วันเสาร์, ธันวาคม 05, 2558

เผด็จการทหารไทยขี้คุย... จิง ๆ บ่มิไก๊...





เผด็จการไทยเกินไปแล้วละนี่ (ใช่ฮัฟ เราเพิ่งถึงบางอ้อ เพราะเมื่อก่อนเห็นคุยโวคุยโตกันนักว่าชายชาติตะหาน)

ไม่เฉพาะก่อกวนรวนตีไม่มีมารยาทอย่างครั้งก่อนๆ ที่เข้าไปเพ่นพ่านห้องประชุมระหว่างการเสวนา เดี๋ยวนี้มีกรณีทหารไปเฝ้าหน้าบ้านณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ทุกวัน จนเจ้าตัวสุดทน ต้องแก้ไขด้วยการเอาอารมณ์ขันเข้าใส่ เดินไปถามไถ่คุยด้วยแล้วร้องเพลงให้ฟังหลายครั้ง...พร้อมกับถ่ายคลิป เพื่อประจาน

แต่ที่เกินไปถึงขั้น harassment อยู่ที่มีทหารตามไปเฝ้าภรรยาของณัฐวุฒิตอนส่งลูกไปโรงเรียนนี่สิ ละเมิดสิทธิส่วนตัวเขามากล้ำเส้นความเหมาะสม

อาการล่วงล้ำกำเริบไปถึงในศาล เมื่อทหารที่ทำหน้าที่ราชทัณฑ์ในเรือนจำชั่วคราว มทบ. ๑๑ ข่มขู่กีดกันไม่ให้ทนายได้พบผู้ต้องหา จะอ้างอย่างไรไม่ขึ้นหรอกว่า นี่เป็นวิธี harass แบบฟาสซิสต์




ต่อกรณีนายวิญญัติ ชาติมนตรี และนางเบญจรัตน์ มีเทียน สองทนายถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ของทหารที่ มทบ. ๑๑ คุกคามและกีดกันไม่ให้ได้พบกับสองผู้ถูกกล่าวหาเตรียมการป่วนงานไบ๊ค์ฟอร์แด๊ด การปรากฏว่าผู้พิพากกระทำเหมือนรู้เห็นเป็นใจ

“ผู้พิพากษาได้แจ้งว่าเรื่องนี้เป็นคนละขั้นตอน ควรดำเนินการต่างหาก ต้องไปร้องหรือทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนแทนที่จะมาแจ้งศาล อย่างไรก็ตาม วิญญัติได้ยืนยันจะแถลงให้ศาลรับทราบและร้องขอให้ศาลจดคำแถลงของทนายในรายงานกระบวนพิจารณาแต่ไม่เป็นผล”

“เรื่องการคุกคามมันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับทนายความ แล้วประชาชนล่ะจะขนาดไหน” วิญญัติกล่าว

(http://prachatai.org/journal/2015/12/62782)

แน่นอน การกระทำของลิ่วล้อและเบี้ยร่ายปลายทาง ย่อมสะท้อนภาพพจน์ของนายใหญ่ ซึ่งก็ไม่ค่อยน่าชมคมขำนักกับศักดิ์ศรีผู้นำประเทศ

ดูจากบทความของนายวิลเลี่ยม เพเส็ก บรรณาธิการนิตยสารแบรอน ภาคเอเซียเมื่อวานนี้




เขาบอกว่ารัฐประหารไทยคราวนี้บ่มิไก๊ ไม่เข้าท่ายิ่งกว่าคราวที่แล้วด้วยสามเหตุ

อันแรก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขาดวิสัยทัศน์ ไปบอกไว้กับยูไนเต็ดเนชั่น บลา บลา บลา พอทำจริง ขย่มเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น (สไตล์จีน) ปิดกั้นการเสนอข่าวที่ทำให้ตนดูไม่ดี (เอาอย่างเกาหลีเหนือ) แถมขู่จะปิดประเทศ (แบบขแมร์รูจ์)

ซ้ำสภาพหนี้เอกชนในประเทศเพิ่มขึ้น ๓๐ เปอร์เซ็นต์ จนแกเบรียล เสติร์น นักเศรษฐศาสตร์อ็อกฟอร์ด บอกว่าไทยกำลังตกอยู่ในสภาพเศรษฐกิจชนิดต้องกู้ตะบันอันน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

อันที่สอง จังหวะเวลาไม่เข้าท่า เศรษฐกิจจีนกำลังน้ำเต้าน้อยถอยลง กระทบกระแทกเศรษฐกิจย่อยของเอเซียที่ยังอ่อนเปลี้ยหนักหน่วง สิ้นเดือนนี้ (ปลายปี) ‘เฟ็ด’ หรือกองทุนสำรองกลางสหรัฐจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ‘ไพรม์’ แน่ๆ ทำให้ทีมเศรษฐกิจของประยุทธ์โดยสมคิดไม่มีทางปรับโครงสร้างพลิกสภาพได้อย่างที่เพ้อไว้

“โลกเขาไม่มามัวรอประเทศไทยอยู่อย่างแน่นอน” นายเพเส็กว่า ทั่วทั้งเอเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปีนส์ เวียตนาม เขาปรับตามกันไปไกลแล้ว ทีมประยุทธ์ยังมะงุมมะงาหรา น่าจะต้องทนทุกข์ระทมกับ “lost decade” ไปอย่างสมน้ำหน้า

อันที่สาม ถอยไปหานโยบายที่ตนเองพยายามทำลาย ใช้สมคิด จาตุศรีพิทักษ์มาทำทักษิโณมิคโดยไม่อ้างชื่อ แต่ทำอย่างห่วยๆ ก็เลยตำน้ำพริกละลายแม่น้ำทั้งๆ ที่กะปิหมด

“ฮุนต้าไทยชักช้ายืดยาดในแผนการทุ่มทุน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านในด้านสาธารณูปโภค อันรวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงจากจีนมาสู่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เงินที่ถมลงไปในชนบทควรที่จะเอามาพัฒนาทรัพยากรบุคคลเสียดีกว่า จะทำให้เพิ่มผลผลิตและรายได้”

(http://www.barrons.com/…/thailands-generals-shoot-land-of-s…)

(ข้อนี้บังเอิญหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไปตรงกับเหตุผลหนึ่งที่เอฟเอเอสหรัฐลดเกรดกิจการบินไทย ว่าเพราะไม่มีทรัพยากรบุคคลประเภทคุณภาพ)

ไม่แต่เท่านั้น ยังมีบทสัพพีจากต่างประเทศต่อเผด็จการไทยแบบตู่ๆ อีกราย The International Policy Digest ว่าไว้ก่อนหน้านี้สองสามวัน

“ประเทศไทยเป็นคนป่วยแห่งเอเซีย” ที่ดันพยายามจะใช้ ‘ยาจีน’ รักษา แต่เห็นทีว่าหมอจีนอาจจะให้ยาไม่ถูกกับไข้ แล้วยังบวกโน่นบวกนี่ค่าโสหุ้ย แปะเจี๊ยเก๊าเจี๊ยแพงหูฉี่เสียอีก




(รายละเอียดข่าว ว้อยซ์ทีวีเขาแปลไว้แล้วhttp://news.voicetv.co.th/world/293865.html)

ในอดีตที่ผ่านมาเผด็จการที่แน่จริงอย่างฟรังโกของสเปน หรือเปรองของอาร์เจ็นติน่า กระทั่งฮิตเลอร์ที่บ้าคลั่งก็ยังอาจมีคนแอบเรียกว่า ‘บุรุษเหล็ก’ บ้าง

แต่ถ้าเผด็จการขี้คุย โวไว้มากมาย ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง แล้วยังเที่ยวเกะกะระรานชาวบ้าน คนเขาไม่แอบเรียกแล้วละ เขาด่าใส่หน้าเลยว่า ‘กุ๊ย’

และถ้าบทความจาก Vice UK ชิ้นนี้จะเป็นเครื่องชี้บ่ง คำถามบนจั่วหัวเรื่องที่ว่า

“Does Thailand secretly think its dictator is an idiot?”

(http://www.vice.com/…/thailand-secretly-thinks-its-prime-mi…)

คำตอบก็คือ ‘โน’ มันไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว