วุ้ย ได้ฟังบ่าวสรรเสริญนายแล้วขนลุกซ่า เพิ่งรู้ว่าบิ๊ก ‘ตุ๊ดตู่’ พูดอะไร ‘บายฮ้าท’ รู้ (แม่ง) หมดทุกอย่าง
“ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม กลุ่มที่เป็นผู้แทนต่างประเทศได้เข้ามาชื่นชมว่า ไม่นึกเลยนายกฯ ของไทยจะรู้เรื่องทุกอย่าง แบบบายฮาร์ตจากหัวใจ คือพูดออกมาได้หมด ทุกเรื่องราวมีการเชื่อมโยง และยังมีผู้แทนไม่ขอเปิดเผยชื่อจากประเทศตะวันตกบอกว่าอยากให้นายกฯ ไทยไปเป็นนายกฯ บ้านเขา”
‘บัก’ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว. ต่างประเทศรัฐบาลคณะยึดอำนาจประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ภายหลังเปิดประชุม ‘จี-๗๗’ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
(http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx…)
เลยทำให้ใครต่อใครอยากรู้ว่าประเทศตะวันตกที่ว่านั้นอยู่ตรงไหน เส้นรุ้งเส้นแวงอัลไร จะได้ไปกดไล้ค์ กดว้าวให้เขาชื่นใจ แม้อ้างว่าเขาไม่อยากให้ชื่อก็เถอะ
แต่ก็ไม่มีใครยอมคายเบาะแส เว้นแต่คุณปรวย ‘ซ้อลตี้เฮ้ด’ อุตส่าห์ออกมาให้ความกระจ่างแก่ดวงตา ว่าเป็นประเทด “ตะวันตกของเขมร” นั่นไง
ก็ประเทดนี้มีพี่ใหญ่พูดอะไรไม่ค่อยนึกล่วงหน้า อย่างบอกว่า “ไม่ใช่เป็นการไปละเมิดสิทธิ์ ส่วนที่ทหารไปถ่ายรูปนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น อาจเห็นว่าท่านสวย”
(http://www.matichon.co.th/news/53392)
เนื่องจากอดีตนายกฯ หญิงไทยคนแรก complained ถูกตะหานตามติดต้อย stalking และถ่ายรูป ครั้งก่อนแถวอีสานเกือบจะเข้าประชิดหน้าห้องน้ำ พอโดนบ่นก็ถอยไปพักนึงนิดเดียว กลับมาใหม่อีกแล้ว คราวนี้ตามกดชัตเตอร์อดีตนายกฯ คนสวยในงานศพ
ชวนให้นึกถึงคำของทั่นหัวหน้าใหญ่ที่เคยพูดพล่อย ว่าสาวฝรั่งโดนฆ่าข่มขืนในไทยเพราะนุ่งบิกินี่ จึงโดนทั้งโลกด่าขรมว่าเชื้อชาตินี้ ‘sadistics’ หรือไร เห็นบิกินี่ไม่ได้ ของขึ้น
ก็เลยมีคนอดไม่ได้เมื่อได้ยิน ‘พี่ตือ’ ยังขี้ทื่อในคารม “วัฒนา เมืองสุข ผิดหวังพลเอกประวิตรใช้คำพูดแสดงถึงการเหยียดหยามทางเพศ ยิ่งลักษณ์ หลังกรณีทหารบุกถ่ายภาพขณะร่วมงานศพ...
คนที่พูดเคยดำรงตำแหน่งอดีตผู้บัญชาการทหารบก ปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้า คสช. เป็นคนคนเดียวกับนายกสภาทหารผ่านศึกที่กำลังมีข้อครหาเรื่องงานขุดลอกคูคลอง...
อดีตนายกยิ่งลักษณ์เป็นสุภาพสตรี และยังไม่เคยใช้คำพูดแบบถ่อยสถุลเหมือนบางคน แปลกใจคือที่บ้านท่านและสถานที่เคยเรียนมา ไม่ได้อบรมสั่งสอนท่านในเรื่องการให้เกียรติสุภาพสตรีเลยหรือ...
พลเอกชาติชาย ฯ สอนตนว่า 'นักการเมืองจะพูดอะไรต้องคิดก่อน ถ้าเงียบคนเค้ายังไม่รู้ว่าโง่' ตนยังจดจำไม่เคยลืมมาจนบัดนี้”
(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=217750038579920&id=100010347766601&pnref=story)
นั่นแหละที่ทำให้ ‘พี่ใหญ่ของขึ้น’ อีก
คราวนี้ส่งตะหานไปบุกรุกบ้าน วัฒนา เมืองสุข เช้าวันที่ ๒ มีนา เวลาประเทศไทย “โดยทหารกว่าสิบนายได้บุกเข้ามาที่บ้านเลขที่ ๓๑๘ หมู่บ้านสินเก้า ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักของนายวัฒนา เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกชั้นล่างของบ้านด้วย”
เจ้าของบ้านอยู่บนชั้นสองตอบโทรศัพท์นักข่าว “ให้ลูกสาวล็อกบ้านไม่ให้เข้ามา ให้ทหารรอที่สนามหญ้า รอผู้สื่อข่าวมาค่อยลงไป”
ทว่าผู้สื่อข่าวมาไม่ได้ เพราะตะหานบล็อคไว้ “เจ้าหน้าที่ทหาร ปิดทางเข้าออกหมู่บ้านสินเก้า โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปที่บ้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย” ข่าวนี้ Charan Ampornklinkeaw เขียนไว้บนหน้าเฟชบุ๊คของเขา
ท้ายที่สุด “เวลา ๑๐.๐๐ น.เจ้าหน้าที่ทหารเชิญนายวัฒนาไปปรับทัศนะคติ ที่ มทบ.11 กรณีโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พาดพิงถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยถ้อยคำค่อนข้างรุนแรง”
(http://www.matichon.co.th/news/55548)
แต่ว่าสาเหตุลึกกว่านั้น @WassanaNanuam เล่าแจ้ง “บิ๊กป้อมแจง...ทำอะไรไว้ด่าใครไว้ ด่าผม พูดไม่จริงก็ต้องเชิญมากินข้าวหน่อย”
นี่ละประเทศไทยวันนี้ วันที่เศรษฐกิจมีแต่แผ่วกับแห้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยจำต้องปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจจากที่ฝันไว้จะได้ ๓.๕ เหลืออย่างดีแค่ ๒.๐
เนื่องเพราะการส่งออกติดลบ ๘.๙๑ เปอร์เซ็นต์ การเติบโตอยู่ที่ศูนย์ แล้วกูรูเศรษฐกิจนักลอกเลียนยังไม่สามารถผันแนวโน้มขึ้นมาจากดิ่งได้ รู้แต่วิธี ‘อัดฉีด’ ที่แทบจะไม่มีจาระบีไว้ให้อัด โชคดีมหาดไทยมีเงินสะสมขององค์การปกครองท้องถิ่นอยู่ตั้งสามแสนล้าน
“ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีแนวคิดว่าจะนำเงินดังกล่าวในสัดส่วน ๓๐%...ใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กรณีราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ”
(http://www.matichon.co.th/news/53244)
นอกนั้นก็ดีแต่ ‘บลา บลา บลา’ กัน รู้จักแต่วิธีใช้ปากให้เกิดเสียง ไม่มีหลักตรรกะแห่งเหตุและผลของคำพูดที่ออกมา
ดังเมื่อโฆษก ‘ไก่อู’ นักสรรเสริญมาแต่กำเนิด สับแหลก “นักการเมืองที่ออกมาในช่วงนี้ พูดเหมือนกันหมดคือเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ไม่เคยมีใครเรียกร้องเพื่อประเทศไทย” (http://news.voicetv.co.th/thailand/332397.html)
อ้าวเขาไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตยให้ประเทศไทยหรอกหรือ
อีกคน ‘ปนัดดา’ บอกว่า “ทำกันเสียจนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป การเมืองที่ปราศจากธรรมาภิบาล สำคัญคือการยุยงให้ผู้คนแตกแยกเป็นสีเป็นฝ่าย โดยใช้แนวคิด ‘Divide and Rule′ (แบ่งแยกแล้วปกครอง)” (http://www.matichon.co.th/news/51568)
อ๊ะ นี่พูดถึงใครหว่า คำว่า ‘ควายแดง’ มาจากไหนล่ะ
ทีเด็ดกว่าใครคงต้องยกให้ลิ่วล้อ คสช. อย่าง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. เสนอไอเดียเจ๋ง “ต้องทำการเมืองให้สมดุลช่วงเปลี่ยนผ่าน...
ถือเป็นความคิดหนึ่งที่ว่า ในที่สุดเรามีการเลือกตั้งจะกลับไปสู่สถานการณ์เดิมเมื่อวันที่ ๒๒ พ.ค. ๕๗ หรือไม่ หากเราไม่อยากให้กลับไปสู่ความขัดแย้ง นักการเมืองเลวร้ายและนำมาสู่วัฏจักรการปฏิวัติอีก...
ส่วนกรณีที่คนของพรรคเพื่อไทยออกมาวิจารณ์ ตนมองว่าไม่สมควรพูด เพราะคนในกลุ่มคนนี้เป็นผู้ที่ทำลายประชาธิปไตย ดังนั้นไม่มีเครดิตเพียงพอที่จะเสนอทางออกหรือเรียกร้องใดๆ”
(http://www.thairath.co.th/content/581297)
อ้านี่เป็นไปได้ การวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจกับองค์กรลากตั้งเหนือสถาบันเลือกตั้ง กลายเป็นผู้ทำลายประชาธิปไตยไปแล้ว เรื่องเหลือเชื่ออย่างนี้คงมีแต่ในประเทศไตแลนเดียเท่านั้นแหละ
ย้อนกลับมาที่สิ่งสำคัญ คือการหาเงินหาทองมาจุนเจือประเทศชาติ ตามหลักสามัญสำนึกง่ายๆ ไม่ต้องใช้ทฤษฎีเคนส์ ทฤษฎีพอเพียง ถ้าหากจนปัญญาหาได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องหาทางลดรายจ่าย ใช่ไหมเฮีย
แต่นี่ที่เห็นยุคของสองพี่น้อง ‘ตือกับตู่’ ครองเมือง มีแต่จ่ายกับจ่าย เรื่องง่ายๆ ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้ สว. ลากตั้ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญกับองค์กรอิสระอำนาจเหนือรัฐบาลเลือกตั้ง สองครั้งและทำท่าจะเป็นสามครา
ค่าใช้จ่ายที่ถอนมาจากเงินคงคลัง ปาเข้าไปเบาะๆ ๓๔ ล้านครึ่งจากชุดนักร่างฯ ทีมเสี่ยปื๊ด บวรศักดิ์ อุวรรณโณ กับอีกเกือบ ๑๒ ล้านของทีมมีชัย ‘อุจาด’ ซึ่งยังไม่สุดดี มีสำรองที่นายตั้งไว้ให้จับจ่ายกันได้ถึงใกล้ๆ ๑๐๗ ล้าน บานตะไท
(http://www.matichon.co.th/news/52086)
ขี้เกียจจาระไน อยากรู้ละเอียดต้องตามไปดูที่มติชนเขาแจงไว้ ค่าอะไรต่อค่าอะไรสำหรับปรนเปรอพวกนักร่างฯ ให้ถูกใจเจ้านายนั่นน่ะ