วันจันทร์, มีนาคม 14, 2559

สัญญานอาการแปลกไปในบรรยากาศทางการเมืองแวดวงอำนาจนิยม





คลื่นพะจุณณ์กระทบก้าม แมลงสาบฟัด พธม. ซ้ำ นกหวีดซัด เป็นลำดับเหตุทางการเมืองไม่ธรรมดาก่อนจะมาถึงสถานการณ์ปกติของจังหวัดชายแดนภาคใต้

ซึ่งเหตุก่อการร้ายเกิดขึ้นอีกนับสิบจุด เมื่อวานมีการยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้องที่นราธิวาส ใช้เป็นฐานยิงใส่ทหารพรานบาดเจ็บ ๗ ราย

นอกจากนั้นมีวางระเบิดอีกหลายแห่ง ที่พี่ใหญ่ คสช. ด้านความมั่นคงไม่ห่วง คิดว่าเจ้าหน้าที่รับผิดชอบควบคุมได้

ส่วนระเบิดทางการเมืองนั้น ไม่แน่ใจว่าถ้ามันโหมหนักกว่านี้อีกนิด คสช. จะเอาอยู่ไหม

กรณี พล.ร.อ. พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป (สปท.) นำลงข้อความบนสื่อโซเชียล ‘ไลน์’ ว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยแย้มว่ามีนายทหารยศ พล.อ. เป็นตัวการ แล้วถูกทาง สตช. ยื่นฟ้องในข้อหาความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์

พะจุณณ์ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มอบหมายให้ ‘ทนายนกเขา’ นิติธร ล้ำเหลือ อดีตแกนนำเครือข่ายปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แนวร่วมสำคัญของ กปปส. คนหนึ่ง ว่าความสู้คดีจนถึงที่สุด

นับเป็นการเผชิญหน้าควรจับตาดูอย่างยิ่ง ระหว่างกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง-เป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ กับคณะรัฐประหารที่พวกเขาเป็นนั่งห้างให้เข้ามายึดอำนาจเมื่อ ๒๒ พฤษภา ๕๗

ชนิดที่รายการเวคอัพไทยแลนด์ทางว้อยซ์ทีวีระบุว่า “มีการประเมินว่ามันมีสัญญานไม่ปกติ” เกิดขึ้น

(http://news.voicetv.co.th/thailand/338157.html)

“ต้องดูเป็นเรื่องเดียวกันว่าบรรดาบิ๊กๆ และลูกน้องของบิ๊กๆ ทั้งหลายเคลื่อนไหวกันอย่างไร” พรรณิการ์ วานิช ผู้ประกาศหญิงของรายการแนะ “ใครเป็นเพื่อนใคร ใครเป็นเครือใคร” ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ผู้ประกาศชายเสริม

ศิโรตม์ยังได้เอ่ยถึงการที่นายปีย์ มาลากุล หนึ่งในตัวละครเอกผู้ร่วมวางแผนโค่นอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อันนำไปสู่การรัฐประหารปี ๒๕๔๙ ได้ออกรายการให้สัมภาษณ์แก่นางอัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศหญิงโด่งดังจากเวที พธม. และแอ้สทีวีเครือผู้จัดการที่ผันพักตร์ไปสนิทแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์

ว่านายปีย์ “พูดหลายเรื่องที่มีประเด็นระหว่างบรรทัด...ถ้าผมเป็นคนที่ถูกพูดถึง ต้องเป็นกังวล”

“เรียกว่าสันหลังวาบ” พรรณิการ์เป็นฝ่ายเสริมบ้าง “ในช่วงเวลาไม่ถึงสามวัน พล.อ.เปรมออกมาพูด คุณปีย์ออกมาพูด ดิฉันคิดว่าต้องไปพบหมอดูแล้ว”

ไม่เพียงแค่ ‘ป๋า’ ที่ส่งสัญญานว่าพะจุณณ์เป็น ‘คนดี’ และปีย์บอกกับพะจุณณ์ด้วยตนเองว่า “สู้ๆ” (ในคดีกับ สตช. ที่พล.อ. คนหนึ่งกำกับอยู่) เท่านั้น

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) อดีตแกนนำแนวร่วมพันธมิตรฯ (พธม.) คนสำคัญที่รับงานป่วนกรณีเขาพระวิหารร่วมกับพรรค ปชป. จนต้องไปติดคุกเขมรอยู่หลายเดือน ตอนนี้ออกมาพูดในสิ่งที่ คสช. ไม่อยากได้ยินยิ่งนัก

“จากการตรวจสอบ ขณะนี้รัฐบาลปัจจุบันมีแนวโน้มทุจริตคอร์รัปชั่นมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”

อีกทั้ง “ก่อนหน้านี้ประชาชนยอมให้โอกาส คสช.ทำหน้าที่ แต่ คสช.ทำได้เพียงซื้อเวลาเพื่อจะสืบทอดอำนาจ ดังนั้นต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าหลังจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้นในวันที่ ๒๙ มีนาคมนี้”

(http://www.matichon.co.th/news/68546)




อีกสัญญานของอาการแปลกไปในบรรยากาศทางการเมืองแวดวงอำนาจนิยม เห็นได้จากการที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ออกมางัดกับทั่นรองฯ ฝ่ายกลาโหม เรื่องที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่าจะเขียนใบสั่งให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญบรรจุข้อเสนอของตนไว้ในบทเฉพาะกาล




“เป็นการแทรกแซง กรธ.ชัดเจน เหมือนเป็นการวางก้าม” นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายของ ปชป. ชี้ว่าจะก่อเกิดปัญหาความไม่น่าเชื่อถือแก่ คสช. และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1457781681)

ไม่เพียงแค่นั้น ปรากฏคำให้สัมภาษณ์ยาวเหยียด เจาะละเอียดหลายประเด็นที่เป็นข้อตำหนิต่อ คสช. เรื่องรัฐธรรมนูญ การปฏิรูป และท่าทางของการสืบทอดอำนาจ จากคนที่ว่าความให้พะจุณณ์สู้คดีกับ สตช.

ไทยโพสต์ฉบับแท้ปลอยอาทิตย์นี้ขึ้นปก “หลัง ๒๙ มี.ค. สถานการณ์สุกงอม” ซึ่งเนื้อในทนายนกเขาบอกว่า “รัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางแก้ปัญหา...ต้องปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้านอย่างน้อยก็ ๑๑ ด้าน อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเข้ามา”

สถานการณ์การเมือง “จะดุเดือดขึ้น” ในช่วงหลัง ๒๙ มี.ค. เมื่อร่างรัฐธรรมนูญร่างสุดท้ายเสร็จและเผยแพร่ร่างออกมาเพื่อทำประชามติ ในมุมมองของนิติธร

“ถ้า คสช.เอาตามโรดแมป ไม่สนใจแล้วปัญหามันจะเป็นอย่างไรต่อไป รัฐธรรมนูญก็ผ่านแล้ว ประชามติผ่านแล้ว ก็ไปเลือกตั้ง ผมว่ามันไม่ง่ายที่เมื่อไปถึงจุดนั้น”

ครั้นผู้สัมภาษณ์ถามถึง “บางคนใน คสช.เช่น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” นิติธรตอบอย่างขี่ม้าเลียบเมือง “การจัดลำดับความสัมพันธ์ คนไทยยังให้ความสำคัญและมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”

ถึงกระนั้น “ผมยังมองว่าคนยังให้เครดิตพลเอกประยุทธ์ ใน คสช.พลเอกประยุทธ์ยังมีโอกาสดีมากที่สุด”

ต่อคำถามว่า “ปมไหนเป็นจุดเสี่ยงที่อาจทำให้ คสช.มีปัญหามากสุด ต่อจากนี้” อดีตแกนนำ คปท. ตอบว่าทุกประเด็นเป็นไปได้หมด ทั้งร่าง รธน. ปัญหาเศรษฐกิจ และการตั้งสังฆราช




“ทุกปัญหาแก้ได้ด้วยวิธีการเดียวคือ ทำงานเรื่องการปฏิรูปให้เป็นรูปธรรม อย่างที่ผมบอกพลเอกประยุทธ์ยังได้รับโอกาส แต่แค่พลเอกประยุทธ์คนเดียว

และขอยืนยันว่าแกนนำที่เคยเคลื่อนไหวเรื่องการปฏิรูปประเทศช่วงก่อน ๒๒ พ.ค. ๕๗ ไม่มีใครเงียบ “เมื่อถึงเวลาก็ต้องตรวจการบ้าน ต้องทำ ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เลือกปฏิบัติว่าเป็นรัฐบาลไหน”

(http://www.thaipost.net/…)

ไหมล่ะ ใครก้าม ใครเก่ง พี่ใหญ่หรือน้องใหญ่ เป็นเรื่องของพวกที่นิยมอำนาจทั้งนั้น เท่านั้น รัฐธรรมนูญ เลือกตั้ง และประชาธิปไตย ไม่ได้รับความสำคัญเท่าเกมชิงอำนาจ

ดังที่ Atukkit Sawangsuk ว่าไว้ “ต้องยอมรับนะครับ พวกนี้เค้าพอฟัดพอเหวี่ยงกับทหาร เฮี้ยนพอกัน ถ้าปั่นได้ที่ละก็ สนุกแน่”