วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 29, 2558

คสช. หน้าแตก หมอไม่รับเย็บ ผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับ เตรียมป่วน ‘ไบ๊ค์ฟอร์แด๊ด’ ยังอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ 2557 จะมาป่วนเมืองได้ไง?!?




โอละพ่ออีกแล้ว จับผู้ต้องหาเตรียมป่วน ‘ไบ๊ค์ฟอร์แด๊ด’ ใส่ไคล้เสียละมั้ง

ที่จับได้สองในเจ็ด คนหนึ่งเห็นท่าไม่สามารถคิดการใหญ่ได้ อีกคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยซ้ำ

ราย จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ ซึ่งอายุ ๖๐ ปีเคยโดนข้อหา ‘ขอนแก่นโมเดล ๑’ ส้องสุมก่อวินาศกรรมเมื่อปลายพฤษภา ๕๗ ได้ประกันตัวออกมาเมื่อปลายสิงหาคมนี้เอง

ตำรวจบอกว่าได้รับข้อมูลจาก คสช. จ่าประธิน “ยังคงเคลื่อนไหว ในพฤติการณ์อย่างเดิมๆ”

(http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…)

แต่ข้อมูลของทนายความวิญญัติ ชาติมนตรี ซึ่งเข้าไปสอบถามจำเลยในเรือนจำ มทบ.๑๑ เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

“รวมทั้งไม่มีศักยภาพด้วย เพราะลำพังแค่การดำรงชีพหลังจากได้รับประกันตัวมาในคดีขอนแก่นโมเดลก็ลำบากอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่พยายามบังคับให้รับสารภาพในบางเรื่อง ที่เกี่ยวพันกับการพยายามลอบทำร้ายบุคคลสำคัญ แต่เขายืนกรานปฏิเสธ...

เขาถูกจับวันเสาร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน นำตัวมากรุงเทพฯ ทันที การสอบปากคำมีการปิดตาและบังคับให้รับสารภาพ ว่ากำลังมีแผนที่จะลอบทำร้ายคนสำคัญในงาน Bike for Dad แต่เขาบอกว่าเขาไม่ได้กระทำจึงยอมรับไม่ได้

เขาแจ้งว่ามีการเตะและตบที่ใบหน้าเพื่อให้รับด้วย” นี่ไง วิธีการคล้ายที่ทำกับผู้ต้องพม่าคดีเกาะเต่ายังกับแกะ

(http://prachatai.org/journal/2015/11/62667)

ข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ก็เอามาจากเนื้อความบนกระดาษบันทึก ๓ แผ่นที่จ่าประธินจดไว้จากรับฟังรายการหลวงตาชูพงษ์ ถี่ถ้วน กับรายการอาจารย์สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งมักกล่าวถึงทฤษฎีความขัดแย้งในราชวงศ์ จนกระทั่งฝ่ายหนึ่งหมายใจจะวางระเบิดงานสำคัญเพื่อดิสเครดิตอีกฝ่ายหนึ่ง

ทำนองเดียวกับที่มีข้อสังเกตุของ Somsak Jeamteerasakul ที่ก่อให้เกิดการต่อล้อต่อเถียงอย่างหนักในแวดวงนักกิจกรรมประชาธิปไตย ชี้ว่าผู้ต้องคนหนึ่งในรายชื่อ ๙ คนคือนายพิษณุ พรหมสร หรือ ‘แอนตี้’ นักจัดรายการวิทยุออนไลน์ซึ่งออกนอกประเทศไปนานแล้ว ก็มีเนื้อหาบ่อยครั้งที่อ้างทฤษฎีศึกในวังอย่างเดียวกัน

รูปคดีจึงเข้าเค้าว่า คสช. ต้องการให้มีการจับกุม ‘ขบวนการล้มเจ้า’ ขึ้นในช่วงนี้ จึงจี้ชี้แนะตำรวจให้จัดการจ่าประธินโดยพัวพันเข้ากับหลวงตา-สุรชัย-แอนตี้ ซึ่งล้วนสื่อสารบนไซเบอร์ต่อต้าน คสช. และรัฐบาลทหารตลอดมาไม่หยุดยั้ง

ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะใช้วิธี ‘จับแพะชนแกะ’ ไม่แพ้ประดิษฐกรรม ‘ผังล้มเจ้า’ ของ เสธ.ไก่อู เลยเชียว




ดูได้จากผู้ต้องอีกคนหนึ่งที่จับมา นายณัฐพล ณวรรณ์เล อายุ ๒๖ ปี เคยเป็นผู้ต้องโทษมียาบ้าสองเม็ดในครอบครองที่พบกับจ่าประธินในคุก เขาพ้นโทษออกมาช่วยพ่อแม่ขายอาหารตามสั่งตั้งแต่พฤษภาคมปีนี้

จู่ๆ มีกำลังทหารสามคันรถไปตรวจค้นอาวุธระเบิดที่บ้าน เมื่อไม่พบอะไรก็เอาตัวเขาไป บอกกับมารดาผู้ต้องหาว่า “ขอยืมลูกชายหน่อยเด้อ เดี๋ยวเอามาคืน”




ซ้ำร้าย ความจริงผุดขึ้นมาใหม่อีกกรณี ผู้ต้องหาหนึ่งในเก้าที่ชื่อ นายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม อายุ ๔๙ ปี ถึงจะมีตัวตน ไม่ไปต่างประเทศ แต่ไม่มีทางมาร่วมวางแผนก่อการไม่ดีครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเขาติดอยู่ในคุกมาตั้งแต่เดือนพฤษภา ๕๗

คนที่ออกมาเบิกตาคณะผู้ปกครองและสาธารณะให้รู้แจ้ง เป็นทนายในคดีขอนแก่นโมเดลภาคแรก นางเบญจรัตน์ มีเทียน ชี้แจงว่านายธนกฤตซึ่งเคยเป็นผู้ต้องหาภาคแรกนั้น หลังจากประกันตัวออกมาแล้วก็โดนจับยัดคุกใหม่ในคดีปลอมแปลงเอกสารเพื่อขายรถยนต์ของอดีตภรรยา คดีมะโนสาเร่ที่ศาลตัดสินจำคุกสองปี

(http://www.thairath.co.th/content/542607)




ทีเด็ดไปกว่านั้น ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐซอกแซกเซ้าซี้ โทรไปถามพี่ไก่อู แก้วกำเนิด ว่าอ้าวทั่น ไหงผังล่าเจ้า ๕๘ นี่มีคนที่ติดคุกอยู่แล้ววางแผนได้หรือ เสธ.สรรเสริญ ก็อื้อๆ อ้าๆ บอกให้ไปถามพี่วินธัย โฆษก คสช. แทนละกัน

พี่พันเอกวินธัย คงจะลอยกระทงสุวารีเพลินไปหน่อย ไม่ได้เกาะติดข่าวจึงต้องโยนกลองไปให้ พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก สตช. แถลงแทนอีกต่อหนึ่ง

จากที่เห็นในเนื้อข่าวว่างานนี้ตะหาน initiated แม้กระทั่งส่งกำลังไปลากตัวผู้ต้องสงสัยถึงบ้าน แล้วจึงมา dumped ให้ตำหวด ทั่นโฆษก สตช. จึงตั้งตัวไม่ทัน

“ขอเวลาสองสามวันเตรียมข้อมูล”

โฮ้ย มันช่างลดเลี้ยววกวน เยิ่นเย้อหย่อนยานเสียจริง กระบวนการล่าสลายพวกล้มเจ้าเนี่ย