วันจันทร์, พฤศจิกายน 30, 2558

เมื่อรัฐบาลทหารด้อยความสามารถในการรับมือเรื่องอื้อฉาว





เมื่อรัฐบาลทหารด้อยความสามารถในการรับมือเรื่องอื้อฉาว

ปกติ ทหารก็รับมือเรื่องอื้อฉาวไม่เป็นอยู่แล้ว ยิ่งต่อล้อต่อเถียงยิ่ง go so big ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระทั่งเรื่องเล็กก็สามารถทำให้เป็นเรื่องใหญ่

เรื่องราชภักดิ์ยิ่งหนักเข้าอีก แม้อันที่จริง เรื่องเงินบริจาคอาจชี้แจงได้ไม่ยาก (แสดงบัญชีสิครับ รับมาเท่าไหร่จ่ายไปเท่าไหร่ แต่งบัญชีก็ได้ไม่มีใครกล้าแย้งหรอก 55)

แต่ปัญหาที่ชี้แจงไม่ได้คือ ทำไมผู้การโจ้ เสธโต โดน 112 นี่เรียกว่า 112 เข้าตัวแล้วพูดไม่ออก ใช้กับคนอื่นไปทั่ว พอลูกน้องคนสนิทโดนเอง อุดมเดชจะชี้แจงยังไง โดนกลั่นแกล้ง? ไม่ได้รับความเป็นธรรม? 112 เป็นอาวุธทางการเมือง? ชาวบ้านหัวเราะกลิ้งชักดิ้นชักงอ

เมื่อคุณบอกว่า 112 ศักดิ์สิทธิ์นัก แล้วลูกน้องมือขวามือซ้ายโดนทั้งคู่ แล้วคนเป็นนายจะยังเป็น รมช.กลาโหมอยู่ได้ไง ไม้กายสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายชี้เข้าหาตัว

เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาขัดแย้งอะไรกันข้างใน แต่เมื่อเล่นงานกันมาถึงขั้นนี้ จะมาหยุด "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" ได้ไง

นี่จึงเป็นประเด็นที่รัฐบาล คสช.เองก็ไม่สามารถเคลียร์ได้

เล่นกันเองจน คสช.สะดุ้ง รัฐบาลสะเทือน แล้วจู่ๆ วกมาหาที่ลง "ขอนแก่นโมเดล" ตำรวจแก่ คนติดยา คนติดคุก จะปล้นค่ายทหาร อ้าว นี่จะจับเครือข่ายบ่อนทำลายความมั่นคงอีก แล้วก็ส่งรถฮัมวี่ไปคุมหน้าบ้านณัฐวุฒิ (ตลกประจานตัวเองเปล่าๆ) ขณะที่ไอ้ตู่ ไอ้เต้น จะระดมเสื้อแดงไปเที่ยวอุทยานราชภักดิ์ (ถ้าไม่ให้เข้าละก็เป็นเรื่อง ห้ามเข้าได้ไง)

โชคดีอย่าง ประยุทธ์ไม่อยู่ ไม่ได้ใช้ปากอีกหลายวัน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448792279
http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…


Atukkit Sawangsuk

...

อะไรคือจุดอ่อนของทหาร



วัฒนธรรมทหาร คือนาย-ลูกน้อง ตามสายการบังคับบัญชา นายฟังลูกน้องรายงาน ลูกน้องก็ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง มีแต่เอาใจ ไม่ประเมินสถานการณ์ที่เป็นจริงให้ฟัง ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งเหลิง ยิ่งเหินห่างความเป็นจริง ยิ่งประเมินผิด

ยกตัวอย่าง พล.อ.สุจินดา คราประยูร นี่คือนายทหารที่ฉลาดมากนะ เรียนเก่ง สอบติดหมอจุฬาฯ แต่เรียนปีเดียวออกไปเข้าเตรียมทหาร สอบได้ที 1 รร.เสธ. ยังไม่นับประสบการณ์ทางการเมือง เพราะ จปร.5 คลุกอยู่กับการเมืองมาสิบกว่าปี สุขุม นุ่มลึก รัฐประหารแล้วรู้ดีว่ารัฐบาลน้าชาติขายฝันให้ประชาชนร่ำรวย จึงไปเอาอานันท์มาเป็นนายกฯ ชูภาพทันสมัย

ว่าที่จริง บิีกสุเป็นคนที่น่าเสียดาย ถ้าไม่มาผิดวิถีทาง "เสียสัตย์เพื่อชาติ" แกเป็นคนเก่ง เป็นนักบริหารที่ดีได้ แล้วก็เป็นคนที่-ตามปกติไม่คับแคบนะ เพียงแต่ตอนนั้นเชื่อมั่นในความเข้มแข็งของ จปร.5 มากไป แล้วก็มีโมหะ คือมองไม่เห็นเจตจำนงประชาชน มองเห็นแต่บิ๊กจิ๋วกับมหาจำลอง (จปร.7 ไม้เบื่อไม้เมา) ว่าเป็นตัวร้าย เล่นเล่ห์หลอกคน (แหม่ ถึงวันนี้มองย้อนภาพจิ๋ว ประสงค์ สุ่นฯ จำลอง ในพฤษภา 35 ก็คงเข้าใจนะว่าสุจินดามองยังไง อดข้าวแล้วยังขอมติเลิกอดได้ แถมยังมีใครไม่รู้ สร้างสถานการณ์เผา สน.นางเลิ้ง)

แต่สุจินดาประเมินประชาชนผิดไง ไอ้พวกข่าวทหาร พวกสายบังคับบัญชาสอพลอนายทั้งหลาย พวกแวดล้อมใกล้ชิด ฯลฯ รายงานผิดๆ เข้าไป คนมีอำนาจมาก อยู่ในที่สูงนานๆ จะไม่ได้ฟังความจริง ไม่เหมือนตอนที่ยังไม่มีอำนาจมาก ยังมีความสุขุมใคร่ครวญ พอสุจินดาระเบิดอารมณ์กลางสภา ก็เหมือนจุดไฟราดกองเพลิง คนยิ่งแห่ออกมาม็อบ แล้วอิสระพงศ์ หนุนภักดี (พี่เมีย) ก็โคตรมุทะลุ คิดว่าใช้กำลังบุกจับจำลองเรื่องจะจบ ที่ไหนได้ จบเห่

ทหารยุคนี้ เทียบ จปร.5 เทียบความฉลาดกับสุจินดา ไม่ติดฝุ่นนะครับ เพียงแต่สถานการณ์มันเอื้อ สังคมมาถึงทางตัน คนที่มีพลังในสังคมระดับบนไม่เห็นทางออก เกลียดกลัวทักษิณ จนหลอกตัวเอง ขณะที่คนรักประชาธิปไตย ก็พ้นยุคที่จะปลุกกันไปนองเลือดไล่เผด็จการ จำต้องยอมทน

ทหารยุคนี้อยู่ได้ด้วยอำนาจเข้มข้นแบบสฤษดิ์ บวกกับมีคนเข้าไปช่วยเยอะ (แต่ตอนนี้ก็ถีบคนช่วยออกมาเยอะ) ตอนแรกๆ ยังดูเหมือนจะสรุปบทเรียนจากปี 49 บ้าง แต่ไปๆ มาๆ อยู่ในอำนาจมาก อยู่ในอำนาจนาน ก็ต้องถามหน่อยละว่า ยังมีลูกน้องหรือผองเพื่อนคนใกล้ชิดเตือนสติได้หรือเปล่า

วันก่อนเห็นมีคนเตือนยังหงุดหงิด "ทำไม ให้หรี่ลงหรือ ไม่ต้อง ฉันมีสติของฉัน"

Atukkit Sawangsuk