วันจันทร์, ธันวาคม 14, 2558
รัฐบาล คสช. ถลำลึกลงไปทุกทีกับการโป้ปดชาวโลก เรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนพลเมืองของตน ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นความผิดต่อปฏิญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมหาชนและการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยลงนามไว้กับสหประชาชาติ ไปได้
รัฐบาล คสช. ถลำลึกลงไปทุกทีกับการโป้ปดชาวโลก เรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนพลเมืองของตน
ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นความผิดต่อปฏิญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมหาชนและการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยลงนามไว้กับสหประชาชาติ ไปได้
แม้ทหารจะนำตัวนายฐนกร ศิริไพบูลย์ ผู้ต้องหาแชร์แผนผังการทุจริตโครงการราชภักดิ์บนเฟชบุ๊ค ไปให้ศาลทหารสั่งฝากขัง หลังจากครบ ๗ วันการควบคุมตัวแบบ incommunicado ไม่ยอมบอกทนายและญาติที่พยายามขอเข้าพบว่ากักกันไว้ที่ไหน
แม้นายทหารพระธรรมนูญ (พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ) จะออกมาบอกสื่อว่าเตรียมเผยแพร่คลิปคำสารภาพของนายฐนกรระหว่างควบคุมตัว อ้างว่า “มีเนื้อหาสื่อสารถึงประชาชน” (as per Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว) ก็ตามเถอะ
เจ็ดวันของการจัคุมขังอย่างปกปิด (secret detenti on) ย่อมเข้าข่ายทำให้บุคคลหายสาปสูญ ใช้เป็นหลักฐานสะสมหากจะมีการฟ้องคดีความต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในภายหน้า
คดีของนายฐนกรนี้เป็นอีกหลักฐานบันทึกโดยองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ เช่นฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์
(https://www.hrw.org/…/thailand-junta-critic-feared-disappea…)
ไม่เท่านั้น ตามรายงาน ข่าวสดภาคอังกฤษhttp://www.khaosodenglish.com/detail.php?newsid=1450077850 โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์ ระบุว่า
ข้อหาความผิดตาม ม.๑๑๒ ที่ฟ้องต่อนายฐนกรนั้นเป็นคดีไม่เหมือนใครครั้งแรกของโลก โดยอ้างว่าเขาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพระมหากษัตริย์ด้วยการ เหน็บแนมล้อเลียน ‘คุณทองแดง’ สุนัขที่พระเจ้าอยู่หัวทรงเลี้ยงและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
หนักเข้าไปใหญ่ มีการส่งเจ้าหน้านอกเครื่องแบบไปนำตัวนายเธนศ อนันตวงษ์ วัย ๒๕ ปี หนึ่งในทีมจ่านิว กลุ่มนักศึกษาที่ชวนกันเดินทางรถไฟไปหัวหินเพื่อตรวจสอบการทุจริตในโครงการราชภักดิ์ แต่กลับถูกทหาร-ตำรวจยับยั้งด้วยการถอดตู้รถไฟที่มีผู้โดยสารกว่า ๓๐ คน แล้วนำตัวไปควบคุมจนกระทั่งหมดวัน
นั่นเป็นการจับกุมอย่างไร้จรรยาและขาดมนุษยธรรม ด้วยเหตุว่าไปฉกตัวขณะนายเธนศขณะนอนป่วยบนเตียงรอการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลสิรินธร ขอนแก่น ต้องให้ยาทางสาย ดังที่ทนายอานนท์ นำภา แจ้งว่า
“ได้ยามาแล้ว หมอบอกว่าเป็นแค่ยาระงับอาการปวดกับอาการอักเสบไปก่อน จริงๆ ต้องรักษาโดยการให้ยาทางสาย ซึ่งต้องใช้เวลารักษาต่อเนื่องอย่างน้อย ๗ วัน แต่เธนศรักษาแค่สามวันก้ถูกทหารจับตัวไปเสียก่อน”
ทั้งนี้โดยมีการชี้เป้าจากผู้ใช้เฟชบุ๊คชื่อบัญชี Siriwanna Jill ให้เบาะแสหมายเลขเตียงและชั้นของตึกอย่างละเอียด
ความประพฤติของเจ้าหน้าที่ไทยเยี่ยงนี้ รวมทั้งนำเอาข้อความชี้เป้า ล่าแม่มด บนโซเชียลมีเดียมาขยายผล ย่อมประจานให้เห็นลักษณะป่าเถื่อน ไร้จริยธรรมของฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของไทยอย่างโจ๋งครึ่ม
อาการหลงตัวและไม่แยแสกติกาสากล จนทำให้ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดีโรฮิงญาต้องผละตำแหน่ง เดินทางออกนอกประเทศไปขอลี้ภัยในออสเตรเลีย นั่นก็เป็นหลักฐานตบหน้ารัฐบาล คสช. ฉาดใหญ่ ถึงการปกครองประเทศโดยพลการด้วยอำนาจบาตรใหญ่ ที่ถูกประณามโดยนานาชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังจะมีหน้า “ขอให้พลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์ กลับมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษตามกระบวนการยุติธรรม...
มาบอกกับตนว่าถูกใครข่มขู่ จะดำเนินคดีให้ ไม่ใช่ไปพูด ทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1450070941)
บิ๊กตู่นี่เหมือนมีปากสักแต่พูดกระนั้น ดูเหมือนจะไม่อ่านไม่ฟังข่าวจากต่างประเทศบ้างเลย ในเมื่อเขารายงานข่าวกันว่าพล.ต.ต.ปวีณหวาดกลัวอันตรายต่อชีวิต ได้เคยร้องต่อผู้บังคับบัญชาหลายครั้ง ก็ยังไม่มีใครให้ความเห็นใจ
มาถึงวันนี้ความเสียหายที่ประยุทธ์อ้าง อย่างน้อยๆ เกิดจากการผิดพลาดละเลยของคนใหญ่โตในรัฐบาล หนักกว่านั้นเป็นเรื่องของการจงใจบีบคั้นกลั่นแกล้งเขาจนทนไม่ไหว
พอเขาโวยวายเข้าก็ขายผ้าเอาหน้ารอด อ้างประเทศชาติ ทั้งที่ความเสียหายอยู่ที่ตัวเองนั่นแหละ
มิน่า บ้านนี้เมืองนี้ถึงได้นิยมเอากะโหลกกะลามาครอบหัวกันครื้นเครง