เข้าโหมดใหม่แล้วนะบ้านเรา ประเทศไทยกลายเป็นชาติ ‘น่าขัน’ ของสื่อโลก
เมื่อ ‘Not the Nation’ เว็บไซ้ท์ข่าว parody แบบเอาข้อเท็จจริงมาเล่นล้อเลียนแผลงๆ เขียนถึงกิจกรรม ‘Bike for Dad’ ที่กำลังจะมีขึ้นทั้งในใจกลางกรุงเทพฯ และหัวเมือง ในวันศุกรนี้
ว่าเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบ ๘๘ ชันษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “by paralyzing Bangkok”
“นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่างานนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การสัญจรภายในกรุงเทพฯเป็นไปไม่ได้ แสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนไทย”
“เรามองไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่จะเฉลิมฉลองชีวิตขององค์ประมุขอันเป็นที่รักและบูชาได้ดีกว่าดำเนินรอยตามแบบอย่างของพระองค์...
ทั้งๆ ที่เป็นที่คาดหมายว่าผิวจราจรทั่วพระนครจะถูกปิดตาย รัฐบาลตัดสินใจไม่ประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุด ประชาชนยังต้องออกไปทำงานกันตามปกติ เพื่อให้เป็นการตามรอยเบื้องยุคลบาท”
“พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมักจะทรงงานหนัก และไม่ทรงมีวันหยุด จึงเป็นการเหมาะเหม็งอย่างยิ่ง พวกเราต้องทำงานกันในวันนี้ หรืออย่างน้อยพยายามที่จะไปทำงาน แม้จะติดอยู่กลางถนนเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง”
Not the Nation ล้อแรงด้วยการไปเที่ยวสัมภาษณ์คนกรุงเทพฯ ที่จะต้องออกไปทำงานวันศุกร
Sripak Veerapung ผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งจะต้องเดินทางจากบ้านที่รังสิตไปยังที่ทำงานแถวพัฒนะโยธิน บอกว่า “ถึงดิฉันจะต้องติดอยู่บนถนนทั้งวัน แต่ว่าทุกๆ วินาฑีจะเฝ้าคิดถึงพระเจ้าอยู่หัวอันทรงเป็นที่รักยิ่งของเรา ในยามที่พระองค์ทรงรถเข็น”
อีกคน Pamplonak Avasanant สาวผู้จัดการซึ่งทำงานอยู่เทอร์มินัล ๒๑ เธอกับเพื่อนเตรียมเรียกแท็กซี่ออกไปสุขุมวิท นั่งรอรถติดช่วงสี่โมงเย็นถึงสองทุ่ม
“แม้ว่าต้องจ่ายถึงพันบาท เผาน้ำมันหมดถังแล้วยังไม่เคลื่อนไปไหน อะฮั้นก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่ถูกต้องในการสดุดีฝ่าละอองธุลีพระบาท”
แม้กระทั่งคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศอย่าง Rajaneet ‘เรย์’ Boronmanee แห่งนครแอล.เอ. ก็ยังกะจะชวนเพื่อนๆ ออกไปไบ๊ค์ฟอร์แด๊ดบนถนนซันเส็ทให้รถติดสักหน่อยกันในวันศุกร
“ผมแน่ใจว่าจะต้องถูกบีบแตรไล่จากผู้ขับขี่ชาวอเมริกันที่ไม่เข้าใจความสำคัญของสิ่งที่ผมทำ ผมก็ไม่มุ่งหวังอะไรนัก
รู้ไหม แค่ความคิดพื้นๆ กับการไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ เหมือนถูกแช่แข็งอยู่กับที่ ผมว่ามีแต่คนไทยเท่านั้นที่จะรู้ซึ้งในคุณค่าได้ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ”
