วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 10, 2558

อนาถ .... ขนาดตำรวจระดับนายพล สอบสวนเองยังโดนขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคดีอื่น - พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์จะยื่นขอลี้ภัยในออสเตรเลีย


Maj Gen Paween has told the ABC in an interview that he fears for his life

http://www.abc.net.au/7.30/content/2015/s4370088.htm

นายตำรวจหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีโรฮิงญา ขอลี้ภัยอยู่ในออสเตรเลีย

หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซีในออสเตรเลียหลังจากยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัยที่นั่น เนื่องจากหวั่นเกรงความปลอดภัยในชีวิตหากต้องกลับประเทศไทย

ม้าร์ค เดวิส เป็นผู้สื่อข่าวเอบีซี ออสเตรเลีย ที่ติดตามคดีโรฮิงญามาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อค้นพบสถานที่ฝังศพเหยื่อค้ามนุษย์โรฮิงญาขนาดใหญ่ มีซากศพเป็นร้อยในพื้นที่ปาดังเบซาบริเวณรอยต่อเขตแดนมาเลย์เซีย

พล.ต.ปวีณ เคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๘ ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีโรฮิงญา จนกระทั่งใกล้เสร็จสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา ๑๕๓ ราย และจับกุมตัวได้ ๙๑ ราย อันประกอบด้วยผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น นักการเมือง ทหาร และตำรวจ คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้น กำหนดไต่สวนในวันที่ ๒๒-๒๓ ธันวาคม และสืบพยานวันที่ ๒๔-๒๕ ธันวาคม

แต่เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนปรากฏข่าวว่า พล.ต.ต.ปวีณ ถูกคำสั่งย้ายให้ไปเป็นรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ พล.ต.ต.ปวีณ จึงยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ยับยั้ง พล.ต.ต.ปวีณจึงพาครอบครัวเดินทางออกนอกประเทศ

ช่วงนั้นมีรายงานข่าว พล.ต.ต.ปวีณถุกข่มขู่จากผู้ทรงอิทธิพลที่เกี่ยวข้องต้องหาในคดี สำนักข่าวอิศรารายงานคำพูด พล.ต.ต.ปวีณตอนหนึ่งว่า

“ตลอดอายุการรับราชการตำรวจของผมจนขณะนี้อายุ 57 ปีแล้ว ยังไม่เคยทำงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาก่อนเลย ไม่มีข้อมูลและไม่เคยทำคดีในพื้นที่นี้เลย การส่งผมลงไปทำงานในพื้นที่สามจังหวัดจึงไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับพื้นที่ตรงนั้น ตรงกันข้ามเหมือนกับส่งผมไปเสี่ยงอันตรายด้วยซ้ำ ผมเคยขออยู่ที่เดิม แต่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้าย”

(http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข…/…/42319-safe.html)

และ “มีนายตำรวจระดับสูงเรียกผมไปบอกว่าทหารเขาไม่พอใจที่ไปจับทหาร ให้ผมแจ้งท่านเอกรีบไปเคลียร์กับฝ่ายนั้น ต่อมาวันที่ ๔ ต.ค.ผมเดินทางมาร่วมฟังการแถลงนโยบายของท่านผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มีนายตำรวจเข้ามาเตือนอีกว่าพวกผมไปจับทหารได้ไง ทหารเขาโกรธนะคุณ ไปกลั่นแกล้งเขาหรือเปล่า

นายตำรวจคนเดียวกันบอกผมด้วยว่ามีนายทหารระดับสูงเตือนมา มันอันตราย ต้องระวังตัวนะ อย่าทำต่อเลย ผมไม่ได้พูดอะไร รวมทั้งไม่โต้แย้ง

แต่ก็กลับมาคิดเพราะช่วงหนึ่งที่สอบสวนพล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ท่านบอกว่าคุณตำรวจ ผมไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน ผมมีพรรคมีพวก ซึ่งท่านเป็นเตรียมทหารรุ่น ๑๖ มีเพื่อนฝูงมากมายรวมทั้งท่านแม่ทัพ ภาค ๔ ด้วย”

(http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…)

กับผู้สื่อข่าวเอบีซี พล.ต.ต.ปวีณยืนยันว่าหวาดกลัว เนื่องจากตัวเขาจะต้องเป็นพยานให้การปากเอกในการพิจารณาคดี เขาเชื่อว่าคดีนี้บรรดาผู้ที่จะต้องให้การเป็นพยานจะไม่ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย และเสียใจที่ไม่สามารถดำเนินคดีให้สำเร็จลุล่วงได้ เสียโอกาสในการทำงานเพื่อมวลมนุษยชาติ

ooo

บีบีซีไทย รายงานเพิ่ม...

อดีตหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์จะยื่นขอลี้ภัยในออสเตรเลีย

พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี ที่นครเมลเบิร์นในออสเตรเลียว่า จะยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในออสเตรเลีย หลังพาครอบครัวเดินทางออกจากประเทศไทย เนื่องจากถูกผู้มีอิทธิพลที่พัวพันกับคดีค้ามนุษย์ข่มขู่เอาชีวิต

ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต ปวีณ ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีค้ามนุษย์ หลังมีการพบหลุมศพจำนวนมากในค่ายที่นักค้ามนุษย์ใช้กักตัวผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่ จ. สงขลา ซึ่งทำให้มีการออกหมายจับถึง 150 หมาย และจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 88 ราย โดยรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง แต่หลังจากนั้นเพียง 5 เดือน การสอบสวนต้องหยุดชะงักลง โดยพล.ต.ต. ปวีณถูกโยกย้ายไปประจำการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่การสืบสวนคดียังไม่เสร็จสิ้น และยังมีผู้กระทำผิดหลายคนที่ยังลอยนวลอยู่

พล.ต.ต. ปวีณกล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนว่า ได้รับแรงกดดันจากผู้มีอิทธิพลไม่ให้สืบสวนดำเนินคดีอย่างจริงจังมาตั้งแต่ต้น และการที่ถูกโยกย้ายให้ไปประจำการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเครือข่ายการค้ามนุษย์ของผู้มีอิทธิพลเคลื่อนไหวอยู่นั้น หมายถึงว่าผู้มีอิทธิพลต้องการเอาชีวิตเขา นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่า การพิจารณาคดีค้ามนุษย์ในศาลที่กำลังจะมีขึ้น อาจต้องล้มเหลวในการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เนื่องจากตัวเขาเองเป็นพยานปากสำคัญ และเชื่อว่าพยานอีกหลายคนอาจถูกข่มขู่ด้วย


http://www.bbc.co.uk/news/world-asia-35058414

ooo


Top Thai policeman seeks Australia political asylum


Jonathan Head, BBC News, Bangkok


The policeman who led an investigation into human trafficking in Thailand has told Australian media he plans to seek political asylum in Australia.

Paween Pongsirin was appointed to investigate trafficking networks after the discovery of mass graves at migrant camps earlier this year.

Now in Melbourne, he told the ABC and Guardian Australia he fled Thailand because influential figures implicated in trafficking wanted him killed.

He quit the Thai police last month.

Maj Gen Paween said that his investigation, which wound up after five months, was halted by influential people in the government, military and police.

His investigation resulted in more than 150 arrest warrants issued - including for politicians, policemen and military figures - and trials have begun in Thailand.

Thailand's military junta denies claims it turned a blind eye to human trafficking. There has been no official response to Maj Gen Paween's latest comments so far.

Thai volunteers exhume unmarked migrant graves in the forest


The discovery of a mass grave in a trafficking camp along the Thai-Malaysian border in May happened almost by accident. But it shocked the Thai military government into starting a more thorough investigation into trafficking networks, which had until then operated with near-impunity.

The man they put in charge of that investigation was Police Major-General Paween Pongsirin, an officer with long experience in Thailand's south.

He pursued his task with dogged determination, bringing 88 suspects to court, including for the first time a senior military officer, General Manas Kongplan. These cases were presented by the Thai government as evidence of its good faith in wanting to stamp out the human trade.

But in October Maj Gen Paween's investigation was halted, despite his own pleas that his work was unfinished, with many more suspects at large.

He was ordered to move to the deep south, where amid an ongoing insurgency traffickers operate more freely, and where he said he and his family would be at great risk of reprisals. His appeals for help went unanswered, and he resigned from the police force.

That he has fled to Australia and sought asylum shows he feels unsafe staying in his own country; yet without his testimony the cases he initiated could well collapse. Other important witnesses have also gone into hiding.

And Thailand's claim to be serious about stopping the trafficking business looks hollow.


The discovery of mass graves in jungle camps around the Malaysia-Thai border in May put a spotlight on the human trafficking industry in the region.




Many of the migrants are believed to be Rohingya Muslims fleeing Myanmar as well as economic migrants from Bangladesh.

An investigation by the BBC earlier this year found entire communities in Thailand had been assisting the traffickers.