วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ครบ 3 เดือนที่ทีมเศรษฐกิจชุดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามารับหน้าที่ต่อจากชุดของม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินการ ทั้งการช่วยเหลือรากหญ้า ผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย (เอสเอ็มอี) การกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ มาถูกทางแล้วหรือไม่
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร และมีเรื่องใดที่อยากฝากให้รัฐบาลดำเนินการ
ครบ 3 เดือนที่ทีมเศรษฐกิจชุดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามารับหน้าที่ต่อจากชุดของม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินการ ทั้งการช่วยเหลือรากหญ้า ผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย (เอสเอ็มอี) การกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ มาถูกทางแล้วหรือไม่
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร และมีเรื่องใดที่อยากฝากให้รัฐบาลดำเนินการ
อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)
การทำงานทีมเศรษฐกิจชุดของนายสมคิดต้องยอมรับว่ามีการผลักดันมาตรการเพื่ออัดเงินลงบนฐานรากของประเทศ ให้เกิดการใช้จ่ายและ ขับเคลื่อนภายในประเทศ เน้นเรื่องปากท้องของชาวบ้าน
ซึ่งตรงกับเป้าหมายที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องเร่งดำเนินการ คือ ผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในประเทศ จากเป้าหมายเดิมวางไว้ปี 2558 จะมีการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 8 แสนล้านบาท ปัจจุบันทำได้เพียง 6 แสนกว่าล้านบาท ไม่ถึง 7 แสนล้านบาทดี
ยอมรับว่าเป้าหมายการใช้จ่ายในประเทศยังห่างเป้าประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท หากมาตรการที่ทีมนายสมคิดเข้ามาผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เชื่อว่าสิ้นปีนี้ได้ตามเป้าหรือไม่ห่างเป้ามากนัก
ขณะนี้การท่องเที่ยวกำลังรอผลการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยอมรับว่า 3 เดือนยังไม่เห็นผลแม้จะมาถูกทาง
หากให้คะแนนก็แค่ผ่าน หรือ 10 คะแนนให้แค่ 5 คะแนน แม้มาตรการของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะมาถูกทาง แต่ยังไม่สัมฤทธิผล ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังเพิ่มสินค้าคือเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เป็นทางเลือกกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอีกทาง
การเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทีมนายสมคิดเป็นการเข้ามากระตุ้นกำลังซื้อ โดยเฉพาะรากหญ้า พยายามใส่เงินเข้าไปในเศรษฐกิจหลายส่วน ทั้งระดับล่าง ระดับภูมิภาค กระตุ้นการลงทุน
ประมาณปลายปีนี้ หรือต้นปี 2559 จะเห็นผล หากเริ่มเห็นผลการจับจ่ายใช้เงินก็จะมีมากขึ้น ระบบเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจก็จะเห็นมากขึ้น และส่วนหนึ่งอาจเข้ามาเสริมให้การท่องเที่ยวในประเทศคึกคักขึ้นบ้าง
เมื่อหลายสิ่งกำลังเดินถูกทาง รัฐบาลผลักดันหลายมาตรการออกมาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว อาทิ เรื่องของมาตรการทางภาษีที่การท่องเที่ยวในประเทศสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ ส่วนนี้ยังไม่สามารถวัดอะไรได้ เพราะยังไม่ถึงฤดูกาลเสียภาษี
ส่วนมาตรการสั่งห้ามข้าราชการดูงานหรือท่องเที่ยวต่างประเทศ นอกจากห้ามเที่ยวต่างประเทศควรมีการจัดกิจกรรมภายในประเทศให้เกิดการสัมมนาระหว่างจังหวัด ให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ
แม้ทางการสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยว แต่สิ่งสำคัญคือต้องประชาสัมพันธ์ให้คนรู้มากกว่านี้ ทั้งเรื่องสิทธิประโยชน์ที่จะได้ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อเป็นอีกช่องทางช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดเร็วขึ้น
พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล
ที่ปรึกษาหอการค้าไทย
ทีมเศรษฐกิจของรองนายกฯ สมคิด ดำเนินงานมา 3 เดือน ถือว่ามาถูกทางแล้ว เท่าที่ดูก็ยังไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไป
แต่อาจเร็วไปที่จะให้คะแนนหรือเห็นผลเป็นตัวเลขในปลายปีหรือต้นปี 2559 เพราะคาดว่าผลของการดำเนินงานมานั้นจะเห็นผลการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2559
อย่างไรก็ตาม มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการก็เห็นผลในทางจิตวิทยา ประชาชนมีความมั่นใจในการใช้จ่าย ประกอบธุรกิจมากขึ้น
เช่น มาตรการช่วยรากหญ้าด้วยการปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้าน 2 ปีแรก ไม่เสียดอกเบี้ย ตำบลละ 5 ล้านบาท ลงทุนขนาดเล็ก 3.6 หมื่นล้านบาท งบพัฒนาโครงการขนาดเล็ก ไม่เกิน 1 ล้านบาท มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น
รวมทั้งการเร่งก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม ที่หลายโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และบางโครงการก็มีแผนจะดำเนินการ ก็ต้องการให้เร่งดำเนินการให้ได้ตามแผนเพื่อให้เกิดการจ้างงานขึ้น
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาถือว่ารัฐบาลทำมาถูกทางแล้ว แต่ที่อยากให้ทำคือการทุ่มงบประมาณลงส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาด ตรงกับมาตรฐานที่ประเทศนำเข้าต้องการ
น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่มีการพูดถึงเลย หรือไม่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ทั้งๆ ที่การทำให้เกษตรกรกินดีอยู่ดีก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นด้วย
สุพันธุ์ มงคลสุธี
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
การทำงานของ ครม.เศรษฐกิจภายใต้การนำของนายสมคิด ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะแนวทางผลักดันโครงการต่างๆ สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
ไม่ว่าจะเป็นมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ในแง่มิติการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ยังเห็นการประสานความร่วมมือกันได้ดีขึ้น โดยภาครัฐมีการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ภาคเอกชนสะท้อนปัญหาออกไป ทำให้เกิดความเข้าใจและเกิดการมีส่วนร่วมในการทำงานแบบบูรณาการ ส่งผลให้การดำเนินงานโครงการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลบังเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
แม้ขณะนี้ในรายละเอียดของหลายมาตรการยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการบูรณาการร่วมกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐกับเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ทุกมาตรการก็เริ่มทยอยเห็นผลลัพธ์ดีขึ้น
เห็นได้จากเม็ดเงินที่รัฐบาลพยายามเร่งรัดการเบิกจ่ายมาต่อเนื่องสามารถหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้น คนมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลต้องการฟื้นการอุปโภคบริโภคหรือกำลังซื้อของคนในประเทศให้กลับคืนมา
รวมทั้งภาคการลงทุนที่กำลังจะกระเตื้องขึ้นมามีบทบาทต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่เชื่อว่าจะเห็นผลของเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ตั้งแต่หลังกลางปีหน้า และต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี
ขณะนี้ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลต่อยอดจากนโยบายที่ดำเนินการอยู่ คือผลักดันการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตรแปรรูปให้เป็นที่ยอมรับในคุณภาพตามมาตรฐานสากลภายใต้ Made in Thailand อย่างจริงจังมากขึ้นด้วย