วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 10, 2558

เข้าโหมดใหม่แล้วนะบ้านเรา ประเทศไทยกลายเป็นชาติ ‘น่าขัน’ ของสื่อโลก





เข้าโหมดใหม่แล้วนะบ้านเรา ประเทศไทยกลายเป็นชาติ ‘น่าขัน’ ของสื่อโลก

เมื่อ ‘Not the Nation’ เว็บไซ้ท์ข่าว parody แบบเอาข้อเท็จจริงมาเล่นล้อเลียนแผลงๆ เขียนถึงกิจกรรม ‘Bike for Dad’ ที่กำลังจะมีขึ้นทั้งในใจกลางกรุงเทพฯ และหัวเมือง ในวันศุกรนี้

ว่าเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบ ๘๘ ชันษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “by paralyzing Bangkok”

“นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่างานนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การสัญจรภายในกรุงเทพฯเป็นไปไม่ได้ แสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนไทย”

“เรามองไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่จะเฉลิมฉลองชีวิตขององค์ประมุขอันเป็นที่รักและบูชาได้ดีกว่าดำเนินรอยตามแบบอย่างของพระองค์...




ทั้งๆ ที่เป็นที่คาดหมายว่าผิวจราจรทั่วพระนครจะถูกปิดตาย รัฐบาลตัดสินใจไม่ประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุด ประชาชนยังต้องออกไปทำงานกันตามปกติ เพื่อให้เป็นการตามรอยเบื้องยุคลบาท”

“พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมักจะทรงงานหนัก และไม่ทรงมีวันหยุด จึงเป็นการเหมาะเหม็งอย่างยิ่ง พวกเราต้องทำงานกันในวันนี้ หรืออย่างน้อยพยายามที่จะไปทำงาน แม้จะติดอยู่กลางถนนเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง”

Not the Nation ล้อแรงด้วยการไปเที่ยวสัมภาษณ์คนกรุงเทพฯ ที่จะต้องออกไปทำงานวันศุกร

Sripak Veerapung ผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งจะต้องเดินทางจากบ้านที่รังสิตไปยังที่ทำงานแถวพัฒนะโยธิน บอกว่า “ถึงดิฉันจะต้องติดอยู่บนถนนทั้งวัน แต่ว่าทุกๆ วินาฑีจะเฝ้าคิดถึงพระเจ้าอยู่หัวอันทรงเป็นที่รักยิ่งของเรา ในยามที่พระองค์ทรงรถเข็น”

อีกคน Pamplonak Avasanant สาวผู้จัดการซึ่งทำงานอยู่เทอร์มินัล ๒๑ เธอกับเพื่อนเตรียมเรียกแท็กซี่ออกไปสุขุมวิท นั่งรอรถติดช่วงสี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม

“แม้ว่าต้องจ่ายถึงพันบาท เผาน้ำมันหมดถังแล้วยังไม่เคลื่อนไปไหน อะฮั้นก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่ถูกต้องในการสดุดีฝ่าละอองธุลีพระบาท”

แม้กระทั่งคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศอย่าง Rajaneet ‘เรย์’ Boronmanee แห่งนครแอล.เอ. ก็ยังกะจะชวนเพื่อนๆ ออกไปไบ๊ค์ฟอร์แด๊ดบนถนนซันเส็ทให้รถติดสักหน่อยกันในวันศุกร

“ผมแน่ใจว่าจะต้องถูกบีบแตรไล่จากผู้ขับขี่ชาวอเมริกันที่ไม่เข้าใจความสำคัญของสิ่งที่ผมทำ ผมก็ไม่มุ่งหวังอะไรนัก

รู้ไหม แค่ความคิดพื้นๆ กับการไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ เหมือนถูกแช่แข็งอยู่กับที่ ผมว่ามีแต่คนไทยเท่านั้นที่จะรู้ซึ้งในคุณค่าได้ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ”

(http://notthenation.com/…/thais-to-honor-wheelchair-bound-…/)

Well, นั่นแค่การเขียนอย่างเซี้ยวๆ จากข้อเท็จจริงที่บางคนอาจขำไม่ออกหรือเห็นว่ามัน bad taste แต่บางคนก็ชอบที่จะ laugh out loud ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและโลกทัศน์ ที่แน่ๆ มีคนติดตามอ่านข่าวขำขันแสบคันของ Not the Nation กันมากมายทีเดียว มากกว่าคนที่สนใจดูรายการวันศุกรลุงตู่หลายพันเท่า

ตลกร้ายก็ตรงที่ในทางปฏิบัติจริงของผู้ปกครองบ้านเมืองในขณะนี้ เล่นตะแบงกันเสียจนกลายเป็น laughing stocks ไปอย่างด้านๆ




ดังเช่นข่าวจริงสปริงนิวส์รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดต่อสื่อมวลชน

“ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มพยายามโจมตีว่า โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีการทุจริต เพื่อกลบข่าวการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว”

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วยตะแคงข้างว่า “หลังจากที่หน่วยงานด้านความมั่นคงสามารถจับกุมผู้เผยแพร่ผังโครงข่าย ผู้ที่เกี่ยวข้องการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ได้แล้ว”

โดยที่ ‪#‎SpringNews‬ เชิญ “ฟังชัดๆ! พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เผยปมราชภักดิ์ บอกพี่น้องประชาชนได้เลยว่าโครงการนี้มีทุจริต เพราะผู้ที่รับผิดชอบได้ชี้แจงเองว่ามีทุจริต ”

(https://www.facebook.com/SpringNewsTV/videos/10153174062395841/?fref=nf)




Atukkit Sawangsuk ถึงได้สะกิด “ทุจริตราชภักดิ์? ไพบูลย์บอก ‘ไม่มีได้ไง’ แต่ยังจับใครไม่ได้ กลับไปจับคนเผยแพร่ผังราชภักดิ์ นับใบบัวแล้วยัด ๑๑๒ อีกต่างหาก” ใบบัวที่ว่านั่นมีคำนวณเอาไว้ว่าต้องใช้เกือบ ๖ ล้านใบ




ส่วนรายละเอียดของการจับกุม Thanakorn Siripaiboon ผู้ต้องหา “มีสมาชิกในเฟซบุ๊กกว่า ๖ หมื่นคน ผ่านทางโทรศัพท์มือถือซัมซุง กาแลกซี่ รุ่น เจ ๗ ก่อนจะเห็นรูปภาพแผนผังดังกล่าว จึงบันทึกลงในโทรศัพท์ ต่อมาเวลา ๑๙.๔๕ น. วันที่ ๘ ธันวาคมนายฐนกรนำรูปภาพดังกล่าวเผยแพร่ลงในเพจ ‘สถาบันคนเสื้อแดงแห่งชาติ’...

อันถือว่า “กระทำผิดเข้าข่าย มาตรา ๑๑๒ และ มาตรา ๑๑๖ หลังกดถูกใจรูปภาพที่มีข้อความที่ไม่เหมาะสม เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน...ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมต่อไป”

อธึกกิตถึงได้ว่า “ประเทศนี้มันอวสานแล้ว จะอยู่ได้ก็ให้รู้ไป”

ทีพวกนักศึกษาพากันไปลงพื้นที่ หมายจะจี้ให้เห็นแจ้งว่าโครงการอุทยานมหึมาขนาดนั้นโปร่งใสดังอ้างจริงหรือ ก็ไปสกัดกั้น ตัดขบวน จับกุม กักกัน หาว่าพวกเขาจะไปหมิ่นแคลนสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์

แถมทั่นรองโป๊ยหย่ายประวิตรเหน็บด้วยว่า จะจับทุจริตด้วยไฟฉายหรือไง ก็มีเด็กเล็ดรอดไปส่องไฟฉายเห็นลอยแยกพื้นคอนกรีตจนได้ นี่ย่อมชี้ช่องติติงการก่อสร้างเทปูนอัดซีเมนต์ว่าทำไม่แน่น (หลวมโพล่ง) จริง

แล้วกับแม่ ‘จ่านิว’ ทหารก็ระรานเสียจน น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ น้ำตานองหน้า ตามที่ Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว รายงาน

ทหารซักไซร้ยัดเยียดข้อกล่าวหา “ออกมาเคลื่อนไหว รับเงินไปเท่าไหร่”

โดยมารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ชี้แจงว่า “ขอให้มาดูความเป็นอยู่ที่บ้านว่ามีสภาพเป็นอย่างไร หากได้รับเงินตามที่ถูกกล่าวหาจะมีความเป็นอยู่เช่นนี้หรือไม่”

นอกจากนั้น “ถูกทหารตำหนิว่า เวลาทหารโทรศัพท์หาถ้าไม่อยากคุยด้วยก็ไม่ต้องรับสายสิ ขณะที่แม่ของสิรวิชญ์บอกว่า อ้าว ถ้าไม่รับสายก็จะหาว่าไม่ให้ความร่วมมืออีก “ทำอะไรก็ผิด”

พอจ่านิวจะไปชี้แจงแถลงผลที่ธรรมศาสตร์ ก็มีกำลังทหาร-ตำรวจยกโขยงกันไปเรียงแถวกั้น

หนักกว่านั้น ‘เว็บไซต์กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์’ ทำตัวเป็นขุนพลอยพยักให้กับรัฐบาลทหาร ออกแถลง ๓ ข้อ กรณีนักศึกษาธรรมศาสตร์เคลื่อนไหวทางการเมืองภายนอกมหาวิทยาลัย

นี่ต้องให้ พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ เล่า

“การกล่าวหากลุ่มนักศึกษาธรรมศาสตร์ที่เคลื่อนไหวว่า มุ่งทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นไปโดยมั่นคงราบรื่น และ อาจสมประโยชน์กลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติ รวมถึงอาจส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือนำไปสู่ความขัดแย้งของสังคมในวงกว้าง

เป็นการกล่าวหาลอย ๆ ว่า นักศึกษามีจุดประสงค์และเบื้องหลังทางการเมืองที่ไม่บริสุทธิ์ โดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริงและเหตุผลรองรับ

เราก็อาจตั้งคำถามในลักษณะเดียวกันต่อการที่ผู้บริหารบางคนได้ออกไปเคลื่อนไหวนอกมหาวิทยาลัย คัดค้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในประเด็นต่าง ๆ ก่อนรัฐประหาร ๒๕๕๗”

ข้างต้นเหล่านั้น เป็นอาการ ‘ผิดผีผิดไข้’ กำเริบใหญ่ของฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย นิยมรัฐทหาร ถึงขั้นเป็นใจกับการที่บุรุษห่มจีวรนำคนสองร้อยไปตะโกนด่าว่าทูตอังกฤษจุ้นจ้านกิจการภายใน

ยำซ้ำด้วยคำกล่าวหาจากรองโฆษกรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค ว่าทูต ม้าร์ค เค้นท์ “สุมไฟให้เกิดความวุ่นวาย”




ทำให้ท่านทูตต้องตอบกลับบ้างว่า “ข้าพเจ้าเพียงตั้งข้อสังเกตุ แน่ละผู้มีอำนาจไทยจะจัดการประเทศของตนอย่างไรก็ได้ตามที่เห็นควร

หวังแต่ว่าจะทำในแนวที่สอดคล้องกับพันธะกรณีที่มีต่อประชาคมโลกด้วย ดังเช่นตัวแทนประชาคมยุโรปแจ้งไว้”

อันได้แก่ “ความห่วงใยที่ระเบียบแห่งกฎหมายกำลังเสื่อมทราม ควบคุมตัวบุคคลโดยไม่ต้องตามกระบวนตุลาการ ดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร และลงทัณฑ์รุนแรงเกินกว่าโทษแท้จริง”