ถอดความจากข้อเขียนของก้อง ฤทธิ์ดี บรรณาธิการผู้ช่วย ส่วน ‘ชีวิต’
ของหนังสือพิมพ์บางกอก โพสต์ เรื่อง ความรักชาติที่มืดบอด
เป็นความรักที่มืดมนที่สุดเหนือใดๆ
รู้ถึงพลังความรักชาติรุนแรงสุดโต่งกันบ้างไหม
รู้ไซร้จากออนไลน์และรู้ได้ที่หน้าสถานทูตสหรัฐ ขณะที่พวกเขายกขบวนมุ่งหน้ากันไปเหมือนนักท่องทะเลทราย
ถือท่อนไม้ไว้สู้กับปีศาจด๊าร์ทเวเดอร์ ถือดีอย่างไรพวกจักรวรรดิ์นิยมนี่ ไม่ยอมลดละการแทรกแซง
หยาบคายก็ปานนั้น หน้าไหว้หลังหลอกเฉกเช่นนี้
เสียงเหล่านักรบแนวหน้าตะโกนร้องพร้อมกวัดแกว่งลำไผ่ปลายแหลม
นี่เป็นเพราะเมื่อวันพฤหัสบดีทูตสหรัฐคนใหม่ กลิน เดวี่ส์
กล่าวถ้อยบางอย่างที่มันเขย่าต่อมรักชาติอย่างแรง (เรื่องอย่างนี้ล่อแหลมเสมอ)
เกี่ยวกับที่ว่าคนแสดงความเห็นอย่างสันติไม่ควรถูกจับยัดคุก โยงถึงการลงโทษเกินกว่าเหตุภายใต้กฏหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพ
ดังคาด เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมาพวกรักชาติกว่าใครเริ่มตีเกราะเคาะไม้กันใหญ่
คุณด๊าร์ตที่รัก กองกำลังได้ตื่นขึ้นแล้ว องค์การเก็บขยะ
ซึ่งที่จริงไม่ใช่องค์การ แต่เป็นเหมือนละครน้ำเน่าในหมู่มือปืนรับจ้างของปีกฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ได้ประกาศออกมาว่ามันเป็นความ ‘เสื่อมทางจริยธรรม’ ของพวกที่ไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน
อันสื่อความได้ว่าสหรัฐฟูมฟักไข่แห่งความเสื่อมทรามนี้
“เราประชาชนไทย”
เขาใช้สรรพนามแทนเราไปแล้วโดยไม่พักจะขออนุญาต “ขอแสดงการไม่เห็นพ้องกับความเห็นของท่านทูต
ที่จะทำให้สันติภาพในภูมิภาคต้องเสี่ยงภัย” จากนั้นพระสงฆ์อื้อฉาวชื่อ
พระบุดห์ด้าอิสระ ได้เขียนจดหมายกล่าวหาท่านทูตว่าขาดความเคารพ ลุกล้ำ ใช้สำนวนข่มท่าน
หยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทยทุกคน ถึงเวลาต้องไปประท้วงสถานทูตกันแล้ว
เมื่อเดือนตุลาคมสงฆ์องค์นี้ได้เล่นบทโมเสสด้วยการกั้นการจราจรและพาพวกสาวกไปยังถนนวิทยุเพื่อประท้วงต่อองค์การฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์
ซึ่งไม่ได้มีสำนักงานอยู่ที่นั่นเสียหน่อย ครั้งนี้อย่างน้อยเขาก็ยังชี้ทางถูกสถานที่
ให้พวกสานุศิษย์ที่คลั่งใคล้ไปชุมนุมกันเมื่อวานนี้
สิ่งที่ท่านทูตพูดนั้นมีคนอื่นเขาพูดมาแล้วมากมาย
ทั้งด้วยการเปล่งร้องและกระซิบกระซาบ ด้วยเลือดและด้วยน้ำหมึก
ส่วนใหญ่ด้วยความหวังดี และด้วยความโกรธในกรณีที่จำเป็น การถูกจำคุกสามสิบปีจากที่พูดอะไรบางอย่าง
มันเป็นโทษหนักหนาสากัณฑ์กว่าผู้ต้องหาฆ่าคนตายได้รับ
หรือเมื่อข้อหาถูกยัดใส่ทั้งซ้ายทั้งขวาและตรงกลางในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา
รวมไปถึงในวันเดียวกันที่นายเดวี่ส์พูด
มันไม่ได้มากไปเลยที่จะยกปัญหาศักดิ์ศรีแห่งมวลมนุษย์ขึ้นมาพูด ผู้ที่ออกมายกประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับกฏหมายนี้
ไม่ได้ทำไปเพราะเห็นว่าจะสามารถแก้ไขอะไรได้ ไม่ใช่เดี๋ยวนี้และไม่ใช่ในอนาคต
แต่เพราะว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็จะกลายเป็นการทรยศต่อจิตสำนึกของตัวเอง
ที่ซึ่งเป็นส่วนย่อยที่สุดแต่ก็ศักดิ์สิทธ์ที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ทุกครั้งที่มีคนต่างด้าวหรือชาวต่างชาติที่ยังไม่ยอมถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน
พูดถึงเรื่องนี้ มันช่างเจ็บแสบเสียนี่กระไร
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพญาอินทรีเป็นคนพูด มันกดศักดิ์ศรีของความรักชาติให้ตกต่ำลงอย่างสุดสุด
นี่เป็นประเทศที่มือแปดเปื้อนกับความยุ่งเหยิงยืดเยื้อในที่ต่างๆ ของโลก
และด้วยภูมิหลังแห่งการแทรกแซงที่ทิ้งความเละเทะไว้เบื้องหลัง
พวกรักชาติของเราสามารถบ่งชี้ตราบาปของสหรัฐได้เป็นกุรุต จากเวียตนามถึงอิรัก
แต่ผมรู้สึกว่าคนเหล่านี้จะกลายเป็นแถวหน้ารอรับวีซ่าตลอดชีวิตไปสหรัฐถ้ากรุงวอชิงตันเปิดรับสักครั้ง
ไม่มีใครหรอกที่หลุดรอดความหน้าไหว้หลังหลอกไปได้
ในกิจการระหว่างประเทศบางครั้งเรียกมันว่าการทูต เป็นเกมที่เล่นกันด้วยกิ่งมะกอกและก้านหนำเลี๊ยบ
ในที่แจ้งและเงามืด ไม่นานมานี้สหรัฐยังหลอกล่อให้เราเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนภาคีภาคพื้นแปซิฟิค
(ทีพีพี) อยู่เลย แล้วจู่ๆ กลับจวกใส่กฏหมายยอดนิยมของไทยเสียนี่
นั่นเป็นแบบแผนของการทิ้งไพ่ แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ง่ายเช่นเดียวกับที่เข้าใจบทบาทของจีนในการเอียงเข้ามาใกล้ชิดไทยทางทหาร
โดยเข้าร่วมแสดงการบินกับเรา แต่แล้วกลับเตรียมจะเก็บค่าดอกเบี้ยสูงลิบในแผนการสร้างรถไฟความเร็วสูง
ในสถานการณ์ที่ความรักชาติถูกรุกล้ำ เมื่อเกาะแก้วพรีโมเดิร์นในยึดครองของทหารชักจะคับแคบเพราะว่าโลกโอบล้อมบีบรัดเข้ามา
การแสดงความเห็นของท่านทูตมันเข้าได้กับตำราเรื่องนักเอาเปรียบของเราพอดี
เมื่อคุณดันเผาบ้านตัวเอง ก็ต้องโทษเพื่อนบ้านที่เสือกยื่นจมูกเข้ามาสาระแน
อาการสมองฝ่อของพวกชาตินิยมโต่งนี่น่ะบางครั้งสุดที่จะอธิบายได้
หลังจากเกิดการระเบิดถล่มกรุงปารีสหลายจุดเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน
พวกขวาจัดบางกลุ่มขุดเอาประวัติศาสตร์สมัยคริสตศักราช ๑๘๙๓
เมื่อมีเรือไฟของฝรั่งรุกเข้ามาในน่านน้ำสยาม ในกรณีการล่าอาณานิคม
เพื่อจะบอกว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสเป็นเพราะกรรมเก่าที่เคยมาค้ำคอตัดเอาดินแดนของเราไป
คนพวกนี้ไม่ได้ติดยาหรอกนะ
พวกเขาแค่ขาดน้ำใจและหน้าไหว้หลังหลอกเท่านั้นเอง
เนื่องจากคนเหล่านี้ไม่มีความทรงจำใดๆ
เกี่ยวกับกรณีสยามเข้าไปรุกรานเพื่อนบ้านแต่ครั้งโบราณกาล ทั้งเหนือและใต้ เพราะว่าชาตินิยมเป็นเพียงการเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น
แม้กระทั่งเขี่ยทิ้งด้วยคำเรียกว่า ‘ขยะ’
และแล้วพลังก็จุติอีกครั้ง
ตราบใดที่พวกชาตินิยมมหันต์เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงมากเท่าไร
พวกเขาจะออกอาการเกินธรรมดามากขึ้นเท่านั้น และผมแค่หวั่นว่านี่จะหมายถึงมีการกระทุ้งแทงยับเยินต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่อไป
เพียงแค่จะพิสูจน์ว่าด๊าร์ทเวเดอร์ไม่อาจครอบงำพวกเราได้ด้วยไอเดีย
ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาอ้างต่างชาติก้าวร้าว ‘ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์’ แต่ไม่เคยฉุกคิดเลยว่าใครกันแน่ที่กำลังก้าวร้าว ความรักทำให้ตาบอด และความรักอย่างงมงายมืดมิดของชาติหนึ่งใด
เป็นความมืดมนอนธการกว่าใครทั้งมวล