เป็นอันว่า ‘ข้าวลายจุด’ หยุดขายไปก่อน จนกว่าเวอร์ชั่น ๒.๐ จะออกมา
ประดาคนที่รักน้ำใจกันก็ถามไถ่ เหตุใดแน่
แต่ไม่น่าใช่เพราะ ‘ไปไม่รอด’ ดังที่หมอวรงค์เหน็บไว้
เห็บ คสช. อ้างว่าเคยทำขายเองเจ๋งกว่า ซื้อราคาเกวียนละหมื่นแปด ขายถุงละ ๗๐ บาท
ส่วนต่าง สิ่งแต่ง ข้าวถุงสองแหล่ง ‘ลายจุด’ กับ ‘บ้านเสาหิน’ นั้นอยู่ที่
ข้าว บก. แกหอมมะลิปทุมธานี ข้าวหมอวรงค์ ‘ไร้ซ์แบรี่’ high end
ข้าวมะลิปทุมธรรมดาขายได้ ๖ ถึง ๘ พันต่อเกวียน ลายจุดซื้อที่ราคาหมื่นห้า
ข้าวไร้ซ์แบรี่ ปกติขายกันเกวียนละสองหมื่นห้าพัน หมอวรงค์ไม่ธรรมดากดราคาเหลือแค่หมื่นแปด
บก. บรรจุถุง ๕ กิโล ขาย ๒๐๐ บาท สูงนิดคนซื้อไม่ว่า
หมอวรงค์ยัดซอง ๑ กิโล คิดเงิน ๗๐ บาท เริดติดฟ้า
อย่างนี้นายว่าน่าจะฟังที่ บก. ขอร้องคณะผู้ณรรมไหมล่ะ
“รัฐบาลควรจะคืนความสุขให้กับชาวไร่ชาวนา ด้วยการไปไล่จับคนที่กดราคาสินค้าเกษตรให้ตกต่ำ มากกว่ามาไล่จับคนที่ให้ราคาที่เป็นธรรม แบบนี้นะครับ”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429410454)
ฉะนั้น ต้นสายของการหยุดขายข้าวชั่วคราว แล้วขายพันธุ์มะนาวน้ำดี ‘ต่างดุ๊ด’ คั่นเวลา ต้นละ ๑๕๐ บาทก็น่าจะเป็นดัง บก. บอกไว้
“ด้วยเหตุผลว่าต้องการยกระดับมาตรฐานในเชิงพาณิชย์มากขึ้น” ดังที่เขาขยายความอีกเล็กน้อยว่า
“จากพ่อค้าข้าวสมัครเล่น ผมยังพบจุดอ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไข และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ นั่นคือ การทำให้ข้าวลายจุดเป็นข้าวถุงในระดับมืออาชีพ หรือ มาตรฐานสูง และเพื่ออุดช่องว่างทั้งหมดที่มีอยู่ในการประกอบการครั้งนี้”
(https://www.facebook.com/nuling?fref=photo)
อีกทั้งจากที่เจ้าตัวเล่าไว้บ้างแล้วในโพสต์ ‘ข้าวลายจุดทำงานยังไง’
“หลังข้าวลายจุดออกมาได้ 1 อาทิตย์ ผมได้รับข้อความ Inbox จาก Kittiratt Na-Ranong ว่าอยากซื้อข้าวลายจุด โดยชวนกินข้าวเช้าร่วมกันที่บ้านแก และข้าวเช้าบนโต๊ะวันนั้นหุงโดยใช้ข้าวลายจุดนั่นแหละ...
“แน่นอนว่านักการเงินอย่างคุณกิตติรัตน์และอดีต รมว. คลัง ย่อมอยากเห็นถึงความยั่งยืนและการสร้างโมเดลที่มีขนาดใหญ่พอจะเป็นธุรกิจได้จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่การทดลอง”
จึงต้องฟันธง ฝันเห็นทางไว้ก่อนว่า ข้าวลายจุดเวอร์ชั่นสอง ต้อง professional แน่ๆ
สรรพสิ่งย่อมเติบโตไปกับกาลเวลา ใครไม่รู้ว่าไว้