วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 26, 2566

4 ตระกูลมาเฟียจีนเทา ก็อดฟาร์เธอร์แห่งเล้าก์ก่าย ที่ล่อลวงให้คนมาทำงานขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ถึงจุดจบได้อย่างไร


หมิง เฉินเฉิน และหมิง กั๋วปิง ถูกตำรวจจีนจับ

ปิดตำนาน 4 มาเฟียจีนเทาเมืองเล้าก์ก่าย ผู้ครองอาณาจักรกาสิโน-แก๊งคอลเซ็นเตอร์

โจนาธาน เฮด
ผู้สื่อข่าวบีบีซี ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
23 พฤศจิกายน 2023

เมื่อไม่นานมานี้ ตำรวจจีนได้เผยแพร่ภาพการควบคุมตัวชายและหญิงด้วยกุญแจมือ หน้าประตูทางผ่านพรมแดน

ชายและหญิงสองคนนี้ถูกส่งตัวข้ามแดนมาให้ตำรวจจีนจากฝั่งเมียนมา พวกเขาเป็นผู้ต้องหาชุดล่าสุด จากการกวาดล้างและจับกุมเหล่าผู้กระทำผิดฐานดำเนินธุรกิจมืด เป็นแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์และโกงเงินออนไลน์ ในเมืองเล้าก์ก่าย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมา ติดกับพรมแดนจีน

ชายและหญิงสองคนนี้ ชื่อ หมิง กั๋วปิง และหมิง เฉินเฉิน พวกเขาเป็นบุตรชายและหลานสาวของหนึ่งในผู้นำกลุ่มกองกำลังที่ทรงพลังที่สุด ที่ปกครองเมืองเล้าก์ก่ายตลอด 14 ปีที่ผ่านมา

สงครามการสู้รบระหว่างทหารเมียนมา และกองกำลังฝ่ายต่อต้าน นำมาสู่จุดจุบของมาเฟียจีน 4 ตระกูล ที่ทรงอิทธิพลในเมืองพรมแดนที่ไร้กฎหมายควบคุมแห่งนี้

ในห้วงเวลาเดียวกับที่ตำรวจจีนเผยแพร่ภาพการจับกุมทั้งสอง เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (16 พ.ย.) สำนักข่าวของรัฐบาลทหารเมียนมาก็เผยแพร่ภาพการพิสูจน์ศพของชายวัย 69 ปีบนหลังรถตู้

ร่างไร้วิญญาณของชายคนนี้ คือผู้นำกลุ่มกองกำลังดังกล่าวที่ชื่อ หมิง เสวียชาง ที่กองทัพเมียนมาอ้างว่า ปลิดชีพตัวเองหลังถูกจับกุม ซึ่งเป็นคำอธิบายที่หลายคนไม่ปักใจเชื่อ

นี่คือจุดจบแสนอัปยศของเรื่องราวอันน่าตื่นตาที่เริ่มต้นในวันเวลาแห่งสงครามและการปฏิวัติ แต่จมดิ่งสู่การค้ายาเสพติด การพนัน ความโลภ และการเฉือนคมหักเหลี่ยมของเหล่ามาเฟีย

4 ตระกูล

หมิง เสวียชาง เป็นลูกสมุนของ ไป่ โส่วเฉิน ผู้นำของหนึ่งใน 4 ตระกูลมาเฟียจีนเทา

ภายใต้อิทธิพลของพวกเขา เมืองเล้าก์ก่ายได้ถูกแปรสภาพจากเมืองชนบทยากจน ไปเป็นศูนย์กลางกาสิโน ตึกระฟ้า และย่านประเวณี

แม้จะทรงอำนาจ แต่ตระกูลหมิงก็ยังไม่ถือว่าเป็นหนึ่งใน 4 ตระกูลมาเฟียใหญ่ ที่นำโดย ไป่ โส่วเฉิน, เหวย เชาเรน, หลิว กั๋วซี และ หลิว เจิ้งเซียง


ทางการเมียนมาส่งตัวผู้ต้องสงสัยเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายร้อยคนให้ทางการจีน หลังการล่มสลายของผู้นำกองกำลังเถื่อนบริเวณแนวชายแดน

สำหรับเมืองเล้าก์ก่ายนั้น ถูกพัฒนาเป็นแหล่งการพนัน เพื่อสนองตอบความต้องการของชาวจีนที่อยากเล่นพนัน แต่ทำในจีนไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย รวมถึงผู้คนจากประเทศใกล้เคียงอีกหลายแห่ง นี่ทำให้กาสิโนที่มีมากมายในเล้าก์ก่าย พัฒนาเป็นแหล่งฟอกเงินชั้นดี รวมไปถึงเป็นแหล่งค้ามนุษย์ และศูนย์กลางขบวนการมิจฉาชีพโกงเงินออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์

มีการประเมินว่า มีชาวต่างชาติมากกว่า 100,000 คน รวมถึงชาวจีนจำนวนมาก ที่ถูกล่อลวงให้มาทำงานในศูนย์คอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ พวกเขาถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว และบีบให้ต้องทำงานนานหลายชั่วโมงต่อวัน ในขบวนการโกงเงินออนไลน์ที่สลับซับซ้อน พุ่งเป้าหลอกเงินจากเหยื่อทั่วโลก รวมถึงในไทย

หมิว เสวียชาง เป็นผู้บริหารจัดการศูนย์มิจฉาชีพโกงเงิน ที่เรียกว่า “ตำหนักเสือหมอบ” เขายังคุมบังเหียนกองกำลังตำรวจในท้องที่ ซึ่งแต่งกายในเครื่องแบบตำรวจเมียนมาทั่วไป แต่ปฏิบัติตนเสมือนเป็นแก๊งมาเฟีย ตำรวจเหล่านี้เองที่เป็นผู้บังคับใช้กฎที่กำหนดโดย 4 ตระกูลแห่งเล้าก์ก่าย


หมิง เฉินเฉิน กับ นี ลิน อ่อง เจ้าหน้าที่ทหารอาวุโส และผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา

ย้อนไปเมื่อเดือน ก.ย. 2023 รัฐบาลจีนเพิ่มแรงกดดันให้ขบวนการจีนเทาที่ดำเนินงานศูนย์มิจฉาชีพโกงเงินทั้งหมด ต้องปิดตัว และส่งมอบตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี แต่ตระกูลหมิงปฏิเสธ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะมีการประเมินว่า กาสิโนที่แต่ละตระกูลครอบครองอยู่ มีเม็ดเงินหมุนเวียนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว ถือเป็นความมั่งคั่งที่ยากเกินจะยอมทิ้งไป

4 ตระกูลมาเฟีย มีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพเมียนมา ส่วนตระกูลหมิงนั้น ก็เชื่อว่าตนเองได้รับความคุ้มครอง แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้จัดการจากรัฐบาลจีนซึ่งมีอิทธิพลในภูมิภาคชายแดนแห่งนี้มายาวนาน

อิทธิพลจากจีน

ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 20 ต.ค. คนงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกลำเลียงตัวออกมาจากตำหนักเสือหมอบ คาดว่านี่เป็นการรับมือกับการบุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของตำรวจจีน

คนงาน 50-100 คน พยายามฉวยจังหวะหนี ทำให้ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดฉากกราดยิงใส่คนงาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน มีรายงานว่า มีตำรวจจีนที่แฝงตัวเข้าไปสืบสวนแก๊งนี้เสียชีวิตด้วย

จากเหตุสังหารหมู่นี้ ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นของมณฑลใกล้เคียงในจีน ออกจดหมายประณามอย่างรุนแรง ขณะที่ตำรวจจีนประกาศหมายจับสมาชิกตระกูลหมิง 4 คน

นี่เรียกได้ว่าฟางเส้นสุดท้ายของรัฐบาลจีนที่ไม่พอใจรัฐบาลทหารเมียนมา ที่ไม่ยอม หรือไร้ศักยภาพในการแก้ปัญหาจีนเทาในเล้าก์ก่าย และเป็นเหตุผลที่กองกำลังฝ่ายต่อต้าน ที่เรียกตัวเองว่า กองกำลังภราดรภาพ เปิดฉากโจมตีใส่กองทัพเมียนมาเมื่อปลายเดือน ต.ค.

จีนพยายามเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น และรักษาสันติภาพบริเวณพรมแดน แต่ความพยายามกวาดล้างขบวนการจีนเทา-ตระกูลมาเฟียจีน ที่มั่งคั่งและพร้อมสรรพด้วยอาวุธในเล้าก์ก่าย ดูเหมือนจะทำให้เป้าหมายหลักของจีนเปลี่ยนไป


เล้าก์ก่าย เคยเป็นเมืองที่ยากจน ก่อนกลายมาเป็นแหล่งกาสิโนและฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กองกำลังฝ่ายต่อต้านระบุว่า เป้าหมายของพวกเขา คือการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และผลักดันการล้มล้างรัฐบาลทหารเมียนมา ที่ยึดอำนาจมาตั้งแต่ปี 2021

แต่ความขัดแย้งในเล้าก์ก่าย ดูเหมือนจะเป็นการล้างแค้นเสียมากกว่า และเป็นความอาฆาตที่สะสมมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น

ก็อดฟาร์เธอร์แห่งเล้าก์ก่าย

4 ตระกูลมาเฟีย ที่ทรงพลังขึ้นมาปกครองเมืองเล้าก์ก่ายได้รับอานิสงค์จากมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่นำการรัฐประหารเมื่อปี 2021

ย้อนไปเมื่อปี 2009 มิน อ่อง หล่าย นำปฏิบัติการทางทหาร เพื่อขับไล่ เปิ้ง เจี้ยเฉิง ผู้นำกองกำลังเถื่อนคนก่อนในเล้าก์ก่ายออกไป

มิน อ่อง หล่าย ต้องการแต่งตั้งพันธมิตรของตนเองที่ภักดีต่อรัฐบาลทหารในยุคนั้น ที่กำลังกดดันกบฏชนกลุ่มน้อยให้แปรสภาพมาเป็นกองกำลังฝ่ายรัฐบาลในฐานะกองกำลังพิทักษ์ชายแดน

กบฏชนกลุ่มน้อยส่วนใหญ่ปฏิเสธ รวมถึง เปิ้ง ด้วย แม้ว่ากองทัพเมียนมาจะให้คำมั่นว่า จะอนุญาตให้เขาทำธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงค้ายาเสพติดในเล้าก์ก่ายต่อไปได้

เปิ้ง เป็นหนึ่งในผู้นำกองกำลังเถื่อนในรัฐฉาน ที่กำเนิดขึ้นมาจากความวุ่นวายช่วงหลังได้รับเอกราชจากเจ้าอาณานิคมอังกฤษ

ในสมัยนั้น รัฐฉานเป็นรัฐที่ยากจน อยู่ห่างไกล และผืนดินไม่อุดมสมบูรณ์ เศรษฐกิจหลักของรัฐในเวลานั้นจึงเป็นการปลูกฝิ่น จนกลายเป็นแหล่งปลูกฝิ่นรายใหญ่ที่สุดของโลก รายได้จากการปลูกฝิ่นยังเป็นท่อน้ำเลี้ยงของกบฏชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มด้วย

ช่วงเริ่มแรก เปิ้ง เป็นผู้บัญชาการของพรรคคอมมิวนิสต์พม่าที่จีนให้การสนับสนุน ก่อนที่เขาจะก่อกบฏในปี 1989 หลังจีนตัดขาดการช่วยเหลือ เป็นเหตุให้พรรคคอมมิวนิสต์พม่า แตกออกเป็นกลุ่มกบฎติดอาวุธหลายกลุ่ม


เปิ้ง เจียเฉิง เคยเป็นผู้นำทางทหารที่ทรงอิทธิพลในรัฐฉาน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลทหารเมียนมารู้สึกถึงความสุ่มเสี่ยง หลังรัฐบาลได้ทลายการลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนเมื่อปี 1988 ด้วยความโหดเหี้ยม การลุกฮือครั้งดังกล่าวได้ทำให้ ออง ซาน ซูจี กลายมาเป็นผู้นำของฝ่ายต่อต้านเป็นครั้งแรก

รัฐบาลทหารวิตกว่ากบฏชนกลุ่มน้อยกับฝ่ายต่อต้านอาจจับมือกัน เหล่านายพลจึงรีบอ้าแขนสร้างสันติภาพกับกลุ่มกบฏ โดยเปิดให้พวกเขาสร้างอาณาจักรของตนเอง และทำธุรกิจผิดกฎหมายได้เต็มที่

เปิ้ง เริ่มจากการพัฒนาเล้าก์ก่ายให้เป็นแหล่งการพนัน ภายหลังถูกกดดันให้ต้องลดธุรกิจยาเสพติดลง แต่แล้วในปี 2009 เมื่อเขาปฏิเสธคำร้องขอจากรัฐฐาลทหาร ให้เปลี่ยนกองกำลังของเขาเป็นกองกำลังพิทักษ์พรมแดน มิน อ่อง หล่าย เลยชักชวน ไป่ โส่วเฉิน รองผู้บัญชาการของ เปิ้ง ให้ก่อกบฏ

เปิ้ง ถูกขับไล่ออกจากประเทศจีน กาสิโนของเขาเต็มไปด้วยรอยกระสุน จากความขัดแย้งภายใน (แม้จะเกิดการยินกันภายในกาสิโน แต่นักพนันตัวยงบางคนก็ยังเล่นพนันต่อไปไม่หยุด) ผลลัพธ์คือ ไป่ และอีก 3 ตระกูล ยึดครองธุรกิจกาสิโนในเล้าก์ก่ายสำเร็จ


ไป่ โส่วเฉิน เคยเป็นรองผู้บัญชาการของเปิ้ง

ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลทหารเมียนมา ตระกูลมาเฟียทั้ง 4 จึงพัฒนาเครือข่ายธุรกิจมากมายไปทั่วเมียนมา ทั้งการถือหุ้นในการทำเหมืองแร่ ภาคพลังงาน สาธารณูปโภค กาสิโนในประเทศอื่น ๆ อย่างกัมพูชา และสร้างสัมพันธ์กับขบวนการอาชญากรทั้งในมาเก๊าและในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน

เล้าก์ก่าย แปรสภาพเป็นเหมือน “เมืองชายแดนตะวันตกของอเมริกา” หรือยุค “ไวลด์เวสต์” ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากมีเงินก็ซื้อขายได้แทบทุกอย่าง เป็นเมืองที่มักมีการดวลปืนกันระหว่างขบวนการมิจฉาชีพคู่อริ คนมีอำนาจมักเลี้ยงสิงโตและเสือเป็นสัตว์เลี้ยง

อย่างไรก็ดี กองกำลังของเปิ้ง คือ เอ็มเอ็นดีเอเอ (MNDAA) ยังคงภักดีต่อเขา ซึ่งในปี 2015 เปิ้ง พยายามยึดเมืองเล้าก์ก่ายคืนจาก 4 ตระกูลมาเฟียแต่ไม่สำเร็จ

กองกำลังเอ็มเอ็นดีเอเอ จึงไปจับมือกับกลุ่มติดอาวุธรัฐฉาน จนเมื่อ เปิ้ง เสียชีวิตด้วยวัย 91 ปี ก็มีการจัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะอดีตเจ้าพ่อ โดยมีกองกำลังติดอาวุธ และผู้นำทางทหารจำนวนมากในภูมิภาคเข้าร่วม

แม้แต่ มิน อ่อง หล่าย ก็ยังส่งผู้บัญชาการอาวุโส มาแสดงการไว้อาลัยต่อศัตรูเก่า ขณะที่ลูก ๆ ของเปิ้ง ก็ขึ้นมาบัญชาการกองกำลังเอ็มเอ็นดีเอเอต่อ เพื่อรอคอยโอกาสที่จะขับไล่ ไป่ ที่ในสายตาของพวกเขา ไป่ คือผู้แย่งชิงทุกอย่างของพวกเขาไป


ภาพจากพิธีศพของ เปิ้ง ในปี 2022

ตอนนี้ กองกำลังเอ็มเอ็นดีเอเอ ควบคุมจุดผ่านแดนหลัก และถนนแทบทุกสายของเล้าก์ก่าย จนใกล้จะยึดเมืองหลวงแห่งกาสิโนของเมียนมา ซึ่งเป็นแหล่ง “การแพร่ระบาดของการหลอกลวงออนไลน์” หรือ Scamdemic ตามคำกล่าวขององค์การสหประชาชาติ ได้แล้ว

ยังไม่มีใครคาดเดาว่า กองกำลังเอ็มเอ็นดีเอเอจะทำอะไรกับเมืองนี้ แต่ในเมื่อพวกเขาให้คำมั่นกับจีนว่าจะทลายแก๊งมิจฉาชีพ นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องหาช่องทางอื่นมาเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กองกำลังของตัวเอง ทั้งนี้ การประกาศชัดถึงเป้าหมายการโค่นล้มรัฐบาลทหารเมียนมา ก็เป็นสิ่งที่ขบวนการฝ่ายต่อต้านให้การต้อนรับ

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ประชนหลายล้านคนในเมียนมา ต่างได้รับทราบข่าวความสำเร็จของกบฏชนกลุ่มน้อย ที่จับกุมทหารและยึดอาวุธของกองทัพเมียนมาไว้ได้ ส่วนตระกูลมาเฟียแห่งเล้าก์ก่าย ก็กำลังถึงจุดจบเช่นกัน

เมียนมาที่อยู่ใต้การปกครองของเผด็จการทหารมาเกือบ 3 ปี ตอนนี้เป็นห้วงเวลาที่รัฐบาลทหารเมียนมาอ่อนแอ ประชาชนบางคนถึงกับกล้าฝันว่า ใกล้แล้วที่รัฐบาลทหารจะถึงการล่มสลาย

แต่ความจงรักภักดีที่แปรเปลี่ยนไปได้ตลอด ในดินแดนที่ไร้ขื่อแปรนี้ ประชาชนอาจไม่ควรปักใจเชื่อเป้าหมายของกองกำลังเอ็มเอ็นดีเอเอ

เพราะในห้วงเวลาที่บทความนี้เผยแพร่ เราก็ยังไม่รู้ว่า ไป่ โส่วเฉิน อยู่ที่ไหน เช่นเดียวกับ เหวย เชาเรน และหลิว เจิ้งเซียง ส่วนมาเฟียตระกูลที่ 4 คือ หลิว กั๋วซี นั้น เสียชีวิตไปเมื่อปี 2020

แต่ด้วยสมาชิกตระกูลมาเฟียจำนวนมากอยู่ใต้การควบคุมตัวของรัฐบาลจีน บางคนออกมาให้การสารภาพด้วยความสำนึกผิด ส่วนคนงานในแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์หลายพันคน ก็ถูกส่งตัวต่อให้ตำรวจจีนแล้ว ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงไทย พยายามช่วยพลเรือนของตนที่ถูกล่อลวงไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเล้าก์ก่าย ให้ออกมาอย่างปลอดภัย

ดูเหมือน การระบาดของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมา จะถึงการอวสาน แต่นั่นอาจหมายความว่า ขบวนการมิจฉาชีพสีเทาเช่นนี้ อาจแค่เปลี่ยนฐานดำเนินการใหม่ ไปยังดินแดนไร้กฎหมายควบคุมแห่งอื่นของโลกก็เป็นได้