(http://notthenation.com/…/thais-to-honor-wheelchair-bound-…/)
Well, นั่นแค่การเขียนอย่างเซี้ยวๆ จากข้อเท็จจริงที่บางคนอาจขำไม่ออกหรือเห็นว่ามัน bad taste แต่บางคนก็ชอบที่จะ laugh out loud ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและโลกทัศน์ ที่แน่ๆ มีคนติดตามอ่านข่าวขำขันแสบคันของ Not the Nation กันมากมายทีเดียว มากกว่าคนที่สนใจดูรายการวันศุกรลุงตู่หลายพันเท่า
ตลกร้ายก็ตรงที่ในทางปฏิบัติจริงของผู้ปกครองบ้านเมืองในขณะนี้ เล่นตะแบงกันเสียจนกลายเป็น laughing stocks ไปอย่างด้านๆ
ดังเช่นข่าวจริงสปริงนิวส์รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดต่อสื่อมวลชน
“ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มพยายามโจมตีว่า โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์มีการทุจริต เพื่อกลบข่าวการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว”
ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วยตะแคงข้างว่า “หลังจากที่หน่วยงานด้านความมั่นคงสามารถจับกุมผู้เผยแพร่ผังโครงข่าย ผู้ที่เกี่ยวข้องการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ได้แล้ว”
โดยที่ #SpringNews เชิญ “ฟังชัดๆ! พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เผยปมราชภักดิ์ บอกพี่น้องประชาชนได้เลยว่าโครงการนี้มีทุจริต เพราะผู้ที่รับผิดชอบได้ชี้แจงเองว่ามีทุจริต ”
(https://www.facebook.com/SpringNewsTV/videos/10153174062395841/?fref=nf)
Atukkit Sawangsuk ถึงได้สะกิด “ทุจริตราชภักดิ์? ไพบูลย์บอก ‘ไม่มีได้ไง’ แต่ยังจับใครไม่ได้ กลับไปจับคนเผยแพร่ผังราชภักดิ์ นับใบบัวแล้วยัด ๑๑๒ อีกต่างหาก” ใบบัวที่ว่านั่นมีคำนวณเอาไว้ว่าต้องใช้เกือบ ๖ ล้านใบ
ส่วนรายละเอียดของการจับกุม Thanakorn Siripaiboon ผู้ต้องหา “มีสมาชิกในเฟซบุ๊กกว่า ๖ หมื่นคน ผ่านทางโทรศัพท์มือถือซัมซุง กาแลกซี่ รุ่น เจ ๗ ก่อนจะเห็นรูปภาพแผนผังดังกล่าว จึงบันทึกลงในโทรศัพท์ ต่อมาเวลา ๑๙.๔๕ น. วันที่ ๘ ธันวาคมนายฐนกรนำรูปภาพดังกล่าวเผยแพร่ลงในเพจ ‘สถาบันคนเสื้อแดงแห่งชาติ’...
อันถือว่า “กระทำผิดเข้าข่าย มาตรา ๑๑๒ และ มาตรา ๑๑๖ หลังกดถูกใจรูปภาพที่มีข้อความที่ไม่เหมาะสม เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน...ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมต่อไป”
อธึกกิตถึงได้ว่า “ประเทศนี้มันอวสานแล้ว จะอยู่ได้ก็ให้รู้ไป”
ทีพวกนักศึกษาพากันไปลงพื้นที่ หมายจะจี้ให้เห็นแจ้งว่าโครงการอุทยานมหึมาขนาดนั้นโปร่งใสดังอ้างจริงหรือ ก็ไปสกัดกั้น ตัดขบวน จับกุม กักกัน หาว่าพวกเขาจะไปหมิ่นแคลนสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
แถมทั่นรองโป๊ยหย่ายประวิตรเหน็บด้วยว่า จะจับทุจริตด้วยไฟฉายหรือไง ก็มีเด็กเล็ดรอดไปส่องไฟฉายเห็นลอยแยกพื้นคอนกรีตจนได้ นี่ย่อมชี้ช่องติติงการก่อสร้างเทปูนอัดซีเมนต์ว่าทำไม่แน่น (หลวมโพล่ง) จริง
แล้วกับแม่ ‘จ่านิว’ ทหารก็ระรานเสียจน น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ น้ำตานองหน้า ตามที่ Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว รายงาน
ทหารซักไซร้ยัดเยียดข้อกล่าวหา “ออกมาเคลื่อนไหว รับเงินไปเท่าไหร่”
โดยมารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ชี้แจงว่า “ขอให้มาดูความเป็นอยู่ที่บ้านว่ามีสภาพเป็นอย่างไร หากได้รับเงินตามที่ถูกกล่าวหาจะมีความเป็นอยู่เช่นนี้หรือไม่”
นอกจากนั้น “ถูกทหารตำหนิว่า เวลาทหารโทรศัพท์หาถ้าไม่อยากคุยด้วยก็ไม่ต้องรับสายสิ ขณะที่แม่ของสิรวิชญ์บอกว่า อ้าว ถ้าไม่รับสายก็จะหาว่าไม่ให้ความร่วมมืออีก “ทำอะไรก็ผิด”
พอจ่านิวจะไปชี้แจงแถลงผลที่ธรรมศาสตร์ ก็มีกำลังทหาร-ตำรวจยกโขยงกันไปเรียงแถวกั้น
หนักกว่านั้น ‘เว็บไซต์กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์’ ทำตัวเป็นขุนพลอยพยักให้กับรัฐบาลทหาร ออกแถลง ๓ ข้อ กรณีนักศึกษาธรรมศาสตร์เคลื่อนไหวทางการเมืองภายนอกมหาวิทยาลัย
นี่ต้องให้ พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ เล่า
“การกล่าวหากลุ่มนักศึกษาธรรมศาสตร์ที่เคลื่อนไหวว่า มุ่งทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นไปโดยมั่นคงราบรื่น และ อาจสมประโยชน์กลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติ รวมถึงอาจส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือนำไปสู่ความขัดแย้งของสังคมในวงกว้าง
เป็นการกล่าวหาลอย ๆ ว่า นักศึกษามีจุดประสงค์และเบื้องหลังทางการเมืองที่ไม่บริสุทธิ์ โดยปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริงและเหตุผลรองรับ
เราก็อาจตั้งคำถามในลักษณะเดียวกันต่อการที่ผู้บริหารบางคนได้ออกไปเคลื่อนไหวนอกมหาวิทยาลัย คัดค้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในประเด็นต่าง ๆ ก่อนรัฐประหาร ๒๕๕๗”
ข้างต้นเหล่านั้น เป็นอาการ ‘ผิดผีผิดไข้’ กำเริบใหญ่ของฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย นิยมรัฐทหาร ถึงขั้นเป็นใจกับการที่บุรุษห่มจีวรนำคนสองร้อยไปตะโกนด่าว่าทูตอังกฤษจุ้นจ้านกิจการภายใน
ยำซ้ำด้วยคำกล่าวหาจากรองโฆษกรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค ว่าทูต ม้าร์ค เค้นท์ “สุมไฟให้เกิดความวุ่นวาย”
ทำให้ท่านทูตต้องตอบกลับบ้างว่า “ข้าพเจ้าเพียงตั้งข้อสังเกตุ แน่ละผู้มีอำนาจไทยจะจัดการประเทศของตนอย่างไรก็ได้ตามที่เห็นควร
หวังแต่ว่าจะทำในแนวที่สอดคล้องกับพันธะกรณีที่มีต่อประชาคมโลกด้วย ดังเช่นตัวแทนประชาคมยุโรปแจ้งไว้”
อันได้แก่ “ความห่วงใยที่ระเบียบแห่งกฎหมายกำลังเสื่อมทราม ควบคุมตัวบุคคลโดยไม่ต้องตามกระบวนตุลาการ ดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร และลงทัณฑ์รุนแรงเกินกว่าโทษแท้จริง”