เล่าเรื่องการทำงานในรัฐสภาของ ธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ สักหน่อย ทั้งที่เขาถูกศาลรัฐธรรมนูญ (บางคนเรียก ‘ศาลรัฐธรรมนวย’) อัปเปหิออกไปจากสมาชิกภาพ ส.ส. แม้จะยัง ‘ไม่รู้ไม่ชี้’ ส.ส.พรรครัฐบาลอีก ๓๐ กว่าคน ที่มีฐานความผิดตามข้อกล่าวหาเดียวกัน
วันก่อนหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ทำหน้าที่ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณฯ
มีผู้นำเหล่าทัพบางคนไปตอบข้อซักถาม รวมทั้ง พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
หน้าเฟชบุ๊คของ Wassana
Nanuam ลงรายละเอียดไว้มากพอสมควร แต่ขาดบางประเด็นน่าสนใจไปบ้าง
จึงใช้จากบัญชีของ Thanathorn Juangroongruangkit แทน
ให้ได้เรื่องราวเต็มๆ หน่อย
อย่างเช่น
ประเด็นแรกที่ธนาธรซักถามผู้นำกองทัพเรื่อง ‘เงินนอกงบประมาณ’
กลาโหม ทั้งสิ้น ๑๘,๖๕๗ ล้านบาท เยอะอยู่ “มากเกือบเท่างบประมาณของกระทรวงท่องเที่ยวฯ
กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลฯ รวมกัน (๑.๙ หมื่นล้านบาท)”
เขาเปรียบเปรยว่า “เอาไปเป็นงบสร้างรถไฟทางคู่กรุงเทพฯ-หัวหิน
ได้เกือบครบเส้น (๒ หมื่นล้านบาท) หรือเอาไปเฉลี่ยเป็นเบี้ยเด็ก ๐-๖ ปี ได้เดือนละ ๓๐๐ บาท” ข้อนี้วาสนาลืมใส่ หรืออาจคิดว่าไม่สำคัญ
อีกทั้งเกี่ยวกับ ‘วินัยการคลัง’ ที่ว่า “ให้ถือปฏิบัติการบริหารตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม
เท่ากับให้อำนาจพิเศษแก่กระทรวงกลาโหมมากกว่ากระทรวงอื่นๆ” แล้วยังบางส่วน “อนุญาตให้ตั้งในระบบบัญชีเอง
และตั้งระบบตรวจสอบบัญชีเองได้”
มิน่า วาสนาก้าวข้ามประเด็นเหล่านั้นไปได้
ใช้วิธีเหมารวมๆ ตรงจั่วหัวว่า “ธนาธรเจาะหม้อข้าวทหาร” รวมทั้งข้อสรุปที่ว่า “หมายความว่างบประมาณบางส่วนของกลาโหมมีความ
‘ไม่’ โปร่งใส” อันทำให้ประชาชนตั้งคำถาม
“ทำไมบรรดานายพลจึงร่ำรวยผิดปกติ
โดยดูจากบัญชีทรัพย์สินหนี้สินที่แสดงต่อ ป.ป.ช. เมื่อเดือน พฤษภาคม ๒๕๖๒” นายพล
๘๑ คน ที่อยู่ใน สนช. มีทรัพย์สินรวม ๗๘ ล้าน รายได้เฉลี่ยคนละ ๑๒.๗๒ ล้านบาทต่อปี
แสดงว่าทรัพย์สินเป็นจำนวน ๖.๑๓ เท่าของรายได้ น่าสังเกตุว่า “รายได้และทรัพย์สินเหล่านี้ไม่สามารถได้มาโดยลำพังเงินเดือนการเป็นทหารอย่างเดียว”
สรุปได้อีกว่าอย่างนี้พวกนายพลมีการทำธุรกิจ ‘Sideline’ กันไหมนี่
ผบ.สส. ตอบแบบ ‘สามวาสองศอก’ ว่าเงินนอกงบประมาณนั้นกลาโหมไม่ได้จัดทำเองเสียหน่อย
สำนักงบประมาณจัดให้ ส่วนเรื่องความดปร่งใสของรายได้นายพลนั่นก็ ‘โปร่งใส’ แล้ว “ผ่านการแสดงบัญชีทรัพย์สิน...ทั้งก่อนและหลังรับตำแหน่ง”
ส่วน ผบ.ทบ.‘หัวหมอ’
กว่า ไม่อ้อมค้อมว่า “บางส่วนเป็นรายได้จากโรงพยาบาลของกองทัพ
ซึ่งประชาชนก็เข้ารับการรักษาพยาบาลเหมือนโรงพยาบาลทั่วไป” ทั่นแดงหย่ายลูกพ่อจ๊อด
ลืมบอกด้วยว่าบางส่วนอื่นนั้นขนาดไหน
จากที่ธนาธรแจงไว้ ไม่ว่ากรณีสัมปทานวิทยุ
ทีวี หรือกิจการ ‘ม้า มวย หวย’ และไอโอ คนโตทัพบกอกคับเหรียญตราบอกแต่ว่า “ช่อง ๗ ได้หมดสัญญาไปแล้วตั้งแต่ปี
๒๕๖๑”
ส่วนกะผีกเรื่องรายได้ค่า MUX ซึ่งอย่างน้อยๆ คสช.ครองอำนาจเด็ดขาดมาตั้งแต่ปี ๕๗ มิพักรายได้ช่อง ๕
ที่กว้างกว่า มากกว่าใครๆ ผบ.ทบ.ไม่เอ่ยถึง
ยังมีเรื่องสนามมวย สนามม้า
ที่ธนาธรแจงละเอียด อย่างเช่นเวทีลุมพิณีใหม่ รามอินทรา ใช้งบประมาณ ๓๘๐ ล้าน “ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นกิจการของรัฐหรือเอกชนกันแน่”
กับอีกเวทีที่ทุ่งมหาเมฆ ไม่ได้ใช้งาน สูญงบประมาณไปฉุยๆ ๕๐ ล้านบาท ใครจ่าย
สนามม้าก็เหมือนกัน มีหลายแห่งของทหาร
เช่นที่ค่ายสุรนารี “อยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหมหรือไม่ และรายได้จากสนามม้าไปอยู่ที่หน่วยงานใด
ได้จ่ายภาษีจากการดำเนินกิจการพนันให้กรมสรรพสามิตหรือไม่”
เรื่องนี้ ผบ.สส.เป็นผู้ตอบ ประเภท ‘ถามไม่ตรงคำตอบ’ ว่า “กองทัพทำแบบนี้มานานแล้ว” โดยเริ่มต้นจาก
“กิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของเยาวชน และการดูแลสวัสดิการทหารผ่านศึก”
แต่เดี๋ยวนี้เป็นอะไร อย่างใด ไม่ต้องตอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรรมาฯ
ถามเรื่องปฏิบัติการ ‘ไอโอ’ “มีแฟนเพจเฟซบุ๊กที่ชัดเจนว่าเป็นหน่วยงานทหาร แต่โพสต์ข่าวใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองบางพรรคอย่างต่อเนื่องด้วยวาทะเกลียดชัง”
นั้นไม่มีทางตอบแน่นอน เพราะดันถามในสิ่งที่ไม่อยากตอบไง
(https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/730637304006613=H-R0.g)
(https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_251623)
อนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน
พรรคอนาคตใหม่เปิดเผยหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมาธิการวิสามัญ
พิจารณาร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๐ พ.ย. “ขอไม่รับผลตอบแทนใดๆ
จากการทำงานในฐานะกรรมาธิการที่ผ่านมา”
และทิ้งท้ายว่า
“เมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้ข้าพเจ้าเข้าสภา ข้าพเจ้าขออยู่กับประชาชน”