ค่อยมีอะไรทำ
ครั้นจะขอไปดูงานเรื่องวิธีการลากตั้ง (สรรหา) ก็ไม่มีที่ไหนเก๋ไก๋พอจะให้ดู มีแต่แถวปักกิ่ง มอสคาวส์ เปียงยาง ไม่อยากไป ช้อปไม่สนุก
ขนาดทีมงานทั่นผู้นัมบ์ลดบทบาท ตัดงาน เตรียมการโอนสำนักไปอยู่มหาดไทย แล้วยังจะของบประมาณเท่าเดิมอีก ก็เลยต้องส่งกลับไปปรับใหม่ ให้ตัวเลขตรงกับเม็ดงานหน่อยสิ
มิหนำทำตัวให้เกิดปัญหา ดัน “มีมติในทางลับ เตรียมยื่นฟ้องแพ่งและอาญากับอดีตนายกรัฐมนตรี กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. พร้อมเรียกค่าเสียหายร่วมกันรวมเป็นเงิน ๔,๘๐๐ ล้านบาท ฐานร่วมกระทำการให้การเลือกตั้งวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ไม่สำเร็จ”
(http://shows.voicetv.co.th/voice-news-evening/335793.html)
นายโคทม อารียา นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนที่เก็บถ้อยเก็บคำนับตั้งแต่มีการรัฐประหารวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นมา วันก่อนออกรายการว้อยซ์โชวส์ให้ความเห็นต่อกรณีที่ กกต. ไขสือ ผลักความผิดไปให้รัฐบาลรักษาการ ต่อความล้มเหลวของการเลือกตั้งครั้งนั้น
ดร.โคทมบอกว่าความผิดน่าจะแบ่งกันครึ่งต่อครึ่งระหว่าง กปปส. กับ กกต.
“เหมือนกับโยนภาระออกไป” ดร.โคทมชี้ถึงท่าทีของ กกต. ในเหตุการณ์ที่มีคนของ กปปส. ไปปิดหน่วยเลือกตั้งต่างๆ “ให้การมืองเข้ามาบีบรัฐบาล”
“เหมือนกับว่า กกต.สอดรับกับ กปปส. ว่าเลื่อน (เลือกตั้ง) ออกไป จะได้ปฏิรูปก่อน...
รัฐบาลรักษาการจะปฏิรูปได้อย่างไร ก็เข้าล็อค กปปส. ให้ตั้งรัฐบาลใหม่”
ใช่ดิ รัฐบาลใหม่น่ะได้มาจะสองปีแล้ว ปฏิรูปยังไม่เกิด รอๆ กันอยู่ ให้มีชัยเอาปฏิรูปไปใส่ในรัฐธรรมนูญ ทำหมันพรรคการเมือง ทำเขื่องศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ
อนาคต กะลาแลนด์จะกลายเป็นจุดหมายไว้สำหรับ ‘ดูงานลากตั้ง' ของพวกรัฐเผด็จการจำบัง