วันอาทิตย์, ธันวาคม 17, 2566

#อะไรคือที่มาของความงมงาย จะโทษว่าเด็กงมงาย ควรตั้งสติก่อน เพราะความเชื่องมงายมีแหล่งที่มา


สุรพศ ทวีศักดิ์
1d
·
#อะไรคือที่มาของความงมงาย จะโทษว่าเด็กงมงาย ควรตั้งสติก่อน
1. ในคัมภีร์และคำสอนนักบวชเล่าไว้จริงว่ามีคนมาฟังธรรมเป็นร้อยเป็นพัน เช่น การแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในวันมาฆะ มีพระอรหันต์มาประชุม 1,250 รูป (เลยทำให้เด็กสงสัยว่า ไม่ใช้ไมโครโฟนเลย จะได้ยินโอวาทฯ ทั่วถึงได้ไง? ทำให้เขาคิดต่อว่าต้องมีการเชื่อมจิตหรือการสอนในสมาธิ)
2. การสอนในสมาธิ หรือพระอรหันต์รู้วาระจิต พระอาจารย์มั่นเกิดนิมิตเห็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ก็มีเรื่องเล่าผ่านพระป่า เช่น เรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติพระอาจารย์มั่นโดยพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นต้น
ดังนั้น คำพูดของเด็กน่าจะมีที่มาจากข้อมูลตามข้อ 1 และ 2 (เป็นต้น) ที่เขาฟังๆ มา หรือถูกสอนมาแล้วตีความต่อ หรืออาจถูกสอนให้เชื่อให้พูดออกมาแบบนี้โดยผู้ใหญ่ในทีมงานการตลาดศรัทธาก็แล้วแต่
คำถามคือ ถ้าคำพูดของเด็กงมงาย แล้วคัมภีร์และคำสอนของนักบวชล่ะทำให้สงสัยได้ไหมว่าพุทธะสอนปากเปล่าคนเป็นพันได้ยินทั่วถึงได้ไง แล้วเรื่องเข้าฌานรู้วาระจิต ไปจนถึงเกิดมาเดินได้ 7 ก้าว และอะไรต่ออะไรอีกล่ะงมงายไหม หรือ "มีส่วน" เป็นที่มาให้เด็กเชื่อและพูดออกมาแบบนี้แล้วมีคนจำนวนหนึ่งเชื่อตามไหม
ปล. ตัวอย่างคำอธิบายจากคัมภีร์ว่าไว้ " ...เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรม บุคคลที่อยู่แม้ปากขอบจักรวาลก็สามารถได้ยินได้ ..." (ดู https://84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=26)
#ความเชื่องมงายมีที่มาจากแหล่งไหน?
.....

สุรพศ ทวีศักดิ์
21h
·
#การตรวจสอบความเชื่อแบบแพรรี่

ที่แพรรี่อ้างไตรปิฎกว่าพุทธะสอนพระเป็นร้อยเป็นพันได้ยินทั่วถึงกันหมดเป็นเพราะพระภิกษุสำรวม ตั้งใจฟัง บรรยากาศสงบเงียบ (ดู https://www.facebook.com/paivan01/posts/pfbid0ioJM1pevU74qET67Wx85zfDFwqLwU8KX3sxXDiViP3Q3ygpCi9QNpLZgtPwsg6THl) ก็ถูกตามเนื้อหาคัมภีร์ที่ยกมา

แต่ก็มีเนื้อหาส่วนอื่นในคัมภีร์ที่เล่าไว้อย่างเหนือจริงเช่นว่า "ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้นพระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ" (ดู https://84000.org/tipitaka/read/?20/520/291) แปลว่าเสียงของพระตถาคตสามารถได้ยินไปถึงแสนโกฏิจักรวาล (ไมโครโฟนใดๆ ก็เทียบไม่ได้)

พูดตรงไปตรงมาคือ ในคัมภีร์มีทั้งเนื้อหาที่เป็นเหตุเป็นผลและเนื้อหาเชิงปาฏิหาริย์ เหนือจริง พุทธะในคัมภีร์ก็มีสองบุคลิกคือ พุทธะในบุคลิกภาพที่มีความเป็นมนุษย์ มีชีวิตเลือดเนื้อ แก่ชรา เจ็บป่วย สอนสาวกให้ศรัทธาและปฏิบัติตามก็ได้ แต่บางครั้งสอนแล้วสาวกก็ไม่เชื่อฟัง แถมยังต่อต้านและแยกกลุ่ม พุทธะในบุคลิกภาพของมนุษย์ไม่ได้ทำอะไรสำเร็จไปเสียทุกอย่าง หลายอย่างก็ล้มเหลว และพุทธะที่มีบุคลิกภาพแบบ "อภิมนุษย์" ที่เหาะเหินเดินอากาศได้ แสดงปาฏิหาริย์ได้เหนือกว่ามนุษย์ เทวดา มาร พรหม ฯลฯ พุทธะที่เป็นอภิมนุษย์ทำอะไรก็สำเร็จไปเสียทุกอย่างเหนือมวลมนุษย์และทวยเทพ

เอาเข้าจริงไม่มีใคร "รู้แจ้ง" ได้จริงๆ หรอกครับว่าเนื้อหาทุกข้อความในคัมภีร์อะไรคือ "เรื่องจริงตามที่พุทธะพูดไว้จริงๆ" และ "อะไรคือเรื่องแต่งที่เกินไปจากที่พุทธะพูดไว้จริงๆ" เพราะเนื้อหาที่เป็นเหตุเป็นผลในคัมภีร์ก็ระบุว่า "พุทธะ/ตถาคตกล่าวไว้" และเนื้อหาเหนือจริง ปาฏิหาริย์ต่างๆ แม้แต่เรื่องเล่าเกิดมาเดินได้ 7 ก้าว คัมภีร์ก็ระบุว่า "พุทธะ/ตถาคตเล่าไว้เอง" เช่นกัน

สุดท้ายก็แล้วแต่ใครจะเลือกเชื่อเนื้อหาที่มีเหตุผลหรือเนื้อหาที่เหนือจริง จะเลือกยอมรับพุทธะที่เป็นมนุษย์หรือพุทธะที่เป็นอภิมนุษย์ ที่เถียงกันว่าความเชื่อใครถูก ผิด งมงาย ไม่งมงาย ส่วนมากเป็นเรื่องของการ "เลือกอ้างคัมภีร์" เฉพาะส่วนที่นำมาใช้สนับสนุนความเห็นของตนเองเท่านั้น (คนฟังที่ไม่ได้ไปอ่านคัมภีร์โดยตรงก็อาจ "ทึ่ง" หรือชื่นชม "ความเป็นผู้รู้" ของนักอ้างคัมภีร์นั้นๆ แต่คนที่รู้ทันเขาก็อาจจะอมยิ้ม)

จะว่าไปแม้แต่บทเทศนาเรื่องเดียวกัน เช่น ปฐมเทศนา "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" ก็มีเนื้อหาทั้งส่วนที่เป็นเหตุผลคือ ส่วนที่วิจารณ์ความเชื่ออื่น, ส่วนบรรยายการตรัสรู้อริยสัจ, และส่วนที่บรรยายเรื่องเหนือจริง เช่นว่า "...ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประกาศพระธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว ทวยเทพชั้นภุมมะกระจายข่าวว่า นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยมพระผู้มีพระภาคทรงให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกให้หมุนกลับไม่ได้... ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้ก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ทั้งแสงสว่างอันเจิดจ้าหาประมาณมิได้ก็ปรากฏในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย..." (ดู https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=19&siri=391)

สรุป คนที่เชื่อเหตุผลก็อ้างคัมภีร์มาสนับสนุนได้ คนที่เชื่อเรื่องเหนือจริง ปาฏิหาริย์ต่างๆ ก็อ้างคัมภีร์มาสนับสนุนได้

การเถียงเรื่องความเชื่อแบบโชว์ความฉลาดเหนือกว่า ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ถ้าจะมีประโยชน์ควรเถียงประเด็นว่ามีการนำศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวงทำให้คนอื่น "เสียหาย" อย่างไรบ้าง หรือ "ละเมิด" คนอื่นอย่างไรบ้าง แบบนี้จะเกิดประโยชน์กับสังคมมากกว่า

แต่ก็ไม่ควรใช้อคติตรวจสอบเฉพาะ "ความเชื่อของชาวบ้าน" หรือของประชาชนทั่วไปเท่านั้น ควรตรวจสอบด้วยว่ามีการใช้ความเชื่อพุทธศาสนาหลอกลวงหรือครอบงำ เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของศาสนจักร นักบวช และชนชั้นปกครองอย่างไรบ้างที่ "ขัดกับคำสอนพุทธะ" และเป็นอันตรายต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่เก่งแต่ตรวจสอบความเชื่อแบบบ้านๆ เท่านั้น

(ที่มาภาพ https://www.facebook.com/photo/?fbid=776433917861581&set=a.362641849240792)
.....

วิสาขบูชาในวันประสูติเจ้าชายสิทธัตถะทรงเดินได้ 7 ก้าว
.....
Siripoj Laomanacharoen
5h·
ขนาดเพิ่งเกิดยังเดินได้ 7 ก้าวละเลยครับ จะไปสงสัยทำไมว่าพูดให้คน 1,250 คนฟังได้ทั่วถึงจะต้องใช้เสียงกี่เดซิเบล หรือเชื่อมจิตได้รึป่าว