วันจันทร์, พฤศจิกายน 09, 2563

“จดหมายถวายกษัตริย์ ใส่ตู้ ปณ." คงไม่ถึงพระเนตร แต่ต้องถึงพระกรรณเต็มเปา


อีกก้าว ม็อบเยาวชนเดินหน้าแยบยล “จดหมายถวายกษัตริย์ ใส่ตู้ ปณ. หน้าศาลหลักเมือง” พาดหัวไม้ไทยรัฐ ที่ Thanapol Eawsakul ว่าการเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปกษัตริย์ “คืบหน้า” เพราะที่ผ่านมา สื่อกระแสหลักมัก “หลีกเลี่ยงที่จะพูดหรือนำเสนอ”

แม้จะโดนตำรวจกลั่นแกล้ง ฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ ใช้กำลังหน่วยปราบจลาจลครบเครื่องทรง บวกพวกมินเนี่ยนหัวเกรียนเสื้อเหลืองคอปกฟ้า ผลักดันจนมีผู้ชุมนุมบาดเจ็บไปสามสี่ราย (ข่าวเอเอฟพียืนยันจากรายงานศูนย์เอราวัณ) ผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมหลงกล

ลูกไม้ยั่วยุของ นครบาลจะให้ม็อบมุทะลุจนอ้างเหตุว่าใช้ความรุนแรงเพื่อปราบเด็ดขาด จึงเป็นหมัน พวกเสื้อเหลืองตามก้นเผด็จการ/ศักดินาพยายามก่อกวน จะข้ามฝั่งไปกระทบไม่เป็นผล การ์ดหน่วยต่างๆ ของเยาวชนรับมืออย่างละม่อม

ต่างกับการ์ดคุมกรวยของสมีอิสระยังกะหน้ามือเป็นหลังตรีน แม้จะมีเหตุให้ไม่สบอารมณ์สื่อบางรายไปบ้าง เพราะการจัดระเบียบเข้มข้น ที่สุดแล้วสามารถกำกับสถานการณ์ผ่านไปได้ราบรื่น จึงควรเอ่ยถึงพวกเขาไว้เป็นรอยจารึกสักหน่อย

จากข้อมูล อินไซ้ด์ ที่ Atukkit Sawangsuk ได้มาจาก “คนที่คลุกคลีอยู่กับกลุ่มการ์ดอธิบายให้ฟัง ว่าการ์ดมีสี่กลุ่ม” คือ ‘WeVo’ (lunteer) เป็นหน่วยหลักติดม็อบและตามแกนนำไปทุกที่ อีกกลุ่มเรียก การ์ดปลดแอกเกิดขึ้นตอนม็อบแนวร่วมธรรมศาสตร์ชุมนุม

กลุ่มที่สาม การ์ดมวลชนอาสาเป็นมวลชนขาประจำที่มาม็อบจนคุ้นหน้ากัน ก็เลยรวมตัวขึ้นเป็นทีมการ์ด “แบบใครจะมาร่วมก็ได้ ที่เห็นวิ่งไปข้างหน้าตอนฉีดน้ำแล้วบอกว่าใครจะอาสาก็ตามมา คือกลุ่มนี้” ส่วนกลุ่มที่สี่นี่กล้าหาญและโดดเด่นมาก คือ การ์ดอาชีวะ

การ์ดทั้งหลายนี้จัดตั้งกันเอง “ต่างคนต่างมา เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ขึ้นต่อกัน” จึงมีความหลากหลายเหมือนมวลชน “จึงอาจมีปัญหาบ้างในเรื่องการประสานกัน เรื่องการควบคุมกัน หรือการจัดพื้นที่ให้สื่อ” อธึกกิตไขข้อข้องใจให้แก่ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย

ถึงอย่างนั้นการ์ดหลายกลุ่มเหล่านี้ก็ยังพยายามประสานกันและกันอย่างสมานฉันท์ และไม่ตกเป็นเหยื่อทิ่มแทงแยงยั่วของตำรวจและมินเนี่ยน จนผู้การนครบาลต้องขอโทษที่ฉีดน้ำใส่ เกินกว่าเหตุก็ยังไม่วายอ้างอย่างยะโส ‘smart ass’ “ก็เตือนไว้แล้วนี่”

ม็อบประสบความสำเร็จดังเป้าหมาย โดยไม่ต้องมีแกนนำหลักอยู่สักคน “อานนท์ เพนกวิน ไปเชียงใหม่ ไมค์ รุ้ง พักฟื้น” มีแต่มายด์เดินพูดโทรโข่งอยู่ท้ายขบวน “คือมันไม่จำเป็นต้องมีแกนนำ ไม่จำเป็นต้องมีคนปราศรัยอะไรแล้ว


เมื่อเป้าหมายของการเดินขบวนชัดเจนว่า ส่งจดหมายถึงกษัตริย์...แม้ส่งถึงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ให้รู้...มีรถประสานงานคันเดียวกับมีคนเจรจาตำรวจ ที่เหลือก็เป็นไปเอง...ม็อบเลิกก็มีเด็กหนุ่มสาวหลายคนช่วยกันเอาถุงมาเก็บขยะ”

มิหนำทำเอาพวกโหนเจ้าเกาะแข้งทหาร ปั่นเก้อปลุกรัฐประหารไม่ขึ้น ทั้งที่ สุวิทย์ ทองประเสริฐ พยายามประโคมว่าคอยดูนะ เด็กพวกนี้จะร่อนจดหมายเข้าไปวังสวนดุสิต ที่ไหนได้เขาจัดตู้ไปรษณีย์ขนาดใหญ่สีแดงโร่มาตั้งรับ ราษฎรสาส์นแทน

แม้นว่าท้ายสุดตำรวจนครบาลมาขนเอาไปเก็บไว้ที่ สน.ชนะสงคราม คงไม่มีทางถึงพระเนตรหรอก แต่อย่างไรเสียต้องถึงพระกรรณเต็มเปา เหล่าเสื้อเหลืองปกป้องสถาบันฯ หยิบมือ นำโดยกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เห็นท่าว่าปั่นไม่ขึ้นเลยเปลี่ยนแผน

ประกาศยุติชุมนุมของตนตั้งแต่บ่ายสี่โมง บอกว่าพรุ่งนี้ (๙ พ.ย.) จะไปยื่นจดหมายให้เฮียตูบกับ ผบ.ทบ.แทน ขอได้โปรดทำรัฐประหารและชัตดาวน์ประเทศอีกสักครั้ง เช้าวันนี้ทำเนียบรัฐบาลมีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อน และจัดฉากให้ สุพร อัตถาวงศ์ เป็นผู้รับ

พอเรียงแถวถ่ายรูปเสร็จ อ้าวเว้ยเปลี่ยนใจ ไม่ขอให้ยึดอำนาจซะแล้ว เลี้ยวซ้ายเอาดื้อๆ เปลี่ยนเป็นสุดแท้แต่ ฯพณฯ หัวเจ้าทั่นจะเห็นสมควร แต่ก็แย้มๆ ว่า “ส่วนตัวคิดว่า การใช้กฎหมายพิเศษจะแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งที่ลงลึกไปถึงแต่ละครอบครัว ได้อย่างเด็ดขาด”


ก็คงเป็นเพราะเมื่อวานนี้กลับไปบ้าน นายบอกเฮ้ยพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เดี๋ยวโดนกล่าวหาขัดรัฐธรรมนูญ แท้จริงทนาย วิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) แจงให้เห็นแจ้งว่าเป็นความผิดอาญา

มาตรา ๑๑๓ ประกอบมาตรา ๘๔ ความผิดฐานกบฏ “ผู้ใดไปยื่นเรียกร้องให้ทหารทำรัฐประหารเมื่อใด ถือเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทําความผิดด้วยการยุยงส่งเสริม ถ้าความผิดมิได้กระทําลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทํา ยังไม่ได้กระทําหรือเหตุอื่นใด

ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กําหนด” เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าเผลอพูดออกไปดั่งใจแล้ว ‘I-Bo’ จะรับหรือไม่รับ ความผิดก็สำเร็จไปแล้ว ถึงอย่างนั้นแม้เพียงสำแดงเจตนา ไม่กล้าไปให้สุด ก็ยังทำให้ถูกตราหน้าได้

อานนท์ นำภา ได้โอกาส “ทีแบบนี้ไม่มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญให้สั่งให้ยุติการกระทำเพราะขัดรัฐธรรมนูญ ไม่มีคนไปแจ้งความว่าผิดกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๖” เขาว่า “มันโสมมแบบนี้...จะไม่ให้เราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสังคมได้ยังไง”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_2433349, https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2433124, https://waymagazine.org/mob-8nov/ และ https://facebook.com/100001454030105/posts/3568928936498872/?d=n)