"ถ้าไม่ได้กระทำผิด แล้วจะกลัวอะไร"
เป็นคำพูดที่คนในรัฐบาลนี้ ใช้เพื่อกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม อยู่เสมอๆครับ
กล่าวหาทั้งๆที่รู้กันอยู่ว่า สิ่งที่เขากลัว ไม่ใช่เพราะเขากระทำผิด แต่ที่เขากลัวคือ "ความอยุติธรรม ขององค์กรอิสระ" ซึ่งควรจะให้ความเป็นธรรมกับคนทุกสีทุกฝ่าย แต่ในความจริงของประเทศไทย กลับไม่เป็นเช่นนั้น
องค์กรอิสระถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง ของพวกที่ชอบอ้างว่าตัวไม่ใช่นักการเมือง และชอบที่จะกล่าวหาว่า นักการเมืองเลวไปเสียทั้งหมด จึงมุ่งมั่นที่จะทำลายล้างขั้วการเมือง (ที่ตนไม่ชื่นชอบ) มาโดยตลอด
เมืองไทยที่ผ่านมา ขั้วการเมืองฝ่ายหนึ่งทำผิดมหันต์ แต่คดีกลับถูกดึงเนิ่นช้า ไม่พิจารณาเสียที และในที่สุดก็ปล่อยคดีให้หมดอายุความ ประเทศชาติเสียหายมหาศาล โดยที่เอาผิดใครก็ไม่ได้
ส่วนคดีของขั้วการเมืองอีกฝ่ายหนึ่ง กลับทำคดีรวดเร็วปานติดจรวด แป๊บเดียวสรุป แป๊บเดียวสั่งฟ้อง แถลงข่าวชวนเชื่อ ดิสเครดิตกันรายวัน ทั้งๆที่ศาลยังไม่ทันพิจารณาคดี แต่ออกข่าวราวกับพิพากษาว่ามีความผิดไปเรียบร้อยแล้ว
เรื่องข้าวก็เหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งรับประกันราคาข้าว ฝ่ายหนึ่งรับจำนำข้าว โดนกล่าวหาว่าผิดเหมือนกัน แตกต่างกันเพียง ฝ่ายหนึ่งชื่อประชาธิปัตย์ อีกฝ่ายคือเพื่อไทย ความเร่งรีบของคดี แซงกันเข้าเส้นชัย ยิ่งกว่านิยายกระต่ายวิ่งแข่งกับเต่า
องค์กรอิสระถูกนำมาใช้ เป็นอาวุธทางการเมือง จนกระทั่งประชาชนทั่วไป เกิดวิกฤติศรัทธา คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ว่า ไม่มีความยุติธรรมเท่าเทียม จนทำให้ความเชื่อถือศรัทธา เสื่อมถอยตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รัฐบาลนี้ เวลาจะกล่าวหาคนอื่นพูดได้พูดดีครับ แต่เวลาใช้พวกตนเอง ไปเป็นเครื่องมือกล่าวหาผู้อื่น กลับใช้อำนาจพิเศษ "นิรโทษกรรมล่วงหน้า" โดยใช้ ม.44 กำหนดให้ห้ามฟ้องกลับคณะทำงานเรื่อง "จำนำข้าว" ทั้ง ทางแพ่ง ทางอาญา แม้กระทั่งทางวินัย ก็อภัยให้หมด
ไม่มีความยุติธรรม ก็เกิดความแตกแยก มีความแตกแยก ก็เกิดความวุ่นวาย คนในชาติก็ปรองดองกันไม่ได้ ประชาธิปไตยก็ไม่บังเกิด
อย่างที่คุณพ่อผมเพิ่งพูดไปครับ
"ความปรองดอง ความยุติธรรม ต้องเกิดขึ้นจาก "ใจที่เป็นธรรม" เท่านั้น ...!!
Oak Panthongtae Shinawatra