บทบาทของนายสิระ เจนจาคะ และ น.ส.ปารีณา
ไกรคุปต์ สอง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐในสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้ ทั้ง ‘แส่’ และ ‘ป่วน’ ชวนให้หวนรำลึกความหลังครั้งสภา ‘ผัว-เมีย’ ร้อยพ่อพันแม่ สมัยที่มีการจู่โจมดึงเก้าอี้นั่งของประธานสภา
ต่างแต่ว่าครั้งนั้นฝ่ายค้านป่วนรัฐบาล
แต่คราวนี้เป็นพวกรัฐบาลป่วนฝ่ายค้าน ด้วยการส่งสิระและเอ๋เข้าไปนั่งร่วมเป็นกรรมาธิการปราบคอรัปชั่น
ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส พรรคเสรีรวมไทยเป็นประธาน
ทั้งสองคนตีบทแตกเป็นเสี่ยงสมค่าจ้าง คำอภิปรายของปารีณาทำเอาประธานฯ
ฉุนได้ ด้วยข้อความส่อเสียดว่าถ้าประธานฯ ดึงดันจะให้นายกฯ และรองฯ
ไปชี้แจงด้วยตนเอง “กรณีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๓
“ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน” แล้วละก็ ถือว่าประธานฯ “ใช้อำนาจเกินขอบเขตบังคับบุคคล
(ให้มาชี้แจง) ‘อาจผิดกฎหมายได้’ ประธาน กมธ.อาจต้องติดคุก” ทำให้เสรีพิศุทธ์สวนทันทีว่า “ขู่ผมเหรอ ผมเรียนกฎหมายมา”
เรื่องของเรื่องอยู่ที่รัฐบาลประยุทธ์ ๒
นี่เล่นการเมืองแบบ ‘ข่ม’
ฝ่ายนิติบัญญัติ ใช้พลพรรคของพวกตนในสภาสำหรับคอยยกมือสนับสนุนอย่างเดียว
กับตั้งองครักษ์พิทักษ์หัวหน้าไว้ค้านดะต่อฝ่ายค้าน
โดย น.ส.ปารีณา
กำลังมีคดีร้อนครอบครองพื้นที่ สปก.ในเขตอุทยานแห่งชาติทำฟาร์มเลี้ยงไก่มานานนับสิบปี
แต่ดูจะไม่สะทกสะท้าน เพราะทั้งรองนายกฯ ประวิตร วงษ์สุวรรณ
และรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตร ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกโรงปกป้อง
มิใยที่รัฐมนตรีรุ่นพี่ อย่าง พล.อ.อนุพงษ์
เผ่าจินดา แห่งกระทรวงมหาดไทย ออกไปในทางที่ให้ “ตรวจสอบกัน
เป็นอย่างไรก็ว่าไปตามกฎหมาย” โดยที่เห็นชัดว่ากฎหมายนี้ถูกละเลยไม่ใยดีโดยคนในรัฐบาลประยุทธ์
๒ ทั้งสิ้น
เป็นความไม่เสมอภาคแม้ในทางกระบวนยุติธรรม
ที่ สุวลี โพธิ์งาม ชาวบ้านในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง “ถูกตัดสินจำคุก ๕ เดือน ๑๐
วัน ต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหาย ๑๖๐,๐๐๐ บาท
ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ อช.ไทรทอง เนื้อที่ ๖ ไร่ ๓ งาน ๓๑ ตารางวา”
กับการใช้ประโยชน์ที่ดินตีนเขาเขตอุทยานของปารีณาอย่างผิดกฎหมาย
กลับทำท่าว่าจะ ‘รอดแน่’
แล้วยังไปเข้าประชุมกรรมาธิการ ปปช.จับคู่ ‘สิระ’ ปักหลักป่วน โดยเฉพาะนายสิระนี่พยายามเสนอให้สมาชิกกรรมาฯ ปลดประธานเสียนี่
“การประชุม กมธ.ครั้งต่อไปในวันที่ ๒๐ พ.ย.
ตนจะเสนอให้เปลี่ยนตัวประธาน กมธ. และมั่นใจว่ามีเสียงจาก
กมธ.เกินครึ่งที่จะสนับสนุน...เมื่อถามว่าจะเสนอใครเป็นประธาน กมธ.แทน
นายสิระตอบว่าจะเสนอตนเองเป็นประธานแทน”
(https://www.thairath.co.th/news/politic/1703783 และ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1752351)
นอกจากป่วนแล้ว ส.ส.สิระคนนี้ยังเที่ยวแส่
ไปสั่งการนอกพื้นที่ ทำตัวเป็นรัฐมนตรีเจ้ากี้เจ้าการเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตถึงสองครั้งสองครา
ครั้งแรกเป็นข่าวอื้อซ่าว่าเที่ยวบริภาษณ์ตำรวจท้องที่ไม่จัดคนไปต้อนรับและคอยให้บริการ
คราวนี้ (๑๔ พ.ย.)
อ้างว่าไปติดตามความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนว่ามีเอกชนสร้างคอนโดในพื้นที่ป่าตำบลกะรน
หลังจากฟังรายงานของกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็สั่งให้รองผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นประธานทำรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอตน
แถมกร่างอีกครั้ง ข่าวบอกว่าสิระอ้างต้องมีรายงานตัวจริงให้เห็น
“จะได้รู้ว่า ใครอุ้มใคร ใครทำหน้าที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง อยากเรียนว่าผมไม่ใช่เพื่อนเล่น
อย่ามาล้อเล่นกับผม ผมมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของข้าราชการ”
แต่กระนั้นปรากฏว่ามีชาวบ้านจากอำเภอกะรนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลากลาง
พร้อมด้วยผืนป้ายข้อความ “ทวงคืนคลองบางรัก”
เนื่องจากคลองสาธารณะบริเวณหาดกะตะน้อยแห่งนี้หายไป
“รวมถึงถนนสาธารณะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน
แต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากถูกนายทุนเจ้าของโรงแรมยึดไปครอบครอง
แล้วทำมาหากินจนร่ำรวย ชาวบ้านเดือดร้อน” นายอิทธิพร สังข์แก้ว
รองนายกเทศมนตรีตำบลกะรน แกนนำร้อง
“ไม่เห็นมีใครไปดำเนินการกับนายทุนคนนี้
แถมมีนักการเมืองใหญ่มาปกป้องนายทุนคนนี้ มาแล้วมาอีก
ทำให้วุ่นวายกันหมดทั้งจังหวัด แล้วมาถึงปั๊บก็กลับ”
เขาเจาะจงถึงนายสิระที่ไปภูเก็ตเที่ยวนี้เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการคอนโดมิเนี่ยมกะรนหลุดข้อหา
ทั้งที่ชาวบ้านดักรอร้องเรียน นายสิระไม่ยอมเปิดประตูรถสั่งให้คนขับออกไป