หรือว่าเป็นเพราะเหตุนี้
ทำให้รัฐบาลประยุทธ์ ๒ ส่ง ‘อี๊เอ๋’ กับ ‘สิ.เจน.คะ’
ป่วนการเมืองปะทะกับฝ่ายค้านชนิดเอาหัวชนกำแพง เสียจนหัวปูดหัวโนไปทั้งคู่
“ครม.เศรษฐกิจเคว้ง หมดมาตรการกระตุ้น ศก.เพิ่ม”
พาดหัวข่าวโพสต์ทูเดย์แจ้งเมื่อวันก่อน (๒๒ พฤศจิกา) ว่าเลขานุการ
ครม.แถลงการประชุมครั้งที่ ๗ ทีมเศรษฐกิจของหัวหน้าประยุทธ์ว่าปีนี้หมดเวลา ‘กระชุ่น’ เศรษฐกิจเสียแล้ว
“มีการรายงานภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ลดลง”
(พูดซะยานยืด แต่แปลว่าเศรษฐกิจไม่โต) แรกเริ่มเดิมที ‘คาด’ (คุย) ว่าเศรษฐกิจปี ๖๒ นี่จะโตได้ถึง ๓
เปอร์เซ็นต์ แล้วเปลี่ยนเป็น ๒.๘ ปรับอีกเหลือแค่ ๒.๖ แล้วยังไม่สุด
ตอนท้าย “สั่งการให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจดูแลการขยายตัว...ให้ได้มากกว่าไตรมาส
๓” คือตอนนี้ที่ทำได้เพียง ๒.๔%
ซ้ำมีเรื่องอื่นๆ ในการประชุมที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรดีนัก
อย่างเช่นรถไฟไทย-จีนที่ ‘ไม่คืบ’ เอาเสียเลย
รัฐมนตรีคมนาคมของพรรคภูมิใจไทย (ซึ่งพักสงครามกับสื่อค่าย
‘เนชั่น’ และพรรค พปชร.ไว้ชั่วคราว)
บอกว่าปัญหาอยู่ที่ส่งภาษากับจีนไม่รู้เรื่อง
กรณี ‘เงินกู้’ “ฝ่ายไทยอยากกู้เป็นสกุลเงินบาท
แต่ทางฝ่ายจีนต้องการให้ไทยกู้เป็นเงินหยวน”
ความต่างน่าจะอยู่ที่ค่าบาทแข็ง
จีนไม่ชอบเสียเปรียบ รมว.ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก็เลยร่ำๆ จะไปกู้เงินดอลล์แทน
อ้างว่าจะได้ช่วยทำให้ค่าบาทต่ำลงด้วย แต่ไม่มีการเอ่ยถึง ‘ไม้เบื่อ’ ที่จีนนั้นอี๋อ๋ออยู่กับกลุ่มพลังประชารัฐ
บทบาทโดดโด่งฝ่ายรัฐบาลตอนนี้จึงเน้นที่สอง
ส.ส. ‘ตัวป่วนฝ่ายค้าน’ ปารีณา
ไกรคุปต์ ณ ราชบุรี กับ สิระ เจนจาคะ กรุงเทพฯ (แต่ไปเผือกแถวภูเก็ตบ่อย) เสร็จจาก
(ยกแรก) กับอนาคตใหม่แล้วก็หันไปใส่ (ไฟ) ปชป. และเสรีรวมไทยต่อ
กับ อนค.นั้นศาลรัฐธรรมนูญจัดการธนาธร ‘ดาบแรก’ ไปแล้ว รอดาบสองของ กกต.ในคดีอาญาอยู่ สำหรับ
พรรณิการ์ วานิช ถูกส่งผ่านมือไปให้ ‘เดียร์’ ฟัดแทน แม้นยังไม่แน่ว่าใคร ‘upper hand’ ดูจากที่
ธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล แจงไว้ ‘ช่อ’ ไม่เบา
ต่อการที่พรรณิการ์ตั้งข้อสังเกตุว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแจ้งโอนหุ้นวี-ลัค
(บอจ.๕) ล่าช้า “ถือว่ามีข้อพิรุธว่าจะไม่มีการโอนหุ้นก่อนมีการรับสมัครรับเลือกตั้งนั้น
เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ หรือหลังการรับสมัครเลือกตั้ง ๑ เดือน”
แต่การแจ้งเปลี่ยนแปลงหุ้นเครือเนชั่นของ
น.ส.วทันยา วงศ์โอภาสี (บอจ.๖ –บรรษัทมหาชน) “แจ้งในเดือนกันยายน ๒๕๖๒ คือ ๖ เดือน
หลังการรับสมัครเลือกตั้ง” จึงได้ไปยื่นคำร้องต่อ กกต.ว่าควรจะต้องใช้มาตรฐานเดียวกันเอาผิดต่อมาดามเดียร์ด้วย
ด้านปารีณาเสร็จจากกระทบ ชวน หลีกภัย
ให้องครักษ์นายหัวออกมาเชือดกลับ ‘เลือดซิบ’
ไปถึงพลังประชารัฐ “ว่าพรรคการเมืองไหนใช้วิธีสกปรกอย่างไร
คนตรังรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น” แล้วก็ ‘แท็คทีม’ กับสิระ หมายจะฟาดฟัน เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ให้เด็ดขาด
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_3078433, https://www.voicetv.co.th/read/TVjYw6bYh และ https://www.voicetv.co.th/read/dWCLctsNB)
หากเป็นด้วยอาการ “ถ้าใจกาก...อย่าปากเก่ง”
อย่างที่ @misterporch69 ทวี้ตไว้ละมัง
ทำให้พังหมดท่าในการเปิดแถลงข่าวโจมตี #เสรีพิศุทธ์ เมื่อสองวันก่อนซึ่งถูกซักต่อกรณีครอบครองที่ดินป่าธรรมชาติไว้เลี้ยงไก่
พอนักข่าวถามถึงการตรวจรังวัดที่ดิน ๑,๗๐๔
ไร่ไปถึงไหนแล้ว ปารีณากระซิบหลบไมค์ว่า “ดิฉันทำเอ็มโอยูกับนักข่าวไว้แล้ว”
พอนักข่าวย้อนว่าทำยังไงล่ะคะ เธอสวนว่า “ก็ไปถามเพื่อนๆ ดูสิคะ”
ตานี้นักข่าวหลายคนในที่นั้นตอบพร้อมกัน “เพื่อนๆ ไม่มีคนทราบ”
นอกจากผลักไมค์ออกไปแล้ว ‘อี๊เอ๋’ ลดเสียงเบาลงไปอีกพร่ำบอกแต่ว่า ‘เอ็มโอยู เอ็มโอยู’ ถึงจุดที่นักข่าวคนหนึ่งโพล่งว่า
“พูดออกไมค์ด้วยครับ คนอื่นกล้า ก็กล้าด้วยสิครับ”
หนักไปกว่านั้นมีเสียงนักข่าวหญิงเหลืออด
“เรื่องของพรรคฝ่ายค้าน...คุณไปโจมตีเขา
พอเรื่องตัวคุณเอง คุณไม่สามารถตอบคำถามได้” ทำเอาสิระที่โดดขึ้นปะรำแก้แทนให้อย่างตะกุกตะกัก
จนกระทั่งนักข่าวชายคนหนึ่งคอมเม้นต์ว่า “ในกรณีเดียวกันชาวบ้านติดคุก
แต่ของคุณเอ๋ยังอยู่ได้”
ทำเอาสิระเกือบจะของขึ้นแบบที่ทำกับตำรวจตอนไปภูเก็ต
แต่ก็พยายามสงบอากัปเพียงหลุดคำว่า “คดียังไม่ไปถึงไหน...มโนอย่าเรียกตัวเองว่านักข่าว”
จนได้