คราวนี้รู้กันแน่ละ ‘ศรีสุวรรณ’ จัญอะไร เมื่อ ‘จอมฟ้อง’ ของฟากสืบทอดอำนาจเผด็จการ ไปพูดวงสนทนาชวนเชื่อของสถาบัน กปปส.ร่างใหม่ อวดศักดา
‘ตั้งคำถาม’ นิตยสารไทม์ให้ ‘ธนาธร’ เป็นหนึ่งในร้อยดาวรุ่งคนรุ่นใหม่
ว่า “ใช้นอมินีไปช่วย” หรือเปล่า
ยกเอาคำคายของ ผบ.ทบ.มาอ้างว่าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เป็นพวก ‘ฮ่องเต้ซินโดรม’ หาว่าทำการ ‘ปลุกระดม’
แล้วสังคมจะ ‘อยู่เย็นเป็นสุข’ ตามหัวข้อสนทนาได้อย่างไร เสร็จแล้วกร่างใหญ่
“เมื่อพวกคุณอยู่ไม่สุข
ผมก็ต้องติดตามเกาะติด ว่าคุณทำอะไรบ้าง อย่าเพลี่ยงพล้ำละกัน” พูดแนวกรรโชก
ก่อนแก้ตัว “ทำไมไม่ตรวจสอบคุณเดียร์ ตนก็ตรวจไม่ใช่ไม่ตรวจ แต่ดูแล้วไม่มีความผิด”
อ้าง “คนเขาเคลียร์เรียบร้อย สะอาดบริสุทธิ์แล้ว”
ถ้างั้นมาดูว่าคนสะอาดบริสุทธิ์เป็นอย่างไร
มาดไหน ก็งานเดียวกันนี่แหละ มาดามกวางทำเป็นเก้งไร้เดียงสา อ้างเป็น ‘คนรุ่นใหม่’ แต่ชอบ ‘อยู่เย็นเป็นสุข’ มากกว่า อยู่เป็นหรืออยู่ไม่เป็น เธอว่า
“ไม่ใช่ผลักไสคนอื่น”
แต่แสดงความ ‘ผุดผ่อง’ ของตนเองเรื่องอุดมการณ์ว่า “ความหมายของประชาธิปไตยคือเคารพความเห็นที่แตกต่าง...ไม่ใช่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยแต่มองคนคิดต่างคือผิด”
แค่มองว่าผิดคงไม่เท่าไรมั้ง พวกที่จับคนคิดต่างไป ‘ปรับทัศนคติ’ บ้าง ขังคุกบ้าง แม่เจ้าประคุณว่าไง
น.ส.วทันยา วงศ์โอภาสี
บริสุทธิ์เสียจนลืมตัวว่าเข้ามาการเมืองในว่านเครือพวกสืบทอดอำนาจเผด็จการ
ปัดเศษคะแนนให้ และข่ายโยงโฆษณาการของสามี ใช้วิธีมารและวิชามั่วใส่ไคล้ใส่ไฟผู้ที่เห็นต่างกับหัวหน้ารัฐบาลวิธีวิเศาของเธอนะ
“การรับข้อมูลข่าวสารของคนแต่ละช่วงอายุในปัจจุบันจึงแตกต่างกัน”
นั่นสิ คนรุ่นใหม่แบบคุณเดียร์เนี่ย ที่อ้างว่า “ผ่านเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองมา
๒-๓ เหตุการณ์” ไม่ยักรู้ว่าพวกที่ตายเกือบร้อย
ต่างกับพวกที่ตาย ๒-๓ คนด้วย ‘self-inflicted wound’ ของระเบิดปิงปอง
ระเบิดแสวงเครื่องอย่างไร
‘วังวนของการขัดแย้ง’ ที่น้องเก้งอ้างนั้นมันเกิดเริ่มแรกด้วยการไม่ยอมรับกติกาที่ตนเพลี่ยงพล้ำ
แล้วกวักมือเรียกพวกจิ๊กโก๋ท้ายซอยมีอาวุธครบมือมายึดชิงอำนาจไป
ทำปู้ยี่ปู้ยำสี่ซ้าห้าปีจนเศรษฐกิจกำลังจะพัง สังคมเละเทะ ยาเสพติดเกลื่อน
อากาศเป็นพิษ
“วันนี้ประชาชนต้องการมีข้าว มีอาหาร
ในการดำรงชีวิต อยากได้ผู้นำที่ดีที่จะมาปกครอง” นั่นสิผ่านมาสี่ห้าปีดีแค่ไหนล่ะ
เขาถึงเรียกร้องให้ ‘ออกไป’ แม่คุณก็ยังพยายามเก็บไว้นานๆ เพราะได้ประโยชน์ถ้วนหน้าในวงวาน
ที่สุดแล้ว ข้อกล่าวหาว่าเขาอยากดึงประเทศไปสู่ความขัดแย้ง
เสียท่าคุณเดียร์ใสแต่หน้า ทว่าภายในยังขุ่นๆ อยู่นะ พวกที่เขาเรียกร้องทหารออกไป
ไม่สืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช. นั่นเป็นการดึงประเทศกลับสู่ศตวรรษที่ ๒๑
เพื่อไปต่อศตวรรษที่ ๒๒ ต่างหาก
สิ่งที่แม่คุณน้องเก้งพูดมาทั้งมวลนั่นน่ะเขาเรียกว่า
‘romanticize’ คลั่งไคล้ไหลหลงในอารมณ์แห่งศตวรรษที่
๑๘-๑๙ น่ะ เสียดายรูปทรงองค์เอวซ้าวสาว แต่ความคิดความอ่านไหงแก๊แก่