วันอาทิตย์, เมษายน 19, 2558

เมื่อนักต่อต้านทำการตลาด (กรณี ข้าว บก.ลายจุด)


ภาพจาก TV24
โดย ยุกติ มุกดาวิจิตร
ที่มาเรื่อง ประชาไท Blogazine
17 เมษายน, 2015

ผมอ่านเรื่องการขายข้าวของ บก.ลายจุด ไปขัดใจคนอีกฝั่งหนึ่งแล้ว ทีแรกก็ไม่ค่อยอยากสนใจนัก เพราะ บก.ลายจุด ขยับทำอะไรที ฝ่ายนั้นก็คอยจ้องโจมตีเรื่อยไปจนน่าเบื่อไปแล้ว แต่พอเสธ.ไก่อูมาสนใจการขายข้าวของ บก.ลายจุด ผมว่า อ้อ อย่างนี้นี่เอง ทำไมการขายข้าวของ บก.ลายจุด จึงน่าสนใจขึ้นมาได้

ก็ไม่ใช่ว่าผมจะมองไม่ออกหรอกนะครับว่า การขายข้าวของ บก.ฯ จะมีนัยอย่างไร เพียงไม่นึกไม่ถึงว่าจะมีพลังมากขนาดนี้ ขอบันทึกเพื่อความเข้าใจของตัวเองว่าอย่างนี้ก็แล้วกันครับ (เพื่อความเข้าใจของตนเองนะครับ ใครเห็นว่าไม่เห็นจะมีประเด็นอะไร ไม่เห็นจะต้องมาเขียนอะไร ก็ไม่เห็นจะต้องอ่าน ผ่านเลยไปครับ)

หนึ่ง ผมว่า บกฯ ฉลาดเรื่องปฏิบัติการเชิงสัญลักษณ์เสมอๆ ตั้งแต่การเป็นคนเริ่มใส่เสื้อแดงเป็นคนแรก โดยอาศัยคำขวัญ "วันอาทิตย์สีแดง" ผมยังจำคลิปที่ บกฯ ใส่เสื้อแดงพุงกลมไปเล่นละครใบ้ที่สีลมได้ สุดท้าย เสื้อแดงกลายเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมที่ใหญ่ที่สุดขบวนการหนึ่งในประเทศไทยในรอบทศวรรษ 2540-2550 (ก่อนหน้านี้มีขบวนการสมัชชาคนจน กับขบวนการพันธมิตรฯ ที่เรียกร้อง ม.7)

สอง อีกระดับหนึ่งที่ผมว่าน่าประทับใจคือ บก.ฯ เก่งเรื่องการริเริ่มสร้างความหมายทางการเมืองจากวัฒนธรรมสามัญ อย่างการชวนคนไปกินแฮมเบอร์เกอร์ ผมถามคนสนิทกับ บก.ฯ มากคนหนึ่งว่า ตกลง บก.ฯ ชอบกินแฮมเบอร์เกอร์ จริงๆ เหรอ คนนั้นตอบว่า เท่าที่รู้ไม่เห็นเคยชอบนะ แต่ในเมื่อพื้นที่ตรงนั้นมันเป็นพื้นที่ใจกลางสัญลักษณ์ของการต่อต้านเผด็จการไปแล้วในระยะหนึ่ง ร้านแฮมเบอร์เกอร์นั้นก็เลยกลายสภาพไปเป็นที่นัดชุมนุมทางการเมืองไปด้วยในตัว วิธีทำนองเดียวกันนี้ภายหลังกลุ่มนักศึกษาก็ใช้เช่นกัน แต่ผมว่าพวกเขาคงไม่ได้เอาอย่าง บก.ฯ หรอก เพียงแต่มันคล้ายกัน

สาม บกฯ สื่อสารกับคนด้วยภาษาง่ายๆ ได้ดี เมื่อก่อน ซึ่งไม่นานมานี้นักหรอก ผมว่า บก.ฯ เป็นคนพูดไม่เก่งนะ ผมเคยฟัง บก.ฯ พูดอภิปรายในบางเวที ผมฟังแทบไม่เข้าใจเลย หรือเป็นเพราะเวทีนั้นเป็นเวทีวิชาการก็ไม่รู้ หรือจะเพราะ บก.ฯ เคยถนัดแต่ละครใบ้ก็ไม่รู้ แต่หลังๆ มา บก.ฯ สื่อสารเก่งมาก ทักษะในการพูดของ บก.ฯ นี่ ในวงอภิปรายหรือรายการทีวีที่ไปร่วมเวทีกันทีไร (นึกๆ แล้วก็แปลกดีที่ไปร่วมเวทีเดียวกับ บก.ฯ อย่างน้อย 3-4 ครั้ง) ถ้าผมต้องพูดหลัง บก.ฯ ละก็ ต้องหามุกหลบไปเป็นวิชาการจ๋าๆ เลยทุกที

สี่ เรื่องการสื่อสาร มีรายละเอียดที่สำคัญอีกคือ ตรรกของ บก.ฯ มักจะแหวกแนว มีเวทีนึง ผมไปร่วมเวทีกับ บก.ฯ และผู้ร่วมอภิปรายคนอื่นๆ อีก 2-3 คน เป็นเรื่องการศึกษาในมหาวิทยาลัย ทุกคนวิจารณ์ระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เป็นอยู่ โดยนัยที่ว่าจะปรับปรุงมันยังไง พอถึงคิว บก.ฯ บก.ฯ บอก "ผมว่าเราน่าจะสร้างมหาวิทยาลัยแบบใหม่" แล้ว บก.ฯ ก็หันมาชวนผมว่าให้ยกเลิกหรือลาออกจากมหาวิทยาลัยปัจจุบันไปตั้งมหาวิทยาลัยแบบใหม่กันดีกว่า บก.ฯ เก่งเรื่องการคิดแหวกแนวมาก แล้วแกคิดจริงจังด้วย ไม่ใช่แค่คิดหรือพูดลอยๆ คือจริงจังแบบมีแนวทางมีแผนงานที่ใกล้จะทำจริงได้เลย

ห้า (ชักเยอะแล้วนี่) มุกใหม่ของ บก.ฯ เรื่องการขายข้าวนี่ ที่จริงก็ต่อเนื่องมาจากการขายนาฬิกา ผมนั่งดู บก.ฯ ขายนาฬิกา ซึ่งก็เคยเห็นอยู่เรือนหนึ่งในบ้านคนรู้จักกันดี "แถวนี้" แล้ว ผมก็ว่า บก.ฯ คงใจเย็น คือค่อยๆ ขายทั้งสินค้าและความคิดไปแบบเรื่อยๆ เรียงๆ แต่พอกระโดดมาขายข้าวนี่ ผมว่า "มันใช่เลย" ยิ่งเสธ.ไก่อู เริ่มกระแนะกระแหนในลีลาทหารดีแต่ปากนี่ ผมว่า บก.ฯ ขายของออกแล้ว ผมว่านี่เป็นการแปลงวิธีการแบบที่คนเมืองเข้าใจได้มาเป็นขบวนการทางสังคมได้อย่างชาญฉลาดอีกครั้งหนึ่ง เป็นการแปลงตรรกแบบการตลาดมาเป็นพลังของผู้ด้อยอำนาจอย่างแยบคาย

ขายของต่อไปครับ บก.ฯ ผมทำอะไรแบบ บก.ฯ ไม่เป็นสักอย่าง ทำได้แค่หาทางทำให้ตัวเองเข้าใจ บก.ฯ แบบที่ขีดๆ เขียนๆ มาเท่านั้นเอง

ooo


สั่งพักการผลิต “ข้าวลายจุด” บก.ลายจุด FB แจงเตรียมจำหน่าย “มะนาว” แทน

#TV24 วันนี้ (18 เมษายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่าน Facebook : สมบัติ บุญงามอนงค์ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

จากใจพ่อค้าข้าว(ลายจุด)

ตอนเริ่มต้นผมคิดว่าตัวเองเป็นพ่อค้าข้าว แต่วันหลัง ๆ เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อค้ายาเสพติด ผมถูกจับตามองจาก จนท รัฐ มีเสียงตำหนิในลักษณะประหนึ่งผมเป็นบุคคลหายนะที่เข้าทำลายกลไกตลาดและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติ

ผมกลับมาทบทวนว่าความริเริ่มสร้างสรรค์กิจการเพื่อสังคมอย่างข้าวลายจุดที่รับซื้อข้าวจากชาวนาในราคา 15,000 บาทมาทำข้าวถุงขายนั้นมีแง่มุมใดที่ผมลืมนึกถึง โดยเฉพาะผลกระทบในด้านลบ ถึงวินาทีนี้ผมก็ยังมองไม่เห็นผลกระทบด้านลบจากการทำข้าวลายจุด

ในด้านนวัตกรรม ข้าวลายจุด ได้ทำให้เห็นว่าการรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคา 15,000 บาท และนำมาบริหารจัดการในรูปแบบธุรกิจสามารถประกอบการได้ไม่ขาดทุนหากมีการบริหารจัดการที่ดีและสามารถสื่อสารกับผุ้บริโภคอย่างเข้าใจในหลักการค้าที่เป็นธรรม

จากพ่อค้าข้าวสมัครเล่น ผมยังพบจุดอ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไข และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ นั่นคือ การทำให้ข้าวลายจุดเป็นข้าวถุงในระดับมืออาชีพ หรือ มาตรฐานสูง และเพื่ออุดช่องว่างทั้งหมดที่มีอยู่ในการประกอบการครั้งนี้ ผมจึงขอประกาศพักการผลิตข้าวถุงตราลายจุดไว้ชั่วคราว จนกว่าการดำเนินการในทุก ๆ ด้านจะถูกปรับปรุงแก้ไขสมบูรณ์

โปรดเก็บถุงข้าวรุ่นนี้ไว้ เพราะเมื่อ ข้าวลายจุด Version2 ออกมา ท่านสามารถนำถุงข้าวเปล่ามารับส่วนลด แต่คงไม่มีการชิงรางวัลแจกรถซาเล้งแต่ประการใด

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ข้าวลายจุดหยุดผลิต ลายจุด Company ได้เตรียมเสนอสินค้าที่เหมาะกับครัวเรือนไทยเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ "มะนาวต่างดุ๊ด" ต้นกล้าละ 150 บาท ซึ่งจะเริ่มจัดจำหน่ายในสัปดาห์หน้านี้
พบกันครั้งหน้า ข้าวลายจุด V 2 ณ ร้านค้าข้างๆ 7-11 ใกล้บ้านคุณ

ที่มา TV24
http://www.tv24.in.th/2015/04/fb_19.html

ooo

บทสัมภาษณ์ "พานทองแท้" สัมภาษณ์ บก.ลายจุด

ที่มา 
Oak Panthongtae Shinawatra



ข้าวสาร ลายจุด" กำลังดัง

"พานทองแท้" เลยขอเกาะกระแส
สัมภาษณ์ บก.ลายจุด ด้วยตัวเองเลยครับ..!!

พี่หนูหริ่ง(สมบัติ บุญงามอนงค์) หรือที่หลายคนเรียกว่า บก.ลายจุด ได้เปิดใจถึงเหตุผลที่รับซื้อข้าวจากชาวนาเกวียนละ 15,000บาท ไว้อย่างน่าสนใจดังนี้


ตั้งแต่คสช.เข้ามาปกครองประเทศ ตนเองถูกจับกุมตัวไปปรับทัศนคติ ถูกอายัดบัญชีธนาคาร ทำให้ไม่สามารถเบิกเงินออกมาใช้ได้ ตนเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งมีอีกหลายชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ จำเป็นต้องประกอบอาชีพเพื่อมาหาเลี้ยงครอบครัว

ในฐานะที่ตนเองเป็น NGO ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด เมื่อจะหารายได้จากการค้าขาย จึงคิดที่จะขายของที่เป็นการช่วยเหลือสังคมไปด้วย เมื่อทราบว่าปัจจุบันพี่น้องชาวนายากลำบาก ขายข้าวไม่ได้ราคา เมื่อลองศึกษาดูโครงสร้างราคาข้าว พบว่าชาวนาซึ่งเป็นผู้ที่เหนื่อยยาก ลำบากที่สุดในวงจรการผลิตข้าว กลับเป็นผู้ที่ถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ แทบไม่เหลือกำไรจากการปลูกข้าวเลย เมื่อคิดจะขายข้าวบก.ลายจุดจึงได้คำนวนราคาซื้อ-ขายข้าว ออกมาแบบนี้ครับ...

ถ้าตนซื้อข้าวจากชาวนาตันละ 15,000 บาท
นำมาสีเป็นข้าวขาวมีค่าใช้จ่ายตันละ 1,100 บาท
จะได้ข้าวสารมาขายทั้งสิ้น 460 กิโล
ที่เหลือเป็น ปลายข้าว แกลบ และรำข้าว ซึ่งขายรวมๆกันได้ 3,500 บาท

เท่ากับตนได้ข้าวสารมา 460กิโล
ด้วยต้นทุน 15,000 + 1,100 - 3,500 = 12,600บาท
นำมาบรรจุถุง ถุงละ5กิโล คิดค่าใช้จ่ายรวมค่าขนส่งทั้งสิ้นถุงละ 10บาท(ตกกิโลละ2บาท) รวมเป็นต้นทุนการผลิต 13,520 บาท
เมื่อนำข้าวมาขายถุงละ200 บาท จะได้เงิน 18,400 บาท
คงเหลือเป็นกำไร 18,400 - 13,520 = 4,880บาท

บก.ลายจุดบอกว่ากำไร เกือบ 5,000บาทต่อข้าวเปลือก 1เกวียน ตนก็อยู่ได้สบายๆแล้ว จะต้องไปเบียดเบียนชาวนา ด้วยการกดราคาทำไม แต่ในระบบค้าข้าวที่รัฐบาลไม่ช่วยเหลือชาวนานั้น พ่อค้าคนกลางได้กำไรเกิน10,000 บาท ในขนะที่ชาวนาผู้ยากลำบาก เหลือกำไรเกวียนละไม่กี่ร้อย บางครั้งถึงกับขาดทุน

การค้าขายแบบที่ บกลายจุดทำนี้ ในประเทศที่เจริญแล้วเค้าเรียกว่า Fair Trade ครับ เค้าจะระบุเลยว่าสินค้าตัวนี้ ซื้อจากชาวไร่ชาวนา มาในราคาที่เป็นธรรมเท่านี้ๆ และนำมาขายให้ผู้บริโภคราคานี้ เมื่อคำนวนออกมา เงินกำไรที่ได้จะกระจาย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงมือผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม นอกจากภาครัฐไม่ควรขัดขวางแล้ว ยังควรจะต้องสนับสนุนให้มีการค้าขายแบบ Fair Trade นี้เยอะๆเลยด้วยซ้ำ

สุดท้าย พี่หนูหริ่ง ฝากมาว่า

รัฐบาลควรจะคืนความสุขให้กับชาวไร่ชาวนา
ด้วยการไปไล่จับคนที่กดราคาสินค้าเกษตรให้ตกต่ำ
มากกว่ามาไล่จับ คนที่ให้ราคาที่เป็นธรรม แบบนี้นะครับ..!!

ปล.ติดตาม กดไลค์ ให้กำลังใจ บก.(ข้าว)ลายจุด ได้ที่นี่ครับ

www.facebook.com/nuling

ooo

ทุบโต๊ะข่าว : "บก.ลายจุด" ซัด"ไก่อู" อคติแค่ขายข้าว 18/04/58
https://www.youtube.com/watch?v=xLuJSFC4tNE&feature=youtu.be

Published on Apr 18, 2015

รายการทุบโต๊ะข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ Amarin TV
เวลาออกอากาศ จันทร์-ศุกร์ เวลา 20.45-22.15 น.
เสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.00-20.00 น.
ดำเนินรายการโดย คุณพุทธ อภิวรรณ และ คุณจิตดี ศรีดี
กล่องดิจิตอล รับชมได้ที่ช่อง 34
กล่องรับสัญญาณดาวเทียมทั่วไป สามารถรับชมได้ที่ช่อง 44