‘Crooks against crooks’ เป็นคำบรรยายที่สื่อต่างชาติพูดถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยขณะนี้
“ไม่ใช่วีรบุรุษ ไม่มีทางออก ขณะที่รัฐบาลทหารและฝ่ายราชสำนักต่างมุ่งมาดรักษาอำนาจ”
เป็นพาดหัวรองของบทความเกี่ยวกับประเทศไทยล่าสุด โดย ‘Asia Sentinel’ ซึ่งมีฐานอยู่ในฮ่องกง
“พวกขี้โกงปะทะพวกขี้โกง” ที่เว็บข่าวรางวัลยอดเยี่ยมของเอเซียเมื่อปี ๒๕๕๗ อ้างถึง เป็น “ความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มขึ้นระหว่างประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีวัย ๗๐ ปี กับองคมนตรี”
(http://www.asiasentinel.com/…/crooks-vs-crooks-under-thai…/…)
เรื่องราวในบทความกล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อต้นเดือนที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ถูกเรียกไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากลงข้อความบนสื่อโซเชียล ‘ไลน์’ ว่ามีการซื้อขายตำแหน่งกันในสำนักงานตำรวจแห่งชาติของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา
รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการเผชิญหน้าระหว่างประวิตรซึ่งกำกับ สตช. กับคนสนิทของประธานองคมนตรีหรือการปีนเกลียวภายในกลุ่มทหารบูรพาพยัคฆ์เอง (“Who’s in charge here?”) โดยเฉพาะ ‘พี่ใหญ่กับน้องใหญ่’ ล้วนเป็นสิ่งที่พูดกันอย่างกว้างขวางในหมู่ชนชั้นนำของกรุงเทพฯ ที่กระเส็นกระสายออกไปสู่สื่อสายหลักแต่เพียงนิดหน่อย จะจริงมากจริงน้อยขึ้นอยู่กับผลกระทบต่อไปข้างหน้า
ทว่าเนื้อหาสำคัญในบทความชิ้นนี้อยู่ที่ความเห็นของผู้ไม่ประสงค์ออกนามในแวดวงธุรกิจการเงินไทยนักข่าวของเอเชียเซ็นติเนิลไปสอบถาม คนหนึ่งบอกว่า
“มันเป็นเรื่องของโจรฟัดกับโจร พวกขี้โกงปะทะพวกขี้โกง” นายธนาคารตำแหน่งสูงรายหนึ่งเอ่ยถึงความประพฤติของคณะทหารที่ยึดอำนาจประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ “มะงุมมะงาหราทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ”
“ใช่แล้ว พวกโจรทั้งนั้นทุกฝักฝ่าย ไม่มีผู้นำคนไหนทั้งจากคณะทหารหรือด้านพลเรือน สามารถให้แสงสว่างแก่ประชาชนได้” นายแบ๊งค์ระดับหัวแถวอีกคนเห็นพ้องด้วย
ประมาณว่า “หัวกระดกงกเงิ่น หางกระดิกริกรี้” ข้างบนพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรวบอำนาจไว้ให้มากที่สุดและนานที่สุด จะเห็นได้จาก ‘ใบสั่ง’ ข้อเสนอของ คสช. ส่งไปให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้
ข้างล่างมั่วซั่วจับคนไปกักกันไว้เจ็ดวันไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ดังผู้ใช้นาม Sarawut Bamrungkittikhun ที่เป็นข่าวว่าเจ้าหน้าที่แห่กันไป ‘อุ้ม’ จากบ้านพักที่สุราษฎร์ธานี บัดนี้ได้รับการปล่อยตัวมาแล้ว แจ้งผ่านเฟชบุ๊คของเขาว่า “ทหารห้ามติดต่อสื่อสาร”
ที่ผ่านมา “ถูกมือดีใส่ความ และเข้ารับการตรวจสอบแล้ว ผมไม่มีแนวทางหมิ่นเบื้องสูง ผมไม่มีใครจ้างทำเพจ เล่นๆ ทำเหมือนกิจกรรมขำๆ แต่คนชอบดีเบตธรรมดาๆ ไม่มีสีเสื้อ”
ก่อนหน้าที่ญาติของเขาจะเปิดเผยว่าเขาถูกควบคุมตัวจริงนั้น มีข่าวว่ามีการจับกุมผู้ดำเนินการเพจ ‘ดัดจริตประเทศไทย’ ที่นัยว่าวิจารณ์โจมตี คสช. หนักหน่วง แต่ผู้ทำเพจดังกล่าวออกมาประกาศว่าไม่ใช่เขา การจับกุม ‘ผิดตัว’
สำหรับคำสั่งปิดท้ายของ คสช. ให้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ หลักใหญ่ใจความเกี่ยวกับวุฒิสภาไม่ต่างอะไรกับการจัดตั้งสภาโปลิสบิวโร ๒๕๐ คน มาจากการแต่งตั้งบรรดาแม่ทัพนายกอง ทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญแบบฟาสซิสต์
ซึ่งจะมีการลงประชามติร่าง รธน. ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๕๙ นี้ โดยมีกรรมการเลือกตั้งเป็นผู้กำกับการหาเสียงสนับสนุน หากมีการรณรงค์ต่อต้านคัดค้านอาจมีความผิดติดคุกและถูกตัดสิทธิทางการเมืองต่อไปภายหน้า
(http://www.matichon.co.th/news/71881)
เมื่อนักข่าวถามว่า “ถ้าการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มี ๑๖ ประเด็นที่ครม.และคสช.เคยเสนอไปจะทำอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “กล่าวทันทีว่า เดี๋ยวมีอีกก็ได้ ถ้ากรธ.ไม่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เดี๋ยวตนก็เขียนไปใหม่ ก็ทำจนกว่าจะพิจารณา”
นักข่าวถามอีก “ห่วงหรือไม่ในข้อเสนอครั้งนี้จะฉุดร่างรัฐธรรมนูญทั้งร่าง” ประยุทธ์ตอบชัด “ไม่กลัว ไม่ดีก็ร่างใหม่ ทำไมหล่ะก็ตนมีอำนาจ”
“แล้วตนจะสืบทอดอำนาจตรงไหน แค่ขอให้มีวิธีการ กลไก เพื่อดูแลคนกว่า ๖๐ ล้าน ไม่ให้กลับมาที่เดิม ผิดตรงไหน มีวิธีการที่ดีกว่านี้หรือไม่เสนอมา ที่ดีกว่านี้และไม่ตรงกับที่ตนพูด มีวิธีไหนถ้าคิดไม่ออกอย่ามาถาม”
(http://www.matichon.co.th/news/71684)
ชัดไหมล่ะ แย่งชิง (อำนาจ) เอามาครอบครอง นั่นเข้าข่าย thieves แล้วยังอุตริ อวดตัวว่าดูแลคน ๖๐ ล้าน นี่เป็นวิธีการของ crooks แท้ๆ ดูแลยังไง ทั่นรองฯ ฝ่ายเศรษฐกิจออกมายอมรับแล้วว่า เศรษฐกิจไทยจะฟุบต่อไปอีกสองปี
(http://www.matichon.co.th/news/70064)
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไปพูดที่สภาเกษตรกรแห่งชาติอ้างเศรษฐกิจจีนทรุด ประเทศอื่นๆ ก็ซบเซาตามไปด้วย ไทยใช้วิธีแก้ไขแบบผสมหลายชาติพันธุ์ แต่เสียที่ขาข้างหนึ่งเป็นโปลิโอ (คือชุมชน) เลยยังไม่ฟื้น รัฐบาลทำทุกอย่างถูกต้องดีแล้ว อีกสักสองปีถึงจะเห็นผล
ดูเหมือนทั้ง คสช. และลิ่วล้อพูดอย่างนั้นกันมาหลายหนแล้ว ถ้าไม่มีแสงไฟให้เห็นริบหรี่บ้างที่ปลายทางข้างหน้า ก็เข้าตำราอวดอุตริอีกแหละ