ที่มา ประชาไท Blogazine (บล็อกของ gadfly)
ธีร์ อันมัย ได้บันทึกบรรยากาศในงานไว้ในเฟซบุ๊ก
ภาพจาก: Saowanee T. Alexander |
l
บทสวดมาติกาบังสุกุลยังคงอยู่ การอาราธนาปัญจศีลก็ยังอยู่ เพลงธรณีกรรแสงยังอยู่ คนผู้มาร่วมงานศพก็ยังอยู่ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วนับแต่การสังหารหมู่คนเสื้อแดงกลางใจเมืองหลวงด้วยกองกำลังทหารพร้อมสรรพาวุธมหาศาลกว่าการศึกสงครามระหว่างประเทศเมื่อเมษายน - พฤษภาคม 2010
จากนั้นงานศพ งานบุญ งานแต่งของพวกเขาก็ไม่เคยเหมือนเดิม
นอกจากความทรงจำเกี่ยวกับผู้ตายแล้ว บทสนทนาของพวกเขาที่จับกลุ่มทักทายพูดคุยกัน ล้วนเป็นความเจ็บแค้น เรื่องบ้านเมือง เรื่องสิทธิเสรีประชาธิปไตย การสาปส่งอำนาจอธรรมระยำตำบอนที่กดคอประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ll
มาจากอุบลราชธานี มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ จากกรุงเทพฯก็มี ปักษ์ใต้ก็มา มาเพื่อไว้อาลัย มาเพื่อให้กำลังใจครอบครัวของผู้ตาย มาเพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาว่า จะยืนหยัดในแนวทางที่พวกเขายึดถือร่วมกันมา ประชาธิปไตยที่ให้ค่าความเป็นคนเท่าเทียมกัน
lll
เป็นงานศพที่ไม่สงบ ไม่เรียบร้อย ไม่เป็นไปตามประเพณีนิยม ผู้คนที่มาร่วมงานกว่าร้อยละ 80 เลือกอาภรณ์ประดับกายเป็นสีแดง เมรุเผาศพนอกจากพวกหรีดแล้วก็ถูกประดับด้วยภาพการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผู้ตายได้ไปมีส่วนร่วม ภาพของทักษิณ ชินวัตร ภาพของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ผู้ตายศรัทธา เพลงธรณีกรรแสงเปิดได้ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยเพลง "นักสู้ธุลีดิน" ของจิ้น กรรมาชน คนเดือนตุลาคมอีกคนที่ไม่กลับกลอก
พระสงฆ์เทศนาถึงผู้ตายก่อนจะกล่าวถึงแนวทางการต่อสู้เรื่องประชาธิปไตย ลงท้ายด้วยการหยอดมุขว่า หวังว่าคงไม่มีใครเชิญอาตมาไปปรับทัศนคติ ญาติโยมส่งเสียงฮาแทนสาธุการ
ไม่ใช่แค่ชาวบ้านหรอกที่เปลี่ยนไป พระสงฆ์ก็เปลี่ยนไปและปรับตัวได้ แต่มีคนบางจำพวกยังไม่ยอมเปลี่ยนและคงเปลี่ยนไม่ได้ ยังคงดักดานจนกว่าจะล้มหายตายจากไปเองเท่านั้น
0000
ooo
https://www.youtube.com/watch?v=rkjYGfAM9eQ