แถลงร่างรัฐธรรมนูญวันนี้มีฤกษ์เวลาเลขต้นสี่ตัว ๑๓.๓๙ น่าจะหมายความว่า “สยองหนัก”
(ตีความตามหลักเซี้ยวๆ แบบ ‘unscientific’ เลข ๑๓ = โชคร้าย .๓๙ = ขนาดลูกปืนแม็กนั่ม)
คือรับประกันไม่มี ‘เซอร์ไพร้ส์’ คำไหนคำนั้น ตรงตามคำสั่ง คสช. แน่นอน ที่เวลานี้แน่นหนา ไม่มีแยกแยะ พยัคฆ์หรือเทวัญ
ถึงเห็น ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. ออกมากำชับเรื่อง “ให้ครอบครัวกำลังพลและโครงการ รด.จิตอาสา ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ถึงความสำคัญ” ว่ามีดีขนาดไหน
กับแสดงออร่าภาษากายชัดแจ้งว่า ต้องให้มีผู้ใช้สิทธิออกไปลงประชามติขานรับ รธน. แก้โกงฉบับนี้กันมากๆ หน่อย
บิ๊ก ‘น้องหมู’ คำรามโฮ่ง “กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. จะเปิดหลักสูตรอบรมนักการเมืองที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ว่า...
ตอนนี้ถ้าใครยังพูดไม่รู้เรื่อง ก็สมควรที่จะถูกไปอบรม พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง...ถ้าพูดแล้วยังไม่รู้เรื่องก็ควรเอาตัวไว้นานๆหน่อย...รู้สึกว่าพลทหารของตนยังพูดรู้เรื่องกว่าอีก”
(http://www.matichon.co.th/news/87081 และ http://www.matichon.co.th/news/87077)
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช บอกด้วยว่า หลักสูตรปรับใหม่ใช้อบรมนักการเมืองที่ไม่เชื่อฟัง คสช. ดังที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของคณะรัฐประหารเกริ่นไว้ ว่ามีเพคเกจ ๓-๕-๗ วัน นั้น
ตอนนี้จะทดลองใช้กับสองนักการเมืองพรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ และนายวัฒนา เมืองสุข ที่ต่างกรรมต่างวันมีทหารสี่คันรถฮัมวีไปอุ้มตัวเอาไปควบคุมปรับทัศนคติที่ มทบ. ๑๑
ข้อหาต่อนายวรชัยมาจากการที่เขาตั้งคำถามผ่านทางเฟชบุ๊คว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ พล.อ.ประยุทธ์จะลาออกไหม
ส่วนนายวัฒนานี่เป็นการโดนปรับทัศนคติครั้งที่สอง เนื่องจากเขาโพสต์เฟชบุ๊คถึงการที่นายวรชัยถูกนำตัวไปควบคุมก่อนหน้านั้นสองวัน โดยก่อนที่เขาจะเดินทางไปมอบตัวได้เขียนข้อความทิ้งไว้บนโซเชียลมีเดียว่า
“ผมแสดงความคิดเห็นโดยอิงข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ ผมเรียกร้องให้ประชาชนออกมามากๆ เพื่อใช้สิทธิลงคะแนนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ผมเห็นว่าไม่มีความเป็นประชาธิปไตย
ผมมีสิทธิโดยชอบที่จะไม่เห็นด้วยและย่อมมีสิทธิที่จะรณรงค์ให้ประชาชนลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับที่ คสช. มีสิทธิที่จะรณรงค์ให้คนเห็นด้วย”
(http://prachatai.org/journal/2016/03/64902)
แต่นั่นละ คสช. ไม่สน ไม่ฟัง แถมยังก่นว่า กล่าวหาเป็น “พวกที่ชอบติเตียนประเด็นนั้นประเด็นนี้” เสียด้วย
ไม่นำพาว่านานาชาติที่ก้าวหน้าทางการเมืองประชาธิปไตยในตะวันตกจะคิดอย่างไร กระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ในการประชุมสภา ‘บันเดสแต็ก’ ของเยอรมนี เพิ่งถกกันถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยรัฐบาลทหารที่มาจากการยึดอำนาจการปกครองเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๗
“แม้บางแห่งจะเห็นว่าประเทศไทยกำลังบ่ายหน้าไปทางประชาธิปไตย ร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกระงับชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลทหารจงใจจะจำกัดเสรีภาพพื้นฐาน มันประกอบด้วยตัวบทที่เปิดทางให้ผู้ไม่ผ่านการเลือกตั้งเข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้ วุฒิสภาลงเอยด้วยการแต่งตั้งโดยทหาร”
เว็บข่าว NewEurope รายงานเนื้อหาการประชุมไว้ตอนหนึ่ง นอกเหนือจากรายละเอียดสำคัญซึ่งสองนักวิชาการไทยซึ่งอาศัยอยู่ต่างประเทศ ดร. ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ และ ดร. วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ได้รับเชิญไปให้การ (http://neurope.eu/article/thailand-way-democracy/ )
แท้จริง สิ่งที่กล่าวถึงในรัฐสภา Bundestag ดังที่ยกมาข้างต้น ก็ยังคงเป็นอยู่อย่างเหนียวแน่นแทบทุกองคาพยพในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานร่างฯ จะแถลงในบ่ายวันนี้ (๒๙ มีนาคม)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ ดร. ปวิน กล่าวไว้ต่อสภาบันเดสแต็กว่า “คณะทหารจะไม่ยอมให้มีการโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันขาด เนื่องจากเราไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงรายละเอียดของเนื้อหา” ก็ปรากฏชัดแล้วจากท่าทีและการกระทำของ คสช. ต่อสองนักการเมืองพรรคเพื่อไทย
อีกทั้งคำวิงวอนของ ดร.ปวินต่อรัฐสภาเยอรมนีที่ว่า การกดดันต่อประเทศไทยเพียงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้รัฐบาลทหารตระหนักถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนพื้นฐานนั้นไม่เพียงพอ
“อียูควรทำให้มากกว่านี้ในการใช้มาตรการปิดกั้นทางการค้าต่อประเทศไทยอย่างจริงจัง การแซงชั่นจึงจะเป็นผลเพราะไทยจำต้องพึ่งพาทางการค้ากับยุโรป” ดร.ปวินกล่าว
ส่วน ดร.วีรพัฒน์ ชี้แจงว่าการทำประชามติครั้งนี้จะไม่เป็นผลในการสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างจริงจัง เนื่องจากผู้ที่เข้ามาจัดทำประชามติ (คณะทหาร) ขาดความชอบธรรมในทางประชาธิปไตย
“ถ้าหากประชาชนไม่ยอมรับร่าง รธน. นี้ล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น” เขาตั้งคำถาม ซึ่งคำตอบก็ปรากฏให้เห็นแล้วเป็นครั้งคราวจากพวกผู้นำ คสช. ว่าถ้าไม่ผ่านก็ร่างใหม่ได้ ไม่มีที่สิ้นสุด ดังที่พล.อ.ประยุทธ์พูดไว้เมื่อสองสามวันนี้เองว่า ไม่รู้หรือเขาอยู่ในตำแหน่งอะไร
การหักหาญของ คสช. ที่จะให้ร่างรัฐธรรมนูญ ‘ต้องผ่าน’ เป็นการทำให้ คสช. ‘ดูดี’ ในสายตาต่างประเทศในการกุมอำนาจปกครองและกำกับการเมืองต่อไปอีกอย่างน้อย ๕ ปี หลังจากนั้นอาจเป็นที่ ‘ยอมรับ’ ในท่าทีของประชาชนส่วนใหญ่จนกลายเป็นรัฐบุรุษต่อไปอีกยาว
จึงปรากฏมีการสั่งปรับรูปแบบ propaganda รายวัน ที่บังคับสถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดรายการประยุทธ์พูดพร่ำ ที่ “พบว่า จำนวนผู้ชมของรายการเดินหน้าประเทศไทยมีน้อยมาก” เพราะคนดูพากันปิดทีวีหนีช่วงที่รายการนี้ออกอากาศ อ้างทำตามนโยบายประหยัดไฟ ๓๐ นาฑีของรัฐบาล
แบบนี้ฝรั่งเรียกว่า ‘self-inflicted wound’ อันเป็นความงุ่มง่ามทำให้ตัวของตัวเองเจ็บ จน “กระทบต่อการรับรู้และเข้าใจการทำงานของรัฐบาลและ คสช.” เสียท่าน่าโมโห
ความมุ่งมาดจะเอาให้ได้ดั่ง ‘โร้ดแม็พ’ ที่วาดไว้ (๒๐ ปี) ทำให้ คสช. ออกอาการ ‘จิตวิปริต’ ทางอำนาจ เมื่อก่อนแค่ ‘จิตหลอน’ หวาดระแวงนักศึกษาประชาธิปไตย (Nouveau) เดี๋ยวนี้จิตฟั่นเฟือนกลัวภัย ‘ขันสีแดง’
“ทนายสิทธิมนุษยชน อานนท์ นำภา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า พรุ่งนี้อาจต้องใช้เงินจากกองทุนประกันตัวของพลเมืองโต้กลับประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ในการไปประกันพี่น้องเราที่เชียงใหม่ จากกรณีที่มีชาวบ้านไปแจกขันสีแดง แล้วโดนเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่าขัดความมั่นคง ต้องขึ้นศาลทหาร ตามมาตรา ๑๑๖ ประกอบประกาศ คสช. ฉบับที่ ๓๗/๒๕๕๗...
บางทีบ้านเมืองเราก็วิปริตได้อย่างไม่น่าเชื่อ”
(http://prachatai.org/journal/2016/03/64918)
การก็เป็นไปตามนั้น เมื่อขันแดง ‘ด้วยรักและห่วงใย’ ของสองพี่น้องอดีตนายกฯ สกุลชินวัตร แจกให้ชาวเชียงใหม่ “ไว้เล่นน้ำสงกรานต์อย่างประหยัด” ซึ่งมีข้อความประทับอยู่บนข้างขันว่า “แม้สถานการณ์จะร้อนขอให้พี่น้องได้รับความเย็นผ่านขันใบนี้”
ได้กลายเป็นขันน้ำที่ขัดต่อความมั่นคงขึ้นมา “เป็นเรื่องแล้ว” เพราะมีชาวบ้านสันกำแพงที่ได้รับแจกขันแดงเอาไปโพสต์เฟชบุ๊ค โดยระบุว่ามาจากอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์และทักษิณ รักและคิดถึง “สงกรานต์ปีนี้ผมรู้สึกคิดถึงพี่น้องเป็นพิเศษ อยากมาช่วยท่านแก้ปัญหา แต่วันนี้ขอส่งกำลังใจมาก่อน”
จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทหารท้องที่ ‘ของขึ้น’ ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ อัครพงศ์ธิติ ผกก.สภ.แม่ปิง ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้ตั้งชุดทำงานสอบข้อเท็จจริง และแจ้งให้ชาวบ้านผู้นั้น “ไปที่ศาลทหารเพื่อรับทราบว่าข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๖”
ซึ่งตามตัวบทก็คงกล่าวหาความผิดว่า “กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต...
เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ ๓. เพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี”
(http://www.thairath.co.th/content/597537)
เออละนี่ ความผิดมหันต์ของขันแดง ทำให้ศาลทหารเชียงใหม่สั่งฝากขังคุก ‘ป้าวัน’ ชาวบ้านรับแจกขันที่สันกำแพงเป็นเวลา ๑๒ วัน
.....
เรื่องเกี่ยวข้อง...
Theerawan Charoensuk, 57 of Chiang Mai's Mae Ping district, poses with a festival water scoop in an undated photo posted online. Photo: Pantip
http://www.khaosodenglish.com/detail.php?newsid=1459232843