ถึงคราวทั่นรองฯ ‘บิ๊กตือ’ สบัดคารมบ้าง “พล.อ.ประวิตรถามนักข่าวเธอเป็นอะไรกับวัฒนา เมืองสุข ถึงห่วงเขาจัง ขู่เอา 'วาสนา นาน่วม' ไปลองเข้าหลักสูตรปรับทัศนคติ” (@KAO_VoiceTV21)
“บิ๊กป้อมเผยหลักสูตรอบรมนักการเมืองพร้อมแล้ว เปิดวันนี้เลยยังได้ ยันเฉพาะคนที่ทำผิด ถูกเรียกตัวเท่านั้น หากเข้าใจ คุยชม.เดียวกลับบ้านก็ได้ ไม่กระทบภาพพจน์ คสช.คนดีอยู่แล้ว/ ด้าน
บิ๊กหมู ขอเวลาอีก ๑-๒ วัน จะแถลงหลักสูตร
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าหลักสูตรอบรมปรับทัศนคตินักการเมือง ว่าพลเอกธีรชัย นาควานิช ผบทบ./เลขาธิการคสช. มีหลักสูตรอยู่แล้ว สามารถใช้ได้ทันที ถ้าเปิดได้วันนี้ ก็เปิด” (เนื้อข่าวจาก Wassana Nanuam)
“ส่วนจะใช้ค่ายทหารหรือสถานที่อื่น ต้องแล้วแต่ คสช. ซึ่งหลักเกณฑ์สำหรับคนที่ทำผิด คนที่วิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น คงไม่ไปเอาคน ๖๐-๗๐ ล้านคนมาปรับความเข้าใจ”
แหม ทั่นก็ ใครมันจะบ้องตื้นขนาดนั้น ที่จะเอาคนหกเจ็ดสิบล้านมาปรับทัศนคติ ทั่นนึกว่าพูดกับพวกไอ้เณรเสียเคย เลยใช้ตรรกะแบบอีเหละเขระขระ รวมทั้งที่ถามว่าเป็นอะไรกับวัฒนา
คำถามแบบนี้มันพวกตะหานคุมวินมอเตอร์ไซค์เขาพูดกัน ไม่ใช่ระดับรองนายกฯ ถึงจะคนหกเจ็ดสิบล้านไม่ได้เลือกมาก็เถอะ
นั่นก็มาจากน้องตู่ ต้นตำรับสำนวนกวนกาละแม กวนอยู่นั่นแหละ ไม่เสร็จเสียที เมื่อตอนก่อนไปเมกาพูดถึงเสียงฮือฮาเกี่ยวกับภาพ “พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เข้ามาช่วยถอดรองเท้าให้ระหว่างเยี่ยมชมการจัดงาน ‘การศึกษาสร้างชาติ ตลาดคลองผดุงฯ...สร้างสุข’
ข่าวว่าทั่นหัวหน้ายั๊วอีกแระ “มันก็เป็นภาพที่ไม่สมควร ผมก็ขอโทษสังคมด้วยแล้วกัน แต่อะไรที่เป็นเรื่องของผม เรื่องภายใน เป็นเรื่องพี่น้องของผม แยกแยะให้ออก
จะมาบอกว่าเป็นนายกฯ แล้วต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าพวกคุณเลือกผมมา คุณจะสั่งผมอย่างไรผมจะทำให้ แต่นี่ไม่ได้เลือกผมสักคน”
(http://www.dailynews.co.th/politics/388594)
เออว่ะ ฟังตรรกะเขาดิ ประมาณว่า “เรื่องของตรู ใครอย่าแส่” แม้จำนนว่าภาพมันออกมาไม่ดีแต่ก็ไปพาลเอากับคนถ่ายภาพ ด้วยคำพูดทั้งก้าวร้าวและส่อเสียด
รวมไปถึงเรื่องประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ขอเยอะ ที่มีชัยจัดให้แยะ ทั่นว่า “ก็พิจารณามาจะผ่านหรือไม่ผ่าน ผมร่างเองก็ไม่ได้ ให้คนอื่นร่างก็ไม่ได้ แล้วจะเอายังไง หรือไปยืมรัฐธรรมนูญใครเขามา”
อ่า ทั่นฮัฟ นักวิชาการเขาพูดกันมาตั้งนานแล้วนะ ให้กลับไปหาฉบับ ๔๐ ปรับนิดหน่อยก็ใช้ได้ดี ป่านนี้เรียบร้อยโรงเรียนวัดนวลฯ ไปแล้ว ได้นั่งรอเปลี่ยนผ่านกันชิล ชิล ไม่ใช่ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่ต้องเสียทั้งเวลาและสตางค์ของรัฐ จ้าง กมธ. กรธ. สนช. สปช. สปท. กกต. เปรอะไปหมด
ข้อสำคัญทั่นเองจะได้ลงหลังเสือเสียที ไม่ต้องมีฉุนเฉียวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนมีคนกล่าวหาเซี้ยวๆ ว่า menopauses
อ้างอะไรเกินไปมั้ง ที่ว่า “แล้วถ้าเกิดอะไรวันหน้าก็ต้องมีคนรับผิดชอบกับผม หรือประเทศนี้มีผมคนเดียวที่ต้องเสียสละชีวิต เห็นแก่ตัวกันเกินไปหรือเปล่า” พูดเข้าเนื้ออย่างนี้ มันติดตัวไปตลอดชีวิตนะทั่น
ทีเรื่องทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไม่พูดถึงบ้าง อย่างเช่นที่เพจเฟชบุ๊ค Arpa Wangkiat แจ้งเหตุ “ทหารคุมตัวชาวบ้านปากน้ำ ระยอง :นายละม่อม บุญยงค์ กับพวกอีกสองคน ถูกทหารนำไปจากบ้านเช้าตรู่วันที่ ๒๙มีนาคม ๒๕๕๙ โดยอ้างว่าเป็นการเชิญตัวเพื่อไปปรับทัศนคติ ขณะนี้ยังไม่ทราบความคืบหน้าที่ชัดเจน
นายละม่อม อายุ ๖๕ ปี เป็นชาวประมงผู้ร้องเรียนกรณีที่ทหารร่วมกับเทศบาลระยองจะไล่รื้อบ้านเรือนและที่ทำประมงต่อเนื่องบริเวณริมชายหาดปากน้ำ ระยอง ต่อคณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยกรณีดังกล่าวนี้จะทำให้ชุมชนประมงพื้นบ้านบริเวณดังกล่าวต้องรื้อถอนบ้านเรือน และที่ทำการแปรรูปอาหารทะเลและที่จอดเรือออกจากพื้นที่ มีผู้เดือดร้อนกว่าสิบครอบครัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิฯ และอยู่ระหว่างการร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้นายละม่อมยังเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่วที่ทะเลระยองปี ๒๕๕๖ ได้ร่วมกับกับผู้ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวฟ้องร้องหน่วยงานรัฐและบ.ปิโตรเลียมไทยโกลบอลเคมีคอล เมื่อปี ๒๕๕๗ โดยคดีดังกล่าวกำหนดสืบพยานในวันที่ ๒๐ เมษายนนี้”
(https://www.facebook.com/arpa.wangkiat/posts/10206499116305643)
อีกรายหมาดๆ “จนท.ป่าไม้สนธิกำลังกับทหาร-ฝ่ายปกครอง เข้าทำการตัดโค่นสวนยางพาราของเกษตรกรในพื้นที่หมู่บ้านจัดระเบียบ อ.ภูพาน จ.สกลนคร”
ทั้งนี้ตามรายงานของ The Isaan Record ระบุว่า “ชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องทุกข์กับนายกรัฐมนตรีผ่านทางสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะทางชาวบ้านเห็นว่าพวกตนเป็นผู้ยากจนไม่ได้เป็นนายทุนที่ทำลายป่าไม้ และได้ทำกินพื้นที่นี้มานาน
จากนั้นทางสำนักนายกจึงเดินทางลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ จนนำมาสู่ข้อตกลงร่วมกันให้ชะลอการดำเนินการตัดโค่นต้นยางพาราในพื้นที่ออกไปจนกว่าจะมีแนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่ออกมา และให้มีการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหา”
แต่พวกเจ้าหน้าที่ก็หักหาญไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ยกกำลังเข้าจัดการตัดต้นยางจำนวน ๔ แปลง ประมาณ ๖๐ ไร่ ก่อการเสียหายให้แก่ชาวบ้านจนได้
(http://isaanrecord.com/2016/03/29/sakaom/)
นั่นเป็นเพียงสองกรณีล่าสุดที่เกิดจากความเห็นแก่ตัวของใครกันแน่ การพูดบนโพเดี้ยมยกตนเลอเลิศอาจทำให้ตนและพวกฮึกเหิมในอำนาจเบ็ดเสร็จที่กุมอยู่ ทว่านานาชาติเขารับรู้การข่มเหงเอาเปรียบประชาชนบางภาคส่วนทั่วไปหมดแล้ว
รายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ เมื่อวันก่อน (๓๐ มีนาคม) แจกแจงกรณีต่างๆ ที่รัฐบาล คสช. ละเมิดสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และควบคุมตัวผู้เห็นต่างที่วิจารณ์การใช้อำนาจบาทใหญ่ของฝ่ายทหาร ไว้มากมาย
(https://www.hrw.org/…/thailand-sedition-charge-red-bowl-pho…)
โดยเฉพาะการยัดข้อหาปลุกระดมก่อกวนความสงบตามมาตรา ๑๑๖ ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่กล่าวหาต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ เป็นต้น
ล้วนแต่จะยิ่งทำให้ “สถานะของประเทศไทยในประชาคมโลก ต่ำลงและต่ำลง” นายแบร๊ด แอดัมส์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเซียของ HW กล่าว
อีกทั้งกรณีหลังสุดที่ทหารเชียงใหม่กล่าวหานางธีรวรรณ เจริญสุข ในความผิดต่อความมั่นคง ม. ๑๑๖ จากการนำภาพของเธอถือขันน้ำสีแดงที่ได้รับแจกมาจากผู้สนับสนุนสองอดีตนายกรัฐมนตรีตระกูลชินวัตรลงแพร่หลายทางเฟชบุ๊ค
ทำให้นายแอดัมส์ชี้ว่า “การที่รัฐบาลทหารไทยหวาดระแวงต่อขันสีแดง แสดงให้เห็นว่าความไม่ยอมรับฟังผู้เห็นต่างเลยเถิดไปถึงขั้น ‘เหลวไหลสุดโต่ง’ แล้วละ”
ร้ายยิ่งกว่านั้น นายแอดัมส์ป่าวประกาศด้วยว่า การที่ประชาชนโดนข้อหาก่อกวนความมั่นคงเพียงเพราะลงรูปของขวัญสงกรานต์จากอดีตนายกรัฐมนตรี “แสดงชัดแจ้งว่า มองไม่เห็นที่สิ้นสุดของกระบวนการกดขี่” ต่อประชาชนไทย