วันเสาร์, พฤศจิกายน 28, 2558

ยามคับขันงัดข้อหาโหล มาใช้






ไม่ได้จัดฉาก แต่ว่ามันบังเอิญ บังอรร้อนใจ อะไร อะไรก็งวดเข้ามาเต็มทีแล้ว

การจับกุม จ.ส.ต.ประทิน จันเกตุ กับนายนวพล ณวัลลัย ข้อหาเตรียมการก่อความวุ่นวายและหมายลอบสังหารคนสำคัญในบ้านเมือง จะกลบกระแสข้องใจความโปร่งใสในโครงการราชภักดิ์ได้ ไม่มากไม่น้อย

นายประทินวัย ๖๐ ปี เคยถูกพิพากษาว่า “ซ่องสุมกำลังพล อาวุธ พร้อมจะยึดค่ายทหาร ตำรวจและหน่วยราชการ ตรวจค้นพบครอบครองอาวุธปืน อาวุธสงคราม กระสุนปืน วัตถุระเบิด มีการส่งข้อความทั้งในเฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่นไลน์ และเว็บไซต์ยูทูบ ในกลุ่มเครือข่ายหมิ่นสถาบันฯ...

อัยการสั่งฟ้องเมื่อวันที่ ๒๒ ส.ค. ๒๕๕๗ คดีอยู่ในชั้นศาล ผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไป”

(http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…)

นอกนั้นยังมีผู้ต้องหาที่ส่งฟ้องด้วยกันอีก ๗ คน แต่หาตัวไม่เจอ รวมทั้ง ‘แอนตี้’ พิษณุ พรหมสร นักพูดรายการออนไลน์เสื้อแดง ที่ถูกกล่าวหาว่ามี “แนวคิดเตรียมก่อเหตุรุนแรง โดยเตรียมอาวุธเข้ามาก่อเหตุในช่วงเทศกาลและกิจกรรมสำคัญต่างๆ ในหลายพื้นที่

โดยมีผู้สั่งการเชื่อมโยงเครือข่ายในต่างประเทศ” นี่แหละที่คุ้นๆ ว่าเป็นข้อหาโหลที่มักงัดเอามาใช้ในยามคับขัน

ในเมื่อเรื่องราชภักดิ์ ก็มีสำนักพิมพ์ออนไลน์ ‘Thai Publica’ เอารายละเอียดใบเสร็จออกมาแฉเยอะแยะ ว่ามีเส้นทางเงินนับพันล้าน แต่แสดงบัญชีไม่ถึงครึ่ง

(http://thaipublica.org/2015/11/uttayan-rajabhadi-26-11-2558/)





แต่เรื่องแรงกว่านั้นที่ คสช. หวังให้ชาวบ้านหมดความสนใจ น่าจะเป็นกรณีที่ตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) ออกแถลงการณ์อีกว่า จะพิจารณากรณีที่มีคำร้องจากสหภาพแรงงานอเมริกัน (AFL-CIO) แจ้งผิดอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยกดขี่คนงาน

“สหรัฐจะทำการตรวจสอบความพร้อมของไทยที่ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าอีกหรือไม่ การพิจารณานี้จะทำในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

เนื่องจากประเทศไทยได้ละเมิดมาตรฐานการให้สิทธิพิเศษนั้น อันต่างกับประเทศฟิลิปปินส์ซึ่ง USTR เตรียมยุติการตรวจสอบเนื่องจากปรับปรุงตัวขึ้นมามาก”

(http://www.reuters.com/…/us-usa-trade-thailand-idUSKBN0TE2S…)

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทเนสต์เล่ ซึ่งรับซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากไทยรายใหญ่ ยังได้ประกาศรายงานการตรวจสอบเมื่อปี ๒๕๕๗ ออกมา ชี้ว่ามีการกดขี่ต่อแรงงานประมงที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าและเขมรอย่างกว้างขวาง

(http://www.nytimes.com/…/nestle-reports-on-abuses-in-thaila…)

ยังไม่หมด ตามมาติดๆ เป็นรายงานชื่อ ‘Trapped in the Kitchen of the World,’ จากการตรวจสอบขององค์กรเอ็นจีโอยุโรปสองแห่ง ชื่อ Swedwatch and Finnwatch แจ้งว่า มีการกดขี่แรงงานผลิตไก่สำเร็จรูปของบริษัทซีพี อย่างกว้างขวางเช่นกัน

จากการสัมภาษณ์แรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมไก่ของไทยเกือบร้อยคน ซึ่งเป็นชาวเขมร ๒๐ คน พบว่ายังมีการเอาเปรียบและปฏิบัติต่อคนงานเหล่านี้ไม่เหมาะกับมาตรฐานการใช้แรงงานสากล

ลูกจ้างต้องเสียค่านายหน้าแพง เงินเดือนที่ได้รับน้อยไม่พอกิน แล้วยังไร้สวัสดิการ ไม่มีประกันสุขภาพ และถูกหัวหน้าที่เป็นคนไทยข่มเหง ก้าวร้าวทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป้นประจำ

ฟิล รอเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเซียของฮิวแมวไร้ท์ว้อทช์ ให้ความเห็นว่า “สิ่งที่ปรากฏให้เห็นง่ายๆ และแท้จริง เป็นการหลีกเลี่ยงความผิด ที่จะปฏิบัติต่อแรงงานเขมรเหมือนไม่ใช่มนุษย์”

(http://www.phnompenhpost.com/…/migrants-abused-thai-poultry…)

การที่องค์กรต่างประเทศออกมาประณามประเทศไทยกันไม่หยุดหย่อน ไม่ใช่เพราะเขาไม่เข้าใจคนไทยแน่ๆ แต่ความจริงกลับเป็นตรงกันข้าม ด้วยความที่ประเทศไทยขณะนี้ ที่ยังคงตกอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของทหาร

การฟ้องเตือน ตำหนิ หรือประกาศต้าน จะไม่มีทางหมดไป แม้กระทั่งทั่นผู้นำจะไปไล่จับมือกับใครต่อใคร ก้ไม่สามารถลบล้างภาพของผู้ลุแก่อำนาจ ขาดอาณัติความชอบธรรมได้

ไม่ช้าก็เร็วจะมีแรงบีบจากต่างประเทศหนักขึ้น และหนักขึ้น