ฝ่ายประชารัฐ*รุกใหญ่ วันนี้ ‘ฟ้อง’ นัว ‘เดียร์’ ฟ้อง ‘ช่อ’ กกต.ก็จะฟ้องธนาธรทางอาญา เพื่อให้ถูกจำคุก ๑-๑๐ ปี
และตัดสิทธิทางการเมือง ๒๐ ปี ที่บางคนบอกนี่เป็น ‘ดาบสอง’
สำนักงาน กกต.ออกเอกสารข่าวว่า จะมีการเสนอต่อที่ประชุม กกต.สัปดาห์หน้า
ให้พิจารณาขั้นตอน วิธีดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา ๑๕๑
ทั้งนี้โดยจะนำคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญคดีถือครองหุ้นบริษัทวี-ลัค
มีเดีย ที่วินิจฉัยว่าธนาธรขาดคุณสมบัติ ส.ส. ไปใช้ประกอบในสำนวน
ซึ่งเป็นความผิดที่มีระวางโทษสูงสุด จำคุก ๑๐ ปี และปรับ ๒ แสนบาท
ข้อสำคัญจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของเขาเป็นเวลา ๒๐
ปีอีกด้วย ฐานที่ “ทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ
เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ” อันเป็นมูลฐานให้มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ต่อไปเป็น
‘ดาบสาม’
มีข้อสังเกตุที่หลายคนคิดถึงการยุบพรรคไทยรักษาชาติ
ด้วยเหตุคล้ายคลึงนี้ แต่การยุบพรรค ทษช.
ไม่มีการตัดสิทธิทางการเมืองและปรับไหมผู้ที่ ‘ยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อ’
ด้วยเหตุอันใด รอให้ผู้ตัดสินตายเสียก่อนค่อยพูดได้
*หมายเหตุดอกจันทร์ คำว่า ‘ฝ่ายประชารัฐ’ นี่หมายรวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.
ที่ตั้งโดย คสช. ซึ่งมีพรรคนอมินี (แบบอีแอบ) ชื่อ ‘พลังประชารัฐ’
ที่ตั้งขึ้นมาและทำการเมืองโดย ‘ดูดๆ’ ให้หัวหน้า คสช.และพวกพ้องกลับมาเป็นนายกฯ และรัฐบาลอีก
อีกด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พลังประชารัฐกำลังกรณีครอบครองและใช้ประโยชน์ทางธุรกิจบนที่ดินป่าสงวนแปลงสภาพเป็น
สปก.จำนวน ๑,๗๐๖ ไร่ (เลี้ยงไก่ขายขี้) ที่อ้างว่าจ่ายภาษีดอกหญ้า ภบท.๕ มานานกว่า
๑๐ ปี
ล่าสุดเห็นมีข่าวว่าทางการรัฐบาล คสช.๒
โดยรัฐมนตรีบางคนที่มีคดีขนเข้าเพื่อการค้ายาเสพติดในออสเตรเลียติดท้ายทอยอยู่
แต่ทางการไทยเอาผ้าพันคอสีเหลืองผูกบังเอาไว้ อ้างว่า “อ้างว่าผู้ครอบครองเข้าอยู่ก่อนมีการปฏิรูปที่ดิน
จึงเอาผิดในคดีอาญาไม่ได้”
แต่อดีตอธิบดีกรมป่าไม้และกรมอุทธยานแห่งชาติฯ
ปัจจุบันหัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย หนึ่งในพรรคเอื้ออาทรร่วมรัฐบาล
กลับเห็นว่าน่าจะเป็น “การบุกรุกป่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ๒๕๐๗ มาตรา
๑๔”
นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้า พรรค ทป.
เรียกร้องให้กรมป่าไม้แจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา “กระทำการด้วยประการใดๆ
อันเป็นการเสื่อมสภาพแก่ป่าสงวนแห่งชาติ” อันมีโทษสูงสุดจำคุก ๑๕ ปีต่อกระทง
ฉะนั้นเนื้อที่ ๑๗๘ แปลงก็เท่ากับโทษคุกระหว่าง ๓๕๖ ถึง ๒,๖๗๐ ปี
“ในวันนี้ตนจะแจ้งข้อมูลนี้ให้แก่นายวราวุธ
ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ทราบ”
แล้วด้วย “เรื่องนี้กรมป่าไม้สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที” นายดำรงค์ว่า
กรมป่าไม้ยังไม่ขยับ แต่ วีระ สมความคิด
เคลื่อนไหวแล้ว “ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่บุกรุกครอบครองที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติที่
สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี” ว่า “ตรวจสอบพบว่าผู้ที่อ้างอยู่ก่อนจะมีการปฏิรูปที่ดินมีความผิดชัดเจน”
เนื่องจากการกำหนดเขตปฏิรูป “กำหนดให้เป็นพื้นที่
ส.ป.ก.ในปี ๒๕๒๑ ขณะนั้นนักการเมืองที่อ้างสิทธิครอบครองเพิ่งจะมีอายุไม่ถึง ๒ ขวบ
จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าครอบครองที่ดินก่อนปี ๒๕๒๑”
แต่ถ้าบรรพบุรุษเป็นผู้ครอบครองก็ยังมีผิด
ฐานที่ได้มีการ “ร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่รัฐ”
แล้ว “รัฐมนตรีที่รับผิดชอบมีพฤติการณ์เข้าข่าย เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
และ “การกระทำดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบให้แก่ผู้กระทำความผิด”
ถึงอย่างนั้นดูท่า ‘อี๊เอ๋’ ไม่ยั่น
ส.ส.พลังประชารัฐนางนี้อาจถือดีว่ามีฐานแข็ง (กอดลุงตู่ เข้าหาลุงป้อม แล้วไง)
จึงเดินหน้าป่วนสภาต่อไป พยายามฟ้องประธานสภาฯ ว่า ประธานกรรมฺการปราบคอรัปชั่น “หยาบคายไร้มารยาท”
ไม่ได้ผลเมื่อประธานฯ ชวน หลีกภัย ปิดไมค์ให้หยุดพล่าม
ก็หันไป “ขึ้นโรงพักแจ้งจับ เสรีฯ เซ็นเอกสารเท็จ” กรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยเซ็นเอกสารแต่งตั้งนายวัฒนา
เมืองสุข เป็นที่ปรึกษาประธานกรรมาฯ ปปช.
แล้วยังจะไปฟ้องที่
สน.สามเสนอีกข้อหาในความผิด ม.๑๕๗ เรื่องที่ประธานฯ มีหนังสือเรียก ‘ลุงตู่ ลุงป้อม ของเอ๋’
ไปปรากฏตัวให้การต่อกรรมาฯ ว่าใช้อำนาจ พรบ.คำสั่งเรียก ปี ๒๕๕๔
ซึ่งยังอยู่ในการพิจารณาของศาลว่าผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่
อี๊เอ๋บอกว่าการกระทำดังกล่าวของประธานกรรมาฯ
นำ พรบ.นั้นมาใช้โดยไม่ได้มีมติของคณะกรรมาธิการ “แต่เป็นเรื่องส่วนตัว
จึงจำเป็นต้องเข้าแจ้งความ”
จึงต้องคอยดู
เดี๋ยวก็รู้ว่าปารีณาแจ้งความฟ้อง ‘ป๊าเสรี’ หรือแจ้งความของวีระ สมความคิด
อันไหนจุดติดกว่ากัน