วันศุกร์, พฤศจิกายน 20, 2563

บอกแล้วไง อาวุธสุดยอดของตำรวจนครบาลในการปราบม็อบเยาวชนอยู่ที่ ‘ความตอแหล’


บอกแล้วไง อาวุธสุดยอดของตำรวจนครบาลในการปราบม็อบเยาวชนอยู่ที่ ความตอแหล โดยเฉพาะทั่นรองฯ ปิยะ ต๊ะนี่อนาคตไกล ได้ขึ้นชั้น คอแดง แน่ๆ ไม่เสียแรง นสพ.ผู้จัดการชมนักชมหนา เมื่อเดือนนี้ปีที่แล้วว่าเป็น “ไม้บรรทัดนครบาล”

เรื่องนั้นเบื้องหลังยังไงไปหาอ่านกันเองนะ แต่เรื่องนี้ที่ทั่นรอง ผบช.น. (มาจาก ตชด.) บอกว่าการปะทะระหว่างม็อบราษฎรกับกลุ่มเสื้อเหลืองตรงใต้สะพานลอยแยกเกียกกายเมื่อ ๑๗ พ.ย. มีการยิงกันนั้น “ชายสวมใส่ชุดสีชมพู คาดว่าน่าจะเป็นการ์ดของกลุ่มราษฎร

นำอาวุธปืนมาก่อเหตุบริเวณดังกล่าว เริ่มเปิดฉากยิงก่อน” อีกทั้งอ้าง “ข้อเท็จจริงแล้วคาดว่ากระสุนอยู่บริเวณแยกเกียกกาย และกระสุนปืนมาจากกลุ่มพวกเขาเอง” แม้จะยอมรับว่า “มีรูปชายเสื้อชมพูอยู่ในม็อบเสื้อเหลือง ระหว่างการชุมนุมด้วยเช่นกัน”


อ้าว ไหนว่าตรงอย่างไม้บรรทัด ขณะที่ยังไม่กระจ่างว่าใครเป็นใคร ไหงปรักปรำฝ่ายราษฎรไว้ก่อนเล่า ทั้งๆ ที่ด้านสนับสนุนการชุมนุมมีภาพจากเหตุการณ์ยืนยันว่า ชายสวมแจ็คเก็ตฮู้ดดี้สีชมพู หมวกและเสื้อเหลืองข้างในนั้นอยู่ในม็อบฝ่ายเสื้อเหลือง

แล้วก็ที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย กรุณาสาธยาย “ว่าตำรวจต้องอดทนต่อความเจ็บใจ อดทนด้วยความเหนื่อยยาก แม้ถูกตีด้วยของแข็งถูกตีด้วยคันธง เราก็ยังต้องอดทน” นั้นซึ้งใจ แต่มันก็มีคลิปอีกแหละ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ เอามาแพร่

จากผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งเสียงชัด “ตำรวจด่าประชาชน ไอ้สัส พร้อมปรี่เข้าหา...หลังจากมีผู้ปาวัตถุบางอย่างใส่โล่ห์ ส่วนประชาชนอีกรายตะโกนให้ตำรวจรายนั้นใจเย็นๆ จนทั้งสองฝ่ายต่างแยกย้าย” แม้จะแค่ เกือบไป เท่านั้น

ทว่า “ถ้าตำรวจโดนแค่นี้แล้วโกรธ ตำรวจควรตระหนักว่าประชาชนโดนตำรวจกระทำเยอะกว่า และโกรธมากกว่าที่ตำรวจฉีดน้ำผสมแก๊สใส่ประชาชน” ความเห็นของบางคนสนองต่อคลิปบนทวิตเตอร์นั้น ก็ฟังขึ้นน่ะ ขณะที่พวกครุณมีอุปกรณ์ป้องกันตัวครบทั้งหมวกทั้งโล่ห์

ไฉนทั่น ปิยะต๊ะไม่รอและเสาะหาหลักฐานรอบด้านเสียก่อนค่อยฟันธง อย่างเช่น สองคลิป ของนักข่าวอิสระสองคนที่ ประชาไท นำมาเสนอ คนหนึ่งถ่ายจากภายในกลุ่มเสื้อเหลืองขณะเกิดเหตุปะทะขว้างปากัน  อีกคนบันทึกภาพจากภายในฝ่ายม็อบราษฎร

รายแรก โสภณัฐ โสมขันเงิน มีทั้งคลิปและคำเล่าความละเอียดชัดเจน เกี่ยวกับการที่กำลังตำรวจซึ่งควบคุมบริเวณนั้นถอยร่นออกไป เขาว่าแนวตำรวจ “ฝั่งที่กั้นกลุ่มราษฎรนั้นแตกจริง แต่ฝั่งที่กั้นกลุ่มปกป้องสถาบันก็ยังไม่แตก แต่ตำรวจทั้งสองฝั่งก็ถอยร่นอย่างรวดเร็ว

หลังตำรวจถอยร่นเพียง ๑-๒ นาที รถบรรทุกน้ำก็พุ่งมาเลย ขับชนจนแนวกั้นแตก” รถน้ำคันนี้แหละที่รองฯ ปิยะต๊ะกล่าวหาไว้ก่อนเลยว่า “การ์ดของกลุ่มราษฎรนำอาวุธปืนมาก่อเหตุบริเวณดังกล่าว เริ่มเปิดฉากยิงก่อน พร้อมทั้งนำรถน้ำวิ่งเข้าใส่ประชาชนที่ชุมนุม”

ตามข้อมูลและคลิปของโสภณัฐแจงว่า “หลังตำรวจออกไป ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรก็เริ่มเดินเข้ามาตะโกนด่าเสื้อเหลือง การ์ดจากฝั่งเสื้อเหลืองเริ่มมากัน แต่ทันใดนั้นเองก็มีรถบรรทุกน้ำหนึ่งคันขับเข้ามาจากทางด้านซ้าย” (ด้านเสื้อเหลือง)


“คนเสื้อเหลืองช่วยเปิดให้รถน้ำดันแผงเข้ามาได้ กลุ่มราษฎรก็เข้ามาด้วยแต่มุ่งไปที่รถน้ำ เลยเริ่มปะทะกัน มีการขว้างปาสิ่งของ แท่งเหล็ก ไม้ หิน ขวดแก้ว ระหว่างนั้นตำรวจไม่มีเลย” เขายังเล่าถึง “หลังเหตุปะทะจบลง”

ตอนที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมคณะราษฎร ๖๓ “มีคนหยิบก้อนแก๊สน้ำตานั้นขว้างไปในบริษัทบุญรอดฯ ไปติดอยู่บนตึกของบุญรอดที่ชั้นสอง และเกิดเป็นควันพุ่งขึ้นจากตรงนั้น คนก็เลยชี้ว่าแก๊สน้ำตามาจากตึกของบุญรอด”

ด้าน ศุภสิน พูนธนาทรัพย์ ทั้งจับภาพและเล่าความจากภายในบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายราษฎร ถึงสรรพโทษอาวุธของตำรวจที่ยังไม่ถึงขั้นสุดยอด “ตอนโดนแก๊สจะแสบตา แสบจมูก ต้องคอยเอาน้ำล้าง มีเหมือนกันที่แสบมากๆ แล้วหายใจไม่ได้

รู้สึกหน้ามืด เกือบเป็นลม เดาว่าคนที่เป็นลมคงเกิดจากอาการแบบนี้ หรือต่อให้กลั้นหายใจก็แสบตา ต้องมีแว่นที่ปิดหมดจริงๆ เหมือนแว่นว่ายน้ำ ส่วนน้ำถ้าโดนเราจะรู้สึกระคายเคือง” เหล่านั้นเป็นเหตุการณ์ช่วงบ่ายคล้อย ที่ยังไม่มีกระสุนปืน

ยังมีรายงานของอดีตนักข่าวอีกคนที่ประชาไทนำลงตีพิมพ์อย่างละเอียดว่า ตอนค่ำ “สถานการณ์ดูรุนแรงกว่าช่วงเย็น มีโยนของ ได้ยินเสียงขวดแก้ว เสียงคล้ายประทัดหรือกระจับหรืออะไรไม่มีความรู้ มีเสียงคล้ายปืนบางชนิดที่ดัง ๔-๕ ครั้งติดกัน”

เป็นการปะทะสั้นๆ ราว ๑๕-๒๐ นาฑี ระหว่างผู้ชุมนุมฝ่ายสถาบันฯ กับฝ่ายราษฎร “มีรายงานจากพยาบาลในเต๊นท์ระบุว่า มีคนถูกกระสุนจริงเข้าต้นขา ๒ ราย กระสุนยาง ๑ ราย ซึ่งตรงกับที่สอบถามจากการ์ดอาชีวะก่อนหน้า...เมื่อรวมกับที่บาดเจ็บอื่นๆ รวมแล้วราว ๑๐ กว่าคน”

แสดงว่าที่รอง ผบช.น. ไม้บรรทัดนครบาลคนนี้แถลงหลังม็อบ ๑๗ พ.ย.ว่าไม่มีการใช้กระสุนยางปราบนั้น เป็นการใช้กระสุน ตอแหล แทน

(https://prachatai.com/journal/2020/11/90488 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_5358871)