ที่เสนอกันมาว่าเป็นระบบอิสราเอลอะไรนั่นความจริงไม่ใช่นะครับ อย่าเข้าใจผิด ความจริงแล้วปรมาจารย์มีชัยต้องการระบบพม่า แต่กำลังหาทางสร้างเปลือกหุ้มให้ดูดีสักหน่อย
อิสราเอลนั้นเคยใช้การเลือกตั้งนายกโดยตรงพร้อมกับการเลือกตั้งสภาชิกสภาในช่วงทศวรรษ 1990 แต่ไม่เวิร์กเพราะปรากฎว่า นายกที่ได้รับเลือกตั้งกลับไม่ได้รับเสียงสนุนในสภาเพียงพอ รัฐบาลอ่อนแอจนบริหารประเทศไม่ได้ ก็เลิกใช้ระบบนี้ไปแล้ว
แต่อิสราเอลไม่เชิญทหารมาบริหารประเทศนะครับเพราะว่าเขาต้องรบกับเพื่อนบ้านและปาเลสไตน์ อีกอย่างเด็กๆทุกคนในอิสราเอลโดนเกณฑ์เป็นทหารหมด ยิวนั้นไม่ค่อยชอบฟังคำสั่งใคร เลยไม่มีใครสั่งให้เด็กๆพวกนี้ไปยึดอำนาจรัฐบาลจากคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเขาได้ เขาเลยไม่ยุ่งการเมือง
ปัจจุบันอิสราเอลเลือกตั้งในระบบสัดส่วน ปรากฎมีบัญชีผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในบัญชีผู้สมัครเป็นผู้แทนจริงๆแต่มีทว่าแต่ละพรรคจะเสนอชื่อเดียวซึ่งตามประเพณีก็เป็นหัวหน้าพรรคของเขาเองนั่นแหละ อันที่จริงโดยประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็เคยชินกับระบบแบบนี้มาแล้วหลังรัฐธรรมนูญปี 40และ 50 คือเราเข้าใจกันว่า ผู้สมัครหลายเลข 1 ซึ่งอาจจะไม่ใช่หัวหน้าพรรคคือนายกรัฐมนตรีถ้าหากว่าพรรคเมืองนั้นชนะเลือกตั้ง
ในอิสราเอลนั้นมีความหลากหลายทางการเมืองอยู่ไม่น้อย โอกาสที่พรรคใหญ่ๆจะได้รับเลือกตั้งแบบถล่มทลายได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา (ตอนนี้มี 120 คน) ยากมาก พรรคใหญ่ๆอย่างรีคูตได้ 50 ก็เก่งแล้ว ดังนั้นหลังเลือกตั้งแล้วประธานาธิบดีก็จะหารือกับพรรคที่ได้รับเลือกตั้งว่าพวกเขาจะเสนอใครที่เป็นสมาชิกสภาเป็นนายก ปกติต่อรองกันยาวนาน บางคราวตกลงกันไม่ได้ใช้แบบผลัดกันเป็นระหว่างพรรคที่คะแนนสูสีกันก็มี
ปัญหาของปรมาจารย์มีชัยคือ ไม่อยากจะเขียนรัฐธรรมนูญมอบอาณัติทั้งหมดในการเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมือง (ขึ้นชื่อว่าพรรคการเมืองยังไงก็ต้องไปเลือกตั้ง) ก็เลยจะบังคับให้พรรคการเมืองไปเชิญคนนอกมาเป็นนายกแต่ก็อยากจะได้ความชอบธรรมผ่านระบบเลือกตั้งเลยให้เอาชื่อมาใส่ในบัญชีก่อน ซึงในทางปฏิบัติก็จะไม่ต่างจากเดิม คนที่พรรคการเมืองจะไปเชิญมาอยู่ในบัญชีของตัวเองก็ต้องปรากฎว่ามีแนวทางการเมืองแบบเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ยอมกัน จะเอาชื่อทักษิณใส่บัญชีประชาธิปัตย์คงเป็นไปไม่ได้หรือกลับกันพรรคเพื่อไทยคงไม่เสนออภิสิทธิในบัญชีของตัวเอง จะฝันหวานให้ทุกพรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ก็ดูจะเพ้อเจ้อไปหน่อย
สิ่งที่มีชัยอยากได้จริงๆคือ รัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีเอาไว้แบบกว้างๆแต่มีมุมแคบๆในการกีดกันพวกที่ชนชั้นสูงและกองทัพไม่ชอบเอาไว้ แบบพม่าเขียนกันอองซานซูจีอย่างนั้นแหละ และเวลาเลือกนายกรัฐมนตรีให้กองทัพมีโอกาสเสนอชื่อคนของตัวเข้ามาด้วย (แบบว่านายกคนนอกเผื่อเกิดวิกฤตอะไรทำนองนั้น)
ถ้าอยากแบบนั้นจะเหนียมทำไม ลอกรัฐธรรมนูญพม่าเสียก็หมดเรื่อง คือให้ สส. สว.และกองทัพเสนอชื่อรองนายกรัฐมนตรีมา แล้วให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองคุณสมบัติ แล้วนำกลับมาให้ รัฐสภาคือ สส. สว. และผู้แทนเหล่าทัพ ลงคะแนนเลือกหนึ่งคนในนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี (นั่นก็ต้องเป็นผลมาจากการล๊อบบี้เสียงกันจนชัวร์แล้ว) ที่เหลือก็เป็นรองนายก แล้วนายกก็ไปตั้งครม.ของตัวเองมา
น่าลองนะครับ ตอนนี้กระแสพม่าฟีเวอร์ในหมู่ชนชั้นสูงกำลังมาแรง ส่วนเลือกนายกโดยตรงแบบยิวนั้นไม่เวิร์กพลเอกประยุทธ์ไม่มีทางได้รับเลือกตั้ง อย่าเชื่อโพลมากมันหลอกให้ขาลอย
---------------------------------------
ปล. 1 อิสราเอลเป็นประเทศไม่มีรัฐธรรมนูญ เขามีกฎหมายที่เรียกว่ากฎหมายพื้นฐานอยู่ ใช้เสมือนเป็นรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ มีไม่กี่มาตรา การเมืองของพวกเขาเป็นเรื่องการเจรจาต่อรองมากกว่าจะเขียนกฎเกณฑ์บังคับกัน
2 รูปนี้ถ่ายที่สภาอิสราเอลภาษาฮิบรูเขาเรียกว่ากะเนท(เสท เสียงแทบไม่ได้ยิน) Knesset ตั้งอยู่ในเยรูซาเลม
— atKnesset.
