วันเสาร์, พฤศจิกายน 02, 2562

ถ้าจะสะใจที่พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำนปช. ถูกจำคุก และสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ผิดหรือไม่ ?




สะใจที่พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ แกนนำนปช. ถูกจำคุก และสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ผิดหรือไม่ครับ
..............
ขุดคลิป ไวพจน์ อดีตแกนนำแดง โจมตีเผด็จการ-ปชป. ก่อนโดดร่วม พปชร. หนุนบิ๊กตู่ เป็นนายกฯ

https://today.line.me/…/%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%8…

(https://www.facebook.com/watch/?v=1276079132567736)

“ไวพจน์-วรชัย”ไม่รอดคุก4ปีคดีล้มประชุมอาเซียน
https://www.thansettakij.com/content/413421…
.

Peace News
Yesterday at 8:41 AM ·

“จตุพร”ให้กำลังใจโอบกอดส่งเข้าตะราง
เชื่อจำเลยที่เหลือจะทยอยฟังคำพิพากษา

จตุพร-ประธาน นปช.โอบกอดให้กำลังใจ “วรชัย-สำเริง” ขึ้นศาลพัทยาฟังคำวินิจฉัยฎีกาลงโทษคุก 4 ปีคดีชุมนุมปิดล้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนปี 52

เมื่อ 31 ต.ค. 2562 ที่ศาลจังหวัดพัทยา ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาครั้งที่ 2 กรณีจำเลยไม่ได้รับหมายเรียกมาฟังคำพิพากษาครั้งแรก 3 คน ได้แก่ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ ในคดีปิดล้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อปี 2552

มีรายงานว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ เดินทางเข้าไปในศาลฯแต่เช้า โดยไม่ได้นั่งรวมกลุ่มจำเลยและมวลชนที่มาให้กำลังใจ

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมนายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติ มาให้กำลังใจด้วย พร้อมสวมกอดจำเลยทั้งช่วงเจอหน้าและก่อนถูกนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษพัทยา

นายจตุพร กล่าวว่า เป็นโชคชะตาของพวกเราที่ต้องคอยผลัดกันให้กำลังใจกัน ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่เป็นข้อไม่สบายใจ เพราะเมื่อครั้งที่แล้วศาลได้นัดหมายให้จำเลยในคดีนี้มาฟังคำตัดสิน แต่ 3 จำเลยมาวันนี้ ไม่ได้รับหมายเรียกจากศาล

“ศาลได้ยอมรับว่ามีจำนวน 3 คน ไม่ได้รับหมายจากศาล ซึ่งสิทธิของจำเลยเหมือนกันทั้งหมด ภายใต้กฎหมายเดียวกัน จึงมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด การอ่านคำพิพากษาในครั้งที่แล้ว ลับหลังจำเลยที่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ซึ่งเป็นความไม่สบายใจ”

รวมทั้ง ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ชีวิตของพวกเราเหมือนอยู่บนเส้นด้ายอยู่แล้ว ไม่รู้วันไหน จะโดนสลับกันเข้า สลับกันออกมาโดยตลอดในเรื่องคุกตะราง ทุกคนผ่านการติดคุกมาแล้ว มีบทเรียนมีวิธีต้องเตรียมการกันอย่างไร แต่หวังว่าทุกคนจะได้รับความยุติธรรม เช่นเดียวกับคนไทยคนอื่นๆ

นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนจำเลยที่เหลือคงจะทยอยกันมา ด้วยการเข้าสู่เรือนจำ เราต่างรับรู้ว่าการติดคุกเป็นความยากลำบาก คนที่อยู่ข้างในต้องบริหารจัดการชีวิตคนที่อยู่ด้านนอก แต่ละคนที่เป็นจำเลยในคดีนี้ล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว ซ้ำหนักคนข้างในว่าทุกข์แล้ว คนข้างนอกทุกข์กว่า พี่น้องเราบางคนต้องใช้เวลาบริหารจัดการชีวิตให้เรียบร้อยก่อนจะมารับโทษ

อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ เมื่อ 11 กันยายน 2562 ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลย 12 คน สั่งจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา โดยมีจำเลย 5 คนมาฟังคำพิพากษาและถูกนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษแล้วรวม 5 คน ประกอบด้วยนายศักดา นพเกษ, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นายพายัพ ปั้นเกตุ และนายนพพร นามเชียงใต้

กระทั่งในวันนี้ (31 ต.ค.) 3 จำเลย คือ พ.ต.ท.ไวพจน์, นายสำเริง และนายวรชัย ได้รับหมายเรียกให้มาฟังอ่านคำพิพากษาครั้งที่สอง รวมจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษาแล้ว 8 คน เหลืออีก อีก 4 คน ได้แก่ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายวันชนะ เกิดดี, นพ.วัลลภ ยังตรง และ นายนิสิต สินธุไพร จะทยอยมาฟังอ่านคำพิพากษาถัดไปโดยเร็ววัน

นายวรชัย กล่าวว่า ตนพร้อมจะรับโทษ และน้อมรับคำพิพากษาเพื่อให้กระบวนการยุติธรรม ระบบ ศาลไปต่อได้ แม้ในคดีนี้มีข้อสงสัยในหลายเรื่อง อาทิ มีพยานเท็จ จำเลยแต่ละคนต่างคนต่างกรรม ต่างวาระ แต่ได้รับโทษเท่ากัน

“จำเลยหลายคนในขณะนั้น ไม่ได้เป็นแกนนำ ต่างคนต่างมาร่วมชุมนุม แต่ละคนยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ผมเองในวันนั้นเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม ได้รับคำขอจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปช่วยบอกมวลชนให้ออกมาจากโรงแรม ก็ได้รับโทษไปด้วย”

นายวรชัย ย้ำว่า ตนขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินในเรื่องนี้ ว่าสิ่งที่พวกตนได้รับยุติธรรมหรือไม่ และหวังว่า คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคดีการชุมนุมอื่นๆ ของฝ่ายอื่น ให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกันด้วย

PEACE NEWS