สองเหตุการณ์ ใน สองโรงเรียน
คือ ภาพสะท้อนระบบการศึกษาและระบบราชการไทย
ที่ ราชบุรี
ผอก.โรงเรียน สั่งปิด รร.เพื่อต้อนรับผู้มีอำนาจ
....ทะลึ่งจะให้ นักเรียนกว่า 3000 คน หยุดเรียน 1วันเต็มๆ อ้าง ปัญหาจราจร ทั้งที่ช่วงเวลาที่ผู้นำเดินทางมา จังหวัด คือเวลา หลังจากนักเรียนเข้าโรงเรียนแล้ว คือ 09.00น.และเอาจริงๆปัญหาจราจรหากมีจริงก็เกิดจาก ข้าราชการทุกสังกัดได้รับคำสั่งให้ขนคนมาต้อนรับ4000คน ซึ่งที่จริงสามารถมีวิธีการป้องกัน สับหลีกเวลาและ แก้ไขได้ แต่เลือกที่จะทำวิธีการที่ง่ายสุดคือสั่งปิดโรงเรียน
ยังดีที่ โลกโซเชียลรุมตั้งคำถาม ผอก.เลยยกเลิกคำสั่ง
ที่ สระบุรี
ผอก.เข้ารับตำแหน่งวันแรก พร้อมแถวต้อนรับของนักเรียน
และภาพหมอบกราบ
...สื่อไปถาม ผู้บริหารโรงเรียน บอกว่า นักเรียนพอใจ เพราะได้คะแนนไม่มีปัญหา โลกโซเชียลทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปเอง
.....
ทั้งสองเรื่อง ต่างสถานที่ ต่างเวลา
แต่ทั้งสองเรื่อง สะท้อนเรื่องราวพื้นฐานเดียวกัน
คือ ข้าราชการ ที่มีระบบคิดแบบเจ้าขุนมูลนายอย่างชัดเจน
ข้าราชการครู ในระดับผู้บริหาร ไม่คิดว่า สิ่งที่ทำ สิ่งที่เห็น เป็นประโยชน์อันใดหรือไม่กับ วัตถุประสงค์ของโรงเรียน คือให้ประโยชน์สูงสุดเกิดกับ นักเรียน กับการพัฒนาการศึกษาของนักเรียน ในโรงเรียน ที่ตนเองบริหาร
หากไปถาม นักเรียนที่ ราชบุรี ก็อาจได้คำตอบว่า ชอบเพราะได้หยุดเรียน
หากไปถามนักเรียนที่สระบุรี ก็อาจได้คำตอบว่า ชอบเพราะได้คะแนน
และครู ก็เลือกเอาคำตอบแบบนั้นมาอ้างความชอบธรรม
ทั้งสองเรื่อง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า นักเรียนนับร้อย นับพันคิดอย่างไรแต่ประเด็น อยู่ที่ ครู ผู้บริหารที่รับผิดชอบต่างหาก คิดอย่างไร โดยเฉพาะผู้บริหารโรงเรียนทั้งสอง
อยากถาม ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ราชบุรี ว่า คุณรู้สึกผิดหรือรับผิดชอบใดๆไหมกับคำสั่งหยุดเรียน
อยากถามผู้อำนวยการโรงเรียนที่สระบุรีว่า คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อวินาทีที่เดินทางเข้ามารับตำแหน่ง แล้วคุณเห็นนักเรียนนับร้อย ถูกครูเกณฑ์ มารอต้อนรับทั้งที่เป็นเวลาเรียน และกับพิธีหมอบกราบกลางสนาม
เรื่องนี้ สะท้อนระบบราชการของโรงเรียนใหญ่ระดับจังหวัด ว่า ยังหลงงมงายอยู่กับระบบเอาอกเอาใจเจ้านายและพิธีกรรมย้อนยุคที่ไม่เกิดประโยชน์กับการพัฒนาสติปัญญาและคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน แต่อย่างใด
มองที่ผู้บริหารโรงเรียนประจำจังหวัดทั้งสองแห่ง
จึงเข้าใจ ส่วนหนึ่งของปัญหา
ของ
ระบบการศึกษาไทยและระบบราชการไทย
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3055151
ที่มา FB
Pongsak Phusitsakul
