สรุปรวมว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ก็ไปไม่ได้ดี ตกอยู่ในภาวะครึ่งๆ กลางๆ จนไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร โดยเฉพาะ ทิม ลีฬหะพันธุ์ แห่งแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ บอกว่าสภาพอย่างนี้น่ากลัวกว่าเกิดวิกฤตจริงๆ เสียอีก
ส่วน บุรินทร์ อดุลวัฒนะ แห่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่าภาวะครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ถ้าจัดการพลาดนิดเดียว เสี่ยงที่จะไปสู่วิกฤตง่าย ด้าน บัณฑิต นิจถาวร จากมูลนิธินโยบายสาธารณะปริวิตกว่า จีดีพีไทยยังโตได้ไม่เต็มสมรรถนะ
อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเชื่อว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัล ๑ หมื่นบาทนั้น จะทำให้จีดีพีโตได้เพียง ๓ เปอร์เซ็นต์ (ขณะนี้อัตราจีดีพีเป็นไปได้ที่ ๒.๔ ถึง ๓.๗% เท่านั้น) ดร.บัณฑิตบอกด้วยว่าเศรษฐกิจไทยสามารถเพิ่มจีดีพีได้ถึง ๔-๔.๕%
แต่ก็โตช้า หรือไม่ค่อยจะโตให้ได้อย่างใจ ด้านนักท่องเที่ยวที่ไทยเคยได้เป็นกอบเป็นกำจากจีน เดี๋ยวนี้ไม่เป็นเช่นนั้น รัฐบาลเศรษฐาพยายามออกมาตรการวีซ่าฟรี ยังต้องรอลงมือและหวังผล กรรมการอีอีซีเพิ่งเคาะโครงการ ‘วีซ่าอีอีซี’ ออกมา
ให้วีซ่าต่างชาติ ๑๐ ปี แถม ‘เวิร์คเพอร์มิท’ ใบอนุญาตประกอบอาชีพ แล้วยังลดภาษีเงินได้ให้เหลือ ๑๗% เริ่มดำเนินการเดือนมกราคม ๖๗ นั้นต้องลุ้นกันอย่างจดจ้อง สำหรับการส่งออก เช่นข้าวก็เจอปัญหา ไม่ใช่ข้าวไทยไม่ดี แต่ข้าวเวียดนามเขาดีกว่า
ThaiPublica เสนอรายงานเรื่อง “เวียดนามคว้าที่ ๑ ข้าวดีที่สุดในโลก” จากการประกวดที่ฟิลิปปินส์ปีนี้ ๒๐๒๓ จากการสร้างข้าวหอมสายพันธุ์ ST25 ซึ่งชนะการประกวดมาแล้วครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.๒๐๑๙ เป็นสายพันธุ์กลิ่นหอมสับปะรด
ประเด็นอยู่ที่ปีนี้อุปทานข้าวของโลกตกต่ำ นานาชาติพากันจองซื้อข้าวเวียดนามอย่างล้นหลาม แน่ละข้าวไทยได้อาณิสงค์ไปด้วย แต่ไทยก็ผลิตไม่ได้มากเท่าเวียดนาม ซึ่งกำลังเป็นเนื้อหอมของโลกเรื่องข้าว ไทยเราได้แต่ดันซ้อฟพาวเวอร์ลงแขกเกี่ยวข้าว
(https://thaipublica.org/2023/11/asean-weekly-roundup-223/, https://www.facebook.com/ThaiPublica/RQf6UeXMyvUF และ https://twitter.com/ktnewsonline/status/1731902971191964067)
