วันจันทร์, มีนาคม 21, 2559

เมื่อ “ป๋า” คำรามใส่ ไอ้เสือ (ตะวันออก) ก็ต้องถอย




โดย ทีมข่าวการเมือง
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
19 มีนาคม 2559

ป้อมพระสุเมรุ

มฤตยูจะมา หรือราหูจะอมอะไร ก็คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเมืองไทย ที่เวลานี้ รู้กันทั้งบางว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็น “ผู้มีบารมีตัวจริง” ในยุคทหารครองเมือง

แม้อำนาจตามตำแหน่งของ “พี่ป้อม” ยังเป็นรอง “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ก็ตาม แต่ด้วยความเป็นพี่ใหญ่ “แก๊ง 3 ป.” ปลุกปั้นประคบประหงมจาก “ไอ้ตู่” จนขึ้นมาเป็น “บิ๊กตู่” รวมไปถึงน้องรองอย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เจริญรอยตามเส้นทางที่ “พี่ป้อม” วางไว้แบบเป๊ะๆ

ที่ขาดไปไม่ได้ก็ “ทหารเสือบูรพาพยัคฆ์” ที่เรืองอำนาจติดลมบนมาหลายปีนดีดัก ก็เพราะบารมีอันแผ่ไพศาลของ “บิ๊กป้อม” ที่ถูกยกให้เป็น “บิ๊กบราเทอรส์บูรพาพยัคฆ์” นั่นเอง

ฉากหน้าของคสช.จะมี “บิ๊กตู่” ยืนตระหง่านเป็นผู้นำอยู่ก็จริง แต่เบื้องลึกเบื้องหลังการก่อการครั้งใหญ่ ก็ย่อมมีเงาทะมึนของ “บิ๊กป้อม” ทาบทับอยู่ เป็นเหตุให้รัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ราบรื่นสะดวกโยธิน

ตลอดระยะเวลา 2 ปีเศษที่ผ่านมา “พี่ป้อม-น้องตู่” อาจจะมีขบเหลี่ยม-ขัดใจกันบ้าง แต่ก็เคลียร์กันได้ลงตัว ตามประสา “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” หลายครั้ง “บิ๊กตู่” ก็รับบทน้องที่ดี พี่ว่ายังไงก็ว่าไปตามกัน หลายเรื่องก็อยู่ในสภาพ “น้ำท่วมปาก” จะไปห้ามไปปรามก็เกรงว่าจะผิดใจกัน

ขนาดผู้ได้ชื่อ “รัฐฏาธิปัตย์” อย่าง “บิ๊กตู่” ยังเกรงใจ ก็ไม่แปลกที่ “บิ๊กป้อม” จะเบ่งกล้ามโชว์บารมีจนลืมตัวไปในบางครั้ง แถมบรรดา “พวกนกรู้” ก็อ่านขาดว่า ยุคนี้ใครใหญ่ ถนนทุกสายเลยพุ่งตรงเข้ากรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “คณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด” ซึ่งมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานกรรมการอยู่

ที่เป็นเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่เพราะ “สีดำ - สีเทา” วิ่งเข้าไปกันให้วุ่น แต่เป็น “สีกากี” ที่ในช่วงฤดูโยกย้ายโผล่หน้าเข้าไปยุ่บยั่บยิ่งกว่า “สีเขียว” ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เสียอีก โดยเฉพาะช่วงมื้อเช้าที่ “บ้านบิ๊กป้อม” เป็นที่หมายของบรรดาบิ๊กๆ ทั้ง “สีเขียว - สีกากี” ไม่ว่าภารกิจจะล้นมือแค่ไหน ต้องเคลียร์คิวไปทำความเคารพ “เจ้าของบ้าน” เกือบทุกวัน

เรื่องนี้ "บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซี้ปึ๊กเตรียมทหารรุ่น 6 ของ “บิ๊กป้อม” การันตีได้ ล่าสุดให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” บอกว่า “บ้าน พล.อ.ประวิตร กับข้าวอร่อย ซื้อข้าวแกง 5 อย่าง 10 อย่าง ล้อมวงกินทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงครึ่งถึง 7 โมงครึ่ง ปัจจุบันสมาชิกเพิ่มขึ้นเยอะ พล.อ.ประวิตร เป็นคนมีน้ำใจ มีใครมาอยากกินก็กิน” แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปแค่กินข้าวฟรี ยังหวังผลไปถึงความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

โป๊ะเชะกับคิว “บิ๊กตุ้ม” พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สื่อสารกับพรรคพวกผ่าน “ไลน์” ระบุถึง “นายพลนอกราชการ” ตั้งโต๊ะเรียกรับค่าต๋ง-ค่าหัวคิวในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ที่มีการคาดการณ์ไปว่า “นายพลเอก” ในข่าวก็คือ “บิ๊กป้อม” ที่กำกับดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

ร้อนถึง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ “บิ๊กปู” พล.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่อยู่เฉยไม่ได้ สั่งให้ออกหมายเรียก “บิ๊กตุ้ม” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา การกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กับ กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) โทษฐานนำเรื่องฉาวโฉ่โสโครกในวงการตำรวจมาขยายมาสู่สาธารณะ แถมยังขู่ฟ่อๆว่า เตรียมแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท สตช.ด้วยอีกกระทง

โดยมีเสียงผู้กำกับอย่าง “บิ๊กป้อม” สั่งแอคชั่น เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ทุกสายตาเลยจับจ้องการเข้าพบตำรวจตามหมายเรียกของ “บิ๊กตุ้ม” ที่เดินทางไปตามนัด เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา แต่เรื่องราวกลับ “หักมุม” เมื่อตำรวจที่ตอนแรกเอาเป็นเอาตาย กลับไม่กล้าแม้จะแจ้งข้อกล่าวหากับ “บิ๊กตุ้ม” ด้วยซ้ำ

แถมเจอ “ตลบหลัง” อีกต่างหาก เมื่อจู่ๆ “บิ๊กตุ้ม” ก็บอกว่า ได้พูดคุย และได้รับกำลังใจจาก “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ สั้นๆได้ใจความ “ขอให้พะจุณณ์โชคดี” ตอกย้ำสถานะ “ลูกป๋า” อย่างชัดเจน แม้กายจะห่างแต่ใจไม่เคยห่าง

บทสนทนาสั้น จึงถูกตีความว่า เป็นเสียงคำรามจาก “ป๋า”

คราวนี้โมเมนตัมเปลี่ยนทันที ทั้ง “บิ๊กป้อม” ที่เคยถือหางตำรวจก็เสียงอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด ท่องคาถา “พะจุณณ์น้องผม” ติดยศมากับมือ ไม่มีทะเลาะ-ไม่มีขัดแย้ง เล่นบทหนังคนละม้วนกับตอนเริ่มเรื่อง ขณะที่ “บิ๊กแป๊ะ - บิ๊กปู” ที่เคยกระเหี้ยนกระหือรือ ก็หายเข้ากลีบเมฆ โนคอมเมนท์เรื่องนี้ไปเลย

เส้นทางการไต่เต้าขึ้นสวมบท “ป๋าป้อม” เลยต้องสะดุดไปเล็กน้อย เมื่อเจอ “ของจริง” เข้าอย่างจัง

นอกจากกรณี “พะจุณณ์” แล้ว ยังต้องจับตามองว่า “บิ๊กป้อม” จะผ่านด่าน “ลูกป๋า” อีกคนอย่าง มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไปได้หรือไม่

รู้กันดีว่า “มีชัย” สนิทสนมกันดีกับ “ป๋าเปรม” มานมนาน เคยได้รับความไว้วางใจให้ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ตั้งแต่ปี 2523-2531 ยาวนานถึง 8 ปีเลยทีเดียว และว่ากันว่า ที่ “มีชัย” เดินนำ “ทีมเนติบริกร” ยอมมาช่วยงาน คสช. เพราะสัญญาณจาก “อำมาตย์” ไม่ใช่คอนเนกชั่นของ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” แต่อย่างใด

ข้อเสนอ “ส.ว.ลากตั้ง” ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่ว่ากันว่าเป็นไอเดียของ “บิ๊กป้อม” จะได้รับการบรรจุในร่างรัฐธรรมนูญของ “มีชัย” หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักการประชาธิปไตย แต่ขึ้นอยู่กับ “ไฟเขียว” ที่จะได้รับจาก “บ้านสี่เสา” หรือไม่ต่างหาก

เพราะการร่าง “บทเฉพาะกาล” ตามข้อเสนอของ คสช. ที่มุ่งไปในเรื่องการเข้าสู่อำนาจของ ส.ส.-ส.ว. มองไม่ยากว่าเป็นการวางไลน์เพื่ออยู่โยงในอำนาจ ที่สามารถตั้ง หรือปลด “นายกรัฐมนตรี” ได้ตามกลไลที่วางไว้ ก็ไม่ต่างกับการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เมื่อมีคนเตรียมตั้งตัวขึ้นเป็น “อำมาตย์ใหม่” ก็ต้องถาม “อำมาตย์เก่า” ว่าจะยอมหรือไม่

วัดบารมีกันแล้ว เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์นาทีนี้ ต้องบอกว่า “ป๋าเปรม” ยังเหนือชั้นกว่า “ป๋าป้อม” อยู่หลายขุม